ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ ประเทศนั้นเลิกคบ หรือคว่ำบาตร ประเทศนี้ โดยมักจะเป็นประเทศที่สร้างปัญหาเดือนร้อนให้ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่นิยมใช้ พูดกับคน ในกรณีที่ต้องเลิกคบกัน

ตัวอย่าง :

สำหรับการคบกันของคนเรา เมื่อไปกันไม่ได้ หรืออีกฝ่ายอาจจะสร้างปัญหาทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน การหยุดติดต่อไปมาหาสู่ อาจ จะใช้คำว่า เลิกคบ แต่กรณีเป็นปัญหาระดับประเทศ หากประเทศใดสร้างปัญหาเดือดร้อน ประเทศอื่นก็อาจจะเลิกคบ ซึ่งนิยมใช้คำว่า คว่ำบาตร ไม่มีประเทศใดคบค้าสมาคมด้วย เช่น สหรัฐคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพราะปัญหาเรื่องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

ประเทศที่สร้างปัญหาเดือดร้อนต่อประเทศเพื่อนบ้าน มักจะถูกคว่ำบาตร ไม่มีประเทศใดคบค้าสมาคมด้วย โดยจะรวมถึง การไม่ ติดค่อค้าชาย ไม่รับซื้อสินค้า ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ เมื่อประเทศนั้นๆ ได้รับความเดือดร้อน เพราะหากไม่ค้าขายกับประเทศอื่น ก็จะไม่มีรายรับเข้ามาพัฒนาประเทศ ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้ประเทศอื่นเลิกคว่ำบาตร หันกลับมาคบค้าสมาคม ทำ มาค้าขาย ติดต่อกันเหมือนเดิม

เวลาที่เราต้องการเลิกคบ เลิกติดต่อกับใครสักคน เราจะไม่นิยมใช้คำว่า คว่ำบาตร เช่น นายแดง คว่ำบาตรนายดำ เพราะนายดำ นิสัยไม่ดี สำนวนนี้มักจะใช้กรณีเป็นองค์กร บริษัท หน่วยงาน หรือประเทศ ไม่นิยมใช้กับคน

หากจะใช้กับคน ก็คงจะใช้ในกรณีเดียว เช่น หลังจากพระฉันเสร็จแล้ว ก็นำบาตรไปล้างทำความสะอาด แล้ว คว่ำบาตร ให้แห้ง ซึ่งไม่เกี่ยวกันแต่อย่างใด กับความหมาย ของสำนวนนี้