ชีวิตเรียบง่าย อยู่แบบพอเพียง สมถะ เป็นชีวิตที่มีความสงบสุขอย่างแท้จริง แต่ไม่ง่ายสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะคนที่จะสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้นั้น จะต้องมีคุณลักษณะพิเศษ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้ เนื่องจากมีอุปสรรคให้ฝ่าพันเยอะว่าที่คิดไว้มาก

 

ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ หลายคนชอบและชื่นชมคนที่มีชีวิตแบบนี้ แต่ถ้าอยากมีชีวิตแบบนี้ มีหลายเรท่องที่จะต้องรู้ เช่น

มุมมองและอุปนิสัยพื้นฐานของคนไทยที่จะต้องรู้

คนไทยให้ความสำคัญกับความมีชื่อเสียง ฐานะ เงินทอง ตำแหน่งหน้าที่การงาน และอะไรก็ตามที่แสดงถึงความมีหน้ามีตา มีคนยกย่องสรรเสริญ คนที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายที่จะได้รับการยอมรับ เราจะเห็นว่า ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติพิเศษดังที่ว่ามา ยิ่งมีมาก ก็ยิ่งดี เช่น เป็นคนมีชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่การงาน ร่ำรวยเงินทอง แล้วใช้ชีวิตเรียบง่าย กินง่าย อยู่ง่าย คนแบบนี้ คนไทยยอมรับ นับถือมากกก อย่างดาราร่ำรวยขับรถสปอร์ต แต่ใช้ชีวิตเรียบง่าย กันเอง

หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป เป็นชาวบ้าน ไม่มีคุณสมบัติอะไรโดดเด่นแล้ว หรือร่ำรวยแต่คนไม่รู้จัก ก็ยากที่คนจะยอมรับ แถมอาจถูกมองว่าเป็นพวกกระจอก โดนดูถูกดูแคลนนี่คือเรื่องจริงที่จะต้องเจอ และเตรียมรับมือ โดยเฉพาะในสังคมยุคนี้ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แข่งกันทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องการมีชีวิตเรียบง่าย หรือมีชีวิตพอเพียง สมถะ ซึ่งบุคคลแบบนี้ที่จะได้รับการยอมรับจะต้องเป็นนักบวช ครูอาจารย์ ผู้ทรงศีล ปราชญ์ชาวบ้าน

มุมมองของคนในครอบครัวพ่อแม่พี่น้อง

เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญที่จะต้องรู้ว่า พ่อแม่พี่น้องหรือคนในครอบครัวคิดอย่างไร ความคาดหวังของพ่อแม่ ต้องการให้ลูกเป็นอะไร บางครอบครัวคาดหวังให้ลูกเป็นข้าราชการเพราะมีหน้ามีตา มีคนนับถือ ดังนั้นหากใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่สนใจลาภ ยศ สรรเสริญ ชื่อเสียง ก็คงจะไม่ลงรอยกันง่ายๆ ผู้เขียนเองก็มีปัญหากับทางบ้านสิบกว่าปี เพราะอยากให้เป็นข้าราชการ ในขณะที่ผู้เขียนชอบอาชีพอิสระ ทำงานส่วนตัว ซึ่งไม่มีตำแหน่งทางสังคม มันไม่เท่เอาเสียเลย ในสายตาพ่อแม่

ดังนั้นถ้าต้องการใช้ชีวิตเรียบง่าย อยู่สบายๆ ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ซึ่งหากสวนทางกับที่ความคาดหวังของทางบ้านที่อยากจะให้เป็น การใช้ชีวิตเรียบง่าย ก็คงจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ตำแหน่งหน้าที่การงาน การเงิน ลาภ ยศ ชื่อเสียงของลูกๆ หรือสมาชิกในครอบครัว เป็นอีกเรื่องที่ผู้คนมักจะยกมาอวดกัน ลูกหลานใครด้อยกว่า ไม่เพียงไม่ได้รับการยอมรับ แต่ยังโดนดูถูก ติฉินนินทา นี่คือสังคมไทยเรา

เพื่อนสนิท มิตรสหาย ยากที่จะเข้าใจและยอมรับ

คนใช้ชีวิตเรียบง่าย บางทีก็เหมือนแกะดำ ในหมู่เพื่อนๆ หรือที่ทำงาน เช่น ข้าราชการ หรือคนทำงานที่แข่งกันสะสมชื่อเสียงและวัตถุ ซึ่งทางออกก็ต้องกู้อย่างเดียว หากไม่มีรายรับทางอื่น การใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่สร้างหนี้ อยู่แบบพอเพียง ค่อยๆ สร้างตัว คงไม่ง่ายนักที่จะได้รับการยอมรับ หรือแม้แต่ในหมู่เพื่อนๆ ก็เหมือนกัน โดยเฉพาะทุกวันนี้ ที่จะต้องแข่งกันสะสมวัตถุ มีรถ มี iPhone iPad หน้าที่การงาน การเงินที่ดี คนใช้ชีวิตเรียบง่าย ยากจะได้รับการยอมรับ ถ้าไม่รักกันจริง

อยากมีชีวิตเรียบง่าย พอเพียง ต้องวางแผน และเดินตามแผน

การมีชีวิตเรียบง่ายต้องมีความเข้าใจว่าชีวิตเรียบง่าย พอเพียงนั้น ไม่สร้างปัญหาและมีความสงบสุขอย่างแท้จริง และยึดมั่นแนวทางนี้อย่างเด็ดเดี่ยว โดยไม่สนใจใคร แม้แต่พ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง โดยเฉพาะคนที่เริ่มจะตั้งตัว หากสามารถทำได้ ก็ย่อมจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้เร็วกว่า คนที่ตามกระแสสังคม มีรถ มีบ้าน มีวัตถุ ซึ่งหลายคนก็เป็นหนี้ที่เกินกำลังตัวเอง ทำให้เป็นทุกข์ และอาจจะต้องสูญเสียเงินทองไปจำนวนมาก เช่น การผ่อนรถใหม่ สำหรับคนเริ่มทำงานนั้น รถเอาเงินไปใช้หมด ค่างวด ประกันภัย ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน ฯลฯ โอกาสตั้งตัวจะยากมาก

นี่คือการทำอะไรที่เกินตัว และสร้างปัญหาให้ตัวเองเดือดร้อนในอนาคต แต่หากมีชีวิตเรียบง่าย พอเพียง สมถะ รอมีเมื่อพร้อม ชีวิตก็จะมีความสุข และไร้ปัญหา การซื้อหาหรือสะสมวัตถุ ต้องวางแผนอย่างดี จะใช้รถแบบไหนให้คุ้มค่า ซื้อบ้าน ของใช้ ฯลฯ นอกจากวางแผนอย่างดีแล้วก็ต้องเดินตามแผนและมีจุดยืนที่จะซื้อหรือใช้เมื่อพร้อม และมีสไตล์ของตัวเอง

บางคนแม้จะเป็นข้าราชการตำแหน่งใหญ่โต แต่ก็เลือกจะใช้รถเล็กๆ ไม่ได้ใช้รถหรูราคา 7 หลัก อย่างที่ข้าราชการระดับสูงส่วนใหญ่นิยมปฏิบัติกัน ชีวิตก็มีความสุขมากกว่า ไม่เครียดกับรายจ่ายทั้งการผ่อน ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน ฯลฯ หรือแม้แต่คนรวยๆ ระดับต้นๆ ของโลกอย่าง วอเรน บัฟเฟด ก็ยังใช้ชีวิตเรียบง่ายมาก บางคนรวยมากแต่นั่งแท็กซี่ ก็มี

แต่เรื่องนี้ก็ต้องวางแผน โดยเฉพาะคนทำงาน มนุษย์เงินเดือน ที่ยังต้องเกี่ยวพัน ยังต้องแคร์สังคม คงไม่ง่าย เหมือนคนทำอาชีพอิสระ ที่ยืนบนลำแข้งตัวเองได้ ทำอะไรได้อิสระมากกว่า ดังนั้นก็ต้องหาทางออกว่าจะเจอกันตรงกลางระหว่างความเรียบง่ายของตัวเอง และกระแสสังคมในที่ตัวเองอยู่ โดยเฉพาะครอบครัว เพื่อหาตำแหน่งวางตัวเองในจุดที่ยืนอยู่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเจอความกดดันจากคนรอบข้างที่ต้องการให้ทำตามกระแสที่คนส่วนใหญ่ทำกัน เช่น บางคนต้องใช้รถยนต์ หรือมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้น เป็นต้น

อยากมีชีวิตเรียบง่าย อาจต้องหาสถานที่ของตัวเองโดยเฉพาะ

หากทางบ้าน ครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน คนรอบข้างไม่เข้าใจ และอาจจะมีการก่อกวนด้วยท่าทาง การกระทำ คำพูด เป็นระยะๆ สร้างความหงุดหงิดรำคาญ บางทีการหาสถานที่สำหรับใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและพอเพียงมีความเป็นส่วนตัวอย่างที่ตัวเองต้องการ ก็เป็นเรื่องจำเป็น ในประเทศไทย มีสถานที่แบบนี้เยอะแยะมากมายที่จะสามารถใช้ชีวิตได้สบายๆ หอพักในต่างจังหวัด โดยเฉพาะใกล้มหาวิทยาลัย มีตัวเลือกเยอะมาก อากาศดี ค่าครองชีพต่ำ ใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ ได้อย่างที่ต้องการ มีรถยนต์แต่ไม่ใช้ ปั่นจักรยานบ้าง มอเตอร์ไซต์บ้าง เดินบ้าง อาหารการกินเน้นเรียบง่าย อยู่อย่างสบายใจไม่มีใครวุ่นวาย เพราะในยุคปัจจุบันการทำงานส่วนตัว สามารถทำผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ขายของออนไลน์ หาเงินออนไลน์ ฯลฯ อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ขอแค่มีตู้ ATM อยู่ไม่ไกลนัก

ผู้เขียนเลือกที่จะหาที่อยู่ในหอพักสบายๆ มีเพื่อนรวมตึกเป็นร้อยคน แต่มีความเป็นส่วนตัว อยู่กันแบบไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ ไม่มีใครยุ่งกับใคร สำหรับครอบครัวคนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ผู้ปกครองมักจะชอบความมีหน้ามีตา มีชื่อเสียง ดังนั้นจึงเป็นปัญหาอย่างแน่นอน หากมีลูกหลาน ที่อยู่เรียบง่่าย พอเพียง ไม่มีหน้าตา หรือตำแหน่งการงานในสังคมที่จะเชิดหน้าชูตา วงศ์ตระกูลได้ การมีปัญหากระทบกระทั่งกันย่อมเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อมีพูดถึงอาชีพ หน้าที่การงานของ แต่ละคน แล้วเกิดการเปรียบเทียบ การอยู่บ้านเกิดจึงกลายเป็นปัญหาทันที ให้บางคนต้องหาที่อยู่ใหม่

ในหมู่เพื่อนฝูงบางคนก็เช่นกัน เมื่อต่างคนต่างมีหน้าที่การเงิน การงานที่สูงขึ้น คนเรียบง่าย พอเพียง อาจจะไม่ได้รับการยอมรับ การแยกตัวออกไปไกลๆ ไปอยู่ในมุมของตัวเอง ก็อาจจะต้องทำเช่นกัน เพราะคนที่มีชีวิตเรียบง่ายไม่ตามกระแสกับคนที่ตามกระแสวัตถุ ไปกันยากมาก การอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ หรือไม่ต้องห่วงหากันอีกแล้ว จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ชีวิตคนเรามีเจอ มีจากกันไป ที่สุดของการมีชีวิตเรียบง่าย ก็คือการปล่อยวาง อะไรจะเกิด จะเป็น ก็มีเหตุของมันที่ต้องเป็นไป มันก็แค่นั้นเอง

ผู้อ่านอาจจะคิดว่า ผู้เขียนคิดมาก คิดลบเกินไปหรือเปล่า เรื่องนี้ พิสูจน์ด้วยตนเองได้ ลองออกจากงานมาทำงานส่วนตัว อยู่บ้าน ใช้ชีวิตเรียบง่าย สบายๆ แม้จะมีรายรับมากแค่ไหน แต่หากสรุปรวมๆ แล้วไม่เท่ห์ ในสายตาผู้ปกครอง หรือญาติพี่น้อง ไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ ก็มักจะโดนติฉินนินทา สารพัด อยู่ยาก นอกเสียจากจะได้สมาชิกในครอบครัวที่มีความเข้าใจกันจริงๆ

ต้องพร้อมที่จะอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว แต่มีความสุข

การเดินทางของขีวิตเพื่อสู่เส้นทางการมีชีวิตเรียบง่ายและพอเพียงนั้น มีหลายแบบ เช่น ใช้ชีวิตเรียบง่าย แม้จะมีฐานะ มีชื่อเสียง มีลาภ ยศ สรรเสิญ เงินทอง ฯลฯ เพียงแต่ต้องระวังคนที่จะเข้ามาหา หรือคนใกล้ตัวที่ยังมีกิเลส โดยเฉพาะคนใกล้ตัวที่มีความคาดหวังและพยายามกดดันให้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ

เมื่อยากที่จะมีคนเข้าใจกับแนวทางการมีชีวิตเรียบง่าย การแยกทางเพื่อไปมีชีวิตในแบบของตัวเองและการเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวให้มีความสุข จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องศึกษา และเมื่อเข้าใจแล้ว ก็จะอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขได้ โดยไม่รู้สึกเหงา ไม่รู้สึกว่าทุกข์กาย ทุกข์ใจ หรือขาดอะไรไป แม้คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง อาจจะไม่เห็นด้วยในแนวทางชีวิตที่เลือกก็ตาม

