ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดเปรียบเทียบคนที่ปากสว่าง ปากไม่มีซิพรูด เก็บความลับไม่อยู่ รู้เรื่องอะไรก็จะเที่ยวเล่าให้คนอื่นฟัง เป็นพวก ฉิ่งเสียงแตก

ตัวอย่าง :

เมื่อใดที่ล่วงรู้ความลับของคนอื่น ก็มักจะเป็นเรื่องยากที่จะเก็บความลับนั้นไว้ได้ กลายเป็น พวก ฉิ่งเสียงแตก รู้อะไรก็เล่าให้คนอื่นฟังไปทั่ว โดยเฉพาะหากเป็นความลับที่แอบไปรู้ไปเห็น ก็มักจะมีโอกาสที่จะระบาย หรือต้องบอกกับใครสักคน เพราะความรู้สึกอัดอั้นในใจ อยากจะระบาย

หากมีความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ ต้องการเก็บความลับไว้แต่เพียงผู้เดียว วิธีที่ปลอดภัยที่สุด จะต้องไม่บอกให้ใครรู้เลยแม้แต่คนเดียว เพราะคนส่วนใหญ่จะมีโอกาสป็นพวก ฉิ่งเสียงแตก เก็บความลับไม่อยู่ มีโอกาสนำความลับไปเปิดเผย โดยเฉพาะกับคนที่เจ้าของความลับไม่มีวันได้รู้จักกัน ก็มักจะเปิดเผยความลับออกไป ด้วยคิดว่า คนสองคนนี้ไม่มีโอกาสได้เจอกันแน่นอน

หากมีเรื่องที่เป็นความลับ จะบอกกับใครก็ต้องดูให้ดี โดยเฉพาะพวกคนประเภท ฉิ่งเสียงแตก เก็บความลับไม่อยู่ ซึ่งคนประเภทนี้มีอยู่ทุกที่ ทั้งที่ทำงาน เพื่อนบ้าน บางคนนั้นก็จ้องจะทำให้เสียชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็จะแฉความลับให้เป็นที่อับอาย