การใช้คำนามในภาษาอังกฤษจะมีการแยกเป็นคำนามแบบเอกพจน์ จะต้องใช้ให้ถูกต้องกับคำกริยาแบบเอกพจน์เช่นกัน โดยต้องจำ ว่าให้ได้ว่าคำไหนเป็นคำนามแบบเอกพจน์ ซึ่งมีหลายประเภทเช่นกัน

 

คำนามในภาษาอังกฤษจะไม่เหมือนภาษาไทย คำนามแบบเอกพจน์ จะมีจำนวนเพียงหนึ่งเดียว อย่างเดียว อันเดียว สิ่งเดียว เช่น a man(ผู้ชายหนึ่งคน), a cat (แมวหนึ่งตัว) นี่คือเอกพจน์ แต่หากเป็นแมว 2 ตัว ขึ้นไปจะเป็นพหูพจน์การใช้งานกับคำกริยาก็จะต่าง ออกไป เช่น

A cat is on the table.
อะ แคท อิส ออน เดอะ เทเบิ่ล
แมวหนึ่งตัวอยู่บนโต๊ะ

Two cats are on the sofa.
ทู แคทสฺ อา ออน เดอะ โซฟา
แมวสองตัวอยู่บนโซฟา

ทั้งสองประโยคนี้จะพบว่า คำกริยา is และ are จะเปลี่ยนไปตามประธานก็คือแมว มีกี่ตัวก็จะต้องใช้ให้ถูกต้อง ถ้าใช้ Two cats is on the sofa. แบบนี้ถือว่าผิด

ตัวอย่างคำนามเอกพจน์แบบต่างๆ

1. คำนามทั่วไป (common noun) เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สถานที่ สิ่งของ สภาวะทั่วๆ ไป เช่น man, panda, city, day

Man is stronger than woman
แมน อีส สตรองเกอร์ แดน วูแมน
ผู้ชายแข็งแรงกว่าผู้หญิง เป็นการกล่าวแบบกลางๆ ไม่ระบุ แบบนี้จะเป็นเอกพจน์ แต่ถ้าระบุชื่อลงไปตรงๆ เช่น

Tom and Tony are stronger than Sara.
ทอม แอนด์ โทนี่ (เป็นผู้ชายทั้งคู่) อา สตรองเกอร์ แดน ซาร่า (เป็นผู้หญิง) กรณีนี้จะมีการระบุชัดว่ามี 2 คนก็จะไม่ใช่เอกพจ จะต้อง ใช้คำกริยาให้ถูกต้อง เปลี่ยนจาก is เป็น are นั่นเอง

2. คำนามหมวดหมู่ (Collective Noun) หรือ สมุหนาม คือนามที่ใช้เรียกชื่อหมู่คณะ กลุ่ม ฝูง คำเหล่านี้จะถือเป็นคำเอกพจน์ถ้า ใช้กับนามนับไม่ได้อย่าง water (น้ำ), sand(ทราย)

A pack of sugar is enough for a cup of coffee.
อะ แพ็ค ออฟ ซูก่า อีส อินาฟ ฟอร์ อะ คัฟ ออฟ คอฟฟี่
น้ำตามหนึ่งซอง เพียงพอแล้วสำหรับกาแฟหนึ่งถ้วย

Two pair of shoes are in the box.
ทู แพร์ ออฟ ชูสฺ อา อิน เดอะ บ็อกซ์
รองเท้าสองคู่อยู่ในกล่อง
ในกรณีที่เป็นคำนามนับได้ อย่าง shoes/ชูสฺ (รองเท้า) จะต้องใช้กับคำกริยาพหูพจน์ are ต่างจาก Sugar น้ำตาลเป็นนามนับไม่ได้ ต้องเป็นเอกพจน์ใช้กับ is

3. คำนามวัตถุ (Material Noun) หรือ วัตถุนาม คือนามที่ใช้เรียกเนื้อวัตถุ เป็นของเหลว แร่ ธาตุ โลหะ

Water is good for health.
เพียว วอเตอร์ อีส กูด ฟอร์ เฮียลธฺ
น้ำสะอาดบริสุทธิ์เป็นของดีต่อสุขภาพ

Rice is the staple food for Thais.
ไรซ์ อีส เดอะ สเตเพิ่ล ฟูด ฟอร์ ไทย
ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย

4. อาการนาม (Abstract Noun) คำนามที่ใช้เรียกคุณสมบัติ สภาวะ หรือการกระทำ นามกลุ่มนี้ ไม่มีตัวตนที่จับต้องได้ ถ้าแปล เป็นภาษาไทยมักใช้ การ หรือ ความ นำหน้า เช่น ความสวย, ความจริง, ความกล้าหาญ

beauty makes woman happy.
บิวตี้ เมกส. วูแมน แฮปปี
ความสวยทำให้ผู้หญิงมีความสุข

5. คำนามนับได้ (countable noun) คือคำนามที่นับจำนวนได้ จึงมีรูปเป็นเอกพจน์

Boy is naughty.
บอย อีส นอติ
เด็กผู้ชายเป็นเด็กซุกซน

แต่ถ้าหากเปลี่ยนจาก boy เป็น boys จะหมายถึงเด็กหลายคน จะต้องเปลี่ยนคำกริยา เช่น

Boys are sleeping.
บอยสฺ อา สลีฟปิ่ง
เด็กผู้ชายหลายคน กำลังนอนหลับ มี s ต่อท้ายจะหมายถึงจำนวนมากกว่า หนึ่ง ไม่ระบุชัดว่ามีกี่คนแต่รู้ว่า ตั้งแต่สองคนขึ้น

6. คำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) ได้แก่ คำนามที่เรียกสิ่งที่นับจำนวนไม่ได้หรือไม่สามารถแยกนับเป็นหนึ่ง สอง สาม ฯลฯ ได้ จะเป็นคำนามแบบเอกพจน์ เช่น น้ำ

Water is good for health.
เพียว วอเตอร์ อีส กูด ฟอร์ เฮียลธฺ
น้ำสะอาดบริสุทธิ์เป็นของดีต่อสุขภาพ

7. อาการนาม (abstract noun) ได้แก่คำนามที่เรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง เช่น honesty คำนาม

honesty is the best policy ฮอนเนสตี อีส เดอะ เบสทฺ พอลิซี ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นนโยบายที่ดีที่สุด

 

คำนามอื่นๆ ที่จัดว่าเป็นคำนามเอกพจน์เช่น
Noun + Noun เป็นคำนาม 2 คำขึ้นไปผสมกัน เช่น greenhouse effect ปรากฏการณ์เรือนกระจก

Greenhouse effect makes the earth hotter.
กรีนเฮ้าส์ เอฟเฟคต์ เมกสฺ เดอะ เอิร์ธ ฮอตเตอะ
เรือนกระจกทำให้โลกร้อนขึ้น คำกริยา Makes เป็นเอกพจน์ หากเป็นพหูพจน์จะไม่เติม s

They make me happy.
เดย์ เมก มี แฮปปี
พวกเขาทำให้ฉันีความสุบ กรณีนี้ คำว่า make ต้องไม่เติม s เพราะเป็นกริยาพหูพจน์

คำนามมีหลายแบบ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ต้องพยายามแยกให้ออก จำให้ได้ว่า คำนามคำนั้น เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เพราะ เวลานำไปประกอบในประโยค หรือเรียบเรียงประโยคเพื่อพูดหรืออ่านจะได้ใช้ได้ถูกต้อง เช่น boy เป็นเอจพจน์ เด็กคนเดียว แต่ Boys เป็นพหูพจน์ เพราะหมายถึงเด็กหลายคน

วิธีตรวจสอบคำ ประโยค ว่าใช้เอกพจน์ หรือพหูจน์ อาจจะดูตัวอย่างประโยคในเว็บไซต์ต่างๆ