การใช้ชีวิตเรียบง่าย และพอเพียง เป็นแนวทางของในหลวงที่ดีมาก แต่ลองมองไปรอบๆ ตัวเราแล้ว จะเห็นว่า ผู้คนรอบตัวอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด ไม่มีใครทำตาม และบางคนทำเพราะเกิดปัญหากับชีวิตจริงๆ เมื่อได้ลองปฏิบัติแล้วก็ได้ค้นพบว่า แนวทางนี้ดีจริงๆ ช่วยแก้ปัญหาชีวิตตัวเองได้

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอมากับตัวเอง บอกได้คำเดียวว่า อยากมีชีวิตแบบนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก และยึดมั่นแนวทางตัวเองอย่างเข้มแข็ง เพราะจะมีบททดสอบมากมายรออยู่ ทั้งจากตัวเองในการต่อสู้กับกระแสวัตถุ ไม่ให้ตามวัตถุอย่างขาดสติ และคนรอบข้าง คำพูด การพูดจาหรือสายตาดูถูก ดูแคลน พฤติกรรมการอวดเบ่ง การข่มคนอื่น อิจฉา ดูถูกคนที่ด้อยกว่า ฯลฯ ซึ่งเรื่องพวกนี้อยู่ในสายเลือดคนไทยอยู่แล้ว ผู้เขียนนั้นเจอบ่อยมาก บางครั้งก็หวิดมีเรื่องชกต่อยกัน เพราะทนไม่ไหว เคยเอารถยนต์เก่าๆ ไปซ่อม เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้เดินมาถามเลยว่า ทำไมใช้รถเก่ามาก เลยยกพวงกุญแจให้ดู มีหลายยี่ห้อ มีกุญแจรีโมทด้วย จะดูเงินในบัญชีด้วยหรือไม่ รีบเดินหนีเลย

บางครั้งก็เข้าป่า หามุมสงบ กางเต็นท์อยู่กับธรรมชาติ ก็ไม่วายเจอพวกอวดเบ่ง อวดรวย ตามไปคุยข่ม พูดจาดูถูก น่ารำคาญมาก ทั้งๆ ที่เราก็อยู่เรียบง่ายของเรา ไม่ได้ไปยุ่งกับใคร

การใช้ชีวิตหรูหรา ใช้เงินเดือนหลักแสน ปีหลักหลายล้าน ผู้เขียนได้ใช้มาหมดแล้ว ชีวิตที่มีชื่อเสียง ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นที่นับหน้าถือตา ก็ทำมาหมดแล้ว แต่ไม่ใช่แนวทางที่ทำให้มีความสุข โดยเฉพาะเมื่อสิ้นลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะในขณะที่เรามีสิ่งเหล่านั้น และคนรอบข้างไม่สามารถชนะเราได้ บางคนก็เก็บความอิจฉาไว้ในใจ และรอวันถล่มเมื่อหกล้ม

เมื่อใดที่ไม่มีเกราะคุ้มครองแล้ว สิ่งที่จะเจอก็จะเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม และอาจหนักหนาสาหัสกว่าที่คิด เพราะแม้แต่คนในครอบครัวก็ยังผลักใสให้ไปไกลๆ กลัวจะเป็นภาระ

ชีวิตเรียบง่ายและพอเพียงเป็นทางเดินที่ดีที่สุด ลดโอกาสพาชีวิตตัวเองไปสู่ความผิดพลาด หากมุ่งมาทางเดินสายนี้ ยากที่จะเกิดอุบัติเหตุกับชีวิต ไม่มีปัญหาใดๆ รบกวน เป็นหนทางสร้างความสุขอย่างแท้จริง แต่อะไรที่ดีที่สุดก็ย่อมจะมีอีกด้านที่เลวร้ายที่สุดเช่นกัน ตามที่กล่าวมาข้างบน เป็นประสบการณ์ตรงที่ผู้เขียนเจอกับตัวเองในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา

บทความนี้จะออกแนว ลบ คิดลบ แต่หากผู้อ่านท่านใดที่ตั้งใจจะออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายและพอเพียงแบบเต็มตัว ก็ต้องเจอกับตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่งหรืออาจจะถูกทุกข้อ ก็ได้ เรื่องนี้จำเป็นที่จะรู้ทุกด้าน โดยเฉพาะ ด้านลบๆ แบบลึกๆ ถ้ารู้แบบนี้ ตั้งแต่แรก ผู้เขียนเองก็คงจะวางแผนรับมือได้ดีกว่านี้