ความหมาย : สