บทความนี้จะขอแนะนำวิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ฝึกฟังง่ายๆ เรียนด้วยตนเองผ่านมือถือ Anroid นั่นเอง ส่วนใครที่ใช้ iPhone ก็ใช้วิธีเดียวกันได้ ปัจจุบันแทบทุกคนจะใช้มือถือ Android อยู่แล้ว เราจึงสามารถฝึกทักษะฟังและพูดด้วยตนเองได้ทุกที่

 

เมื่อนึกถึงการเรียนภาษาอังกฤษ หลายคนจะนึกถึงเพื่อนชาวต่างชาติ มีซะมี มีแฟนต่างชาติ มาแลกเปลี่ยน ฝึกพูด ฝึกคุย หรือต้องไปเรียนกับ สถาบันสอนภาษาโดยตรง แต่ไม่จำเป็นเลย เพราะโอกาส เวลา เงินทอง คงไม่ได้พร้อมสำหรับทุกคน แต่... โอกาสก็เกิดขึ้นแล้ว แทบทุกคนในประเทศ ไทยตอนนี้ใช้มือถือสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะมือถือ Android ดังนั้นเราจึงสามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษและฝึกฟังด้วยตนเองคนเดียว ก็เก่งภาษาอังกฤษได้ไม่ ยากเลย

ซึ่งในความเป็นจริง แม้เราจะมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ หรือมีเงินไปเรียนกับสถาบันต่างๆ แต่ก็อาจจะไม่มีเวลาไปเรียน หรือคงจะไม่มีใครขยันสอน อะไรให้เราได้มากขนาดนั้น การคาดหวังว่ามีแฟนชาวต่างชาติแล้วจะได้เรียนรู้ภาษา ก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะพอเป็นแฟนหรือเป็นเพื่อนกันแล้ว ไม่มีใครสอนใครแน่นอน ผู้เขียนมีเพื่อนต่างชาติ เวลาเจอกันก็ไม่สอนอยู่แล้ว

เราต้องมาฝึกเอง การได้เจอชาวต่างชาติ ก็ถือว่าเป็นการทดลองวิชา แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ได้เจอบ่อยนัก แต่ผู้เขียนเจอแทบทุกวันนะ เดิน สวนกันในตลาด

 

การวิธีฝึกพูดและฝึกฟังภาษาอังกฤษ แบบง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนมากนัก

วิธีนี้ลงทุนไม่มาก ไม่เกิน 500 บาท สำหรับการซื้อหนังสือหรือสื่อการเรียน การสอนดีๆ ซึ่งแนะนำให้เริ่มต้นง่ายๆ ตามนี้
1. หาคู่มือสอนภาษาอังกฤษ เน้นเล่มที่มีซีดี mp3 อย่าเลือกเล่มที่แถมซีดีโปรแกรมเพราะจะต้องติดตั้งลงคอมพิวเตอร์ ผู้เขียนเลือกเล่มนี้ด้วยความหนา ประมาณ 400 หน้า ครอบคลุมแทบทุกเรื่อง หลักจากฝึกไม่จริงจังนักประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มพูดได้ ฟังออก พอจะสื่อสารกับชาวต่างชาติรู้เรื่อง เล่มนี้ เป็นของสำนักพิมพ์ MIS ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังมีขายอยู่หรือไม่ ลองไปดูในร้าน 7-11 ใกล้บ้าน หนังสือแนวนี้จะมีขาย


3. ส่วนอีกเล่มขอแนะนำคู่มือ พูดภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์ เล่มนี้หนากว่า เนื้อหาครบๆ เหมือนกัน ลงทุนกับเล่มนี้เล่มเดียวก่อนก็พอแล้ว ฝึกพูด ภาษาอังกฤษตามเนื้อหาในหนังสือให้คล่องและฝึกฟังให้ทัน ซึ่งแค่เล่มเดียวนี้ ก็ใช้เวลาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้ลดราคาจาก 199 บาท เหลือ 169 บาท คลิกเพื่ออ่าน รายละเอียดคู่มือ พูดภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์ สนใจก็สั่งทางเน็ตได้เลย หรือไปหาดูตามร้าน 7-11 ใกล้บ้าน เหมือนจะเคยผ่านตา เคยเห็นวางขายในชั้นหนังสือ


4. การเตรียมสื่อสำหรับเรียนด้วยตัวเองโดยใช้วิธีง่ายๆ ด้วยการใช้มือถือถ่ายแต่ละหน้ากระดาษเก็บไว้ เพื่อความง่ายเวลาเปิดอ่านไปพร้อมกับการฟังไฟล์ mp3 ที่มากับหนังสือ วิธีถ่ายภาพด้วยมือถือ Adnroid หรือ iPhone หรือแท็บเล็ต ให้ใช้วิธีดังภาพ วางมือถือบนโต๊ะหรือเก้าอี้แล้วถ่ายไปทีละหน้า ข้อดีก็คือ ภาพไม่สั่นไหว แต่เลือกความละเอียดให้เหมาะสม ภาพจะไม่ใหญ่เกินไป


3. เวลาฝึกฟังและฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เปิดแอป ฟังเพลง พร้อมกับเปิด แอป แกลเลอรี่ เพื่อแสดงหน้าหนังสือที่ถ่ายเก็บไว้ จากนั้นให้เลื่อนดูหน้า กระดาษไปพร้อมๆ กัน สะดวกมาก ไม่ต้องพกหนังสือเล่มโตๆ ติดตัว การฝึกแบบนี้จะน่าเบื่อช่วงแรก ที่ต้องดูไปด้วย ฟังไปด้วย แต่ฝึกหลายๆ รอบ ก็ จะจำได้ ฝึกทุกวันก็จะเริ่มดีขึ้น แต่หากหยุดฝึก ก็จะถดถอย เริ่มลืม เป็นไปตามกฏของ จัง จ๊าค รุสโซ่ อะไรไม่ได้ใช้ก็จะค่อยๆ หายไป

 


4. เพื่อการฝึกฟังที่ได้ผลเร็ว แนะนำให้ฟังผ่านหูฟัง เพราะจะได้ยินเสียงชัดกว่าการฟังผ่านลำโพงมือถือ เสียงเล็ก เสียงน้อย เสียงเออะ เสียงเค่อะ ก็ได้ยินชัดเจน


5. การเลือกซื้อหูฟังนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรเลือกแบบทางขวามือ ส่วนแบบทางซ้ายมือจะเกิดเสียงรบกวนหากสายขยับ จึงไม่เหมาะสำหรับการฟังขณะ เคลื่อนไหว ผู้เขียนชอบปั่นจักรยานและฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย เวลาออกเสียง ไม่ต้องกลัวใครจะมาว่า แอ๊บบบ เต็มที่ได้เลย หูฟังทางซ้ายมือจะให้เสียง ที่น่ารำคาญมาก เพราะมีเสียงรบกวนตลอดเวลา กุกๆ กุบๆ ครืดด ลองเอาสำลีอุดหูแล้วเดินไป อาการคล้ายกัน (ขึ้นอยู่กับลักษณะใบหูแต่ละคน ) หูฟัง อันนี้เก็บได้จากข้างทางขณะปั่นจักรยานออกกำลังกาย ตอนนี้จึงเข้าใจแล้วว่า ทำไมถูกทิ้งไว้ข้างถนน เดี๋ยวคงต้องเอาไปทิ้งไว้ที่เดิม

 

การรวมภาพถ่ายทุกหน้าให้เป็นไฟล์ PDF

ผู้เขียนแนะนำให้ถ่ายแต่ละหน้าของหนังสือแล้วนำมารวมกันให้เป็นไฟล์ PDF โดยใช้โปรแกรม PDFill เมื่อรวมไฟล์ภาพถ่ายหน้าหนังสือเป็น PDF แล้ว เวลาเปิดอ่านด้วยแอป Adobe Acrobat Reader ในมือถือ จะมีข้อดีก็คือ อ่านถึงตรงไหน เมื่อเข้าแอปนี้เพื่ออ่านอีกครั้ง ก็จะแสดงหน้าล่าสุดที่ได้อ่านค้างไว้ ให้ เริ่มอ่านได้เลยอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

การฝึกแบบนี้จะได้ผลจริงหรือไม่

การฝึกด้วยตัวเองคนเดียวแบบนี้ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้เขียน เพราะอยู่คนเดียว สามารถฝึกด้วยตนเองได้ตลอดเวลา ส่วนใหญ่เราก็พกมือถือกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ขณะเดินทาง ขับรถ ก่อนนอน จึงสามารถฝึกฟังได้ทุกเวลา ฝึกหนักขนาดนี้ ไม่เก่งก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว


แต่สิ่งสำคัญก็คือ ไฟล์ MP3 ที่มาพร้อมกับหนังสือ ต้องเป็นเสียงพูดโดยเจ้าของภาษา สำเนียงดีมากเท่าไร การฝึกของเราก็จะยิ่งดีมากเท่านั้น เพราะได้ฟังเสียงเจ้าของภาษาจริงๆ การฝึกพูดตามก็จะได้ผลมากเช่นกัน แต่ต้องออกเสียงให้เหมือน จึงไม่ต้องกลัวว่า ฝึกคนเดียว พูดคนเดียว ฟังคนเดียว จะเป็นคนบ้าและไม่ได้ผล

หนังสือแนวนี้มีให้เลือกตั้งแต่ราคาเริ่มต้นแค่ 99 บาท ลงทุนแค่นี้ ไม่เจ็บตัวมากเท่าไหร่นัก แต่แนะนำให้เลือกเล่มเดียวก่อนเล่มที่รวมทุกสถานการณ์ ราคาไม่เกิน 200 บาท เอาแค่เล่มเดียวก่อน อย่าเพิ่งเยอะ จะรักพี่เสียดายน้อย ฝึกได้ไม่ต่อเนื่อง และเสียเงินเปล่า

 

การเลือกซื้อมือถือ Android สำหรับฝึกเรียนภาษาด้วยตนเอง

การเลือกซื้อมือถือสำหรับใช้งานนั้น ควรเลือกรุ่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่สัก 4 นิ้วขึ้นไป เวลาอ่านจากหน้าจอ จะอ่านได้สบายตา จากภาพเป็น True mart 3.5 นิ้ว จอเล็กๆ แบบนี้ก็พออ่านได้ ไม่มีปัญหา แต่สำหรับคนสูงวัยแล้ว คงไม่เหมาะ ซึ่งจะต้องอ่านในแนวนอน แนวตั้งขนาดตัวหนังสือจะเล็กมาก อ่านยาก

 

 การเรียนรู้อย่างจริงจัง หากยังไม่ซื้อมือถือ ก็แนะนำแท็บเล็ตจะดีกว่า โดยเฉพาะแท็บเล็ต Android เน้นหน้าจอ 8 นิ้ว เพราะจะมีมิติ กว้าง x สูง ใกล้เคียงขนาดหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค เมื่อถ่ายหน้าจอมาไว้อ่านผ่านแท็บเล็ตจะอ่านง่าย ขนาดเครื่องก็ไม่ใหญ่เกินไป โดยแนะนำแท็บแล็ต Android ส่วน iPad Mini จะมีปัญหาในการถ่ายโอนไฟล์ MP3 เข้าเครื่อง จะต้องมีมือถือ Android หรือคอมพิวเตอร์ เป็นตัวกลางช่วยถ่ายโอนไฟล์

 

อยากเก่งภาษาอังกฤษ ต้องฝึกฝนทุกวัน

ทักษะด้านภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่้ต้องฝึกฝนบ่อยๆ ผู้เขียนอยากแนะนำหลักการง่ายๆ ดังนี้

1. อ่านทั้งเล่มให้จบก่อน อ่านหลายๆ รอบ ก่อนจะฝึกการฟัง เวลาอ่านให้อ่านออกเสียง ผิดถูกก็ไม่เป็นไร ถ้าอ่านไม่ออกก็ข้ามไปข้อที่ 2

2. กรณีไม่มีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษมาก่อน ไม่สามารถอ่านได้ ก็ต้องฝึกไปทีละบท ฟังพร้อมพยายามออกเสียงให้เหมือนเสียงต้นฉบับมากที่สุด ห้าม ฟังอย่างเดียว ต้องออกเสียงด้วย ไม่เช่นนั้นจะเป็นใบ้ พูดไม่ได้ แต่ฟังรู้เรื่อง

3. เมื่อฝึกจนครบทุกบทแล้ว ก็พอจะฟังออกหรือพอจะนึกออกว่า บทสนทนาในแต่ละไฟล์ แต่ละบทกล่าวถึงเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งจะต้องหมั่นฟังเรื่อยๆ ฟัง อย่างต่อเนื่อง ก็จะเริ่มฟังออก ซึ่งตรงนี้เป็นทักษะที่ต้องฝึกการฟัง เร่งไม่ได้ ต้องใช้เวลา

4. ฝึกฟังและพูดตามจนคล่อง ฟังออกทุกประโยคและสามารถพูดตามได้ หากฝึกถึงขึ้นนี้ ก็จะสามารถสนทนากับชาวต่างชาติได้ในระดับหนึ่ง พูดได้ คล่องพอสมควร 5. ฝึกขึ้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด และหาเล่มอื่นที่ยากขึ้นเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป จนถึงขั้นฟังข่าว CNN รู้เรื่อง

 

ตัวอย่างคู่มือเรียนภาษาอังกฤษ + ซีดี MP3

สำหรับคู่มือแนวก็จะมีของสำนักพิม์ MIS มีหลายเล่มที่น่าสนใจ แต่แนะนำให้เลือกเล่มใหญ่ที่ครบทุกเรื่อง เอาแค่เล่มเดียวก่อน ฝึกให้คล่อง แล้ว ค่อยศึกษาเล่มอื่น ไต่ระดับความยากไปเรื่อยๆ แต่สิ่งสำคัญก็คือ ซีดีที่แถมมา ต้องระบุชัดเจนว่า แถมซีดี MP3 ไม่ใช่โปรแกรมหรือแอพที่ต้องติดตั้งลงเครื่อง จะยุ่งยากกว่าไฟล์ MP3

 

 

คนไทยเราส่วนใหญ่ไม่ได้คลุกคลีกับชาวต่างชาติมากนัก หากที่ทำงานหรือสภาพแวดล้อมไม่มีชาวต่างชาติ โอกาสที่ผู้อ่านจะได้สนทนากับชาวต่าง ชาติก็จะน้อยตามไปด้วย แม้จะมีชาวต่างชาติ อย่างมากก็คงจะมาถามทางเสียมากกว่า ซึ่งใช้แค่การชี้นิ้ว ก็พอแล้ว (ชี้บอกทางหรือชี้ให้ไปถามคนอื่น) เมื่อความเป็นจริง เป็นแบบนี้ โอกาสในการฝึกภาษาอังกฤษของคนไทย จึงริบหรี่เร็วมาก

หากต้องการฝึกภาษาอังกฤษจริงๆ ผู้เขียนแนะนำให้ฝึกเขียน เพราะการเขียนทุกวัน จะช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาของเราได้ อีกทั้งยังเป็นช่องทางสร้าง รายได้ให้เราได้เช่นกัน เช่น เขียนบทความให้ความรู้เกี่ยวกับประเทศไทย ในทุกด้าน ในขณะเดียวกันก็นำบทความไปให้โปรแกรมอ่านออกเสียงให้ฟัง เพื่อจะได้ฝึกฟังและพูดหรืออ่านตามไปด้วย

มือถือสมาร์ทโฟน Android, iPhone หรือเครื่องอ่าน eBook สามารถอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษให้เราฟังได้ วิธีนี้ ผู้เขียนคิดว่าดีกว่า เพราะมีช่องทางต่อยอดได้ ถ้าฝึกพูดภาษาอังกฤษและฝึกฟัง จะไม่ได้อะไร หยุดเมื่อไหร่ก็เริ่มลืมทันที

 

บทความเนื้อหาใกล้เคียงกัน :

 

แชร์บทความนี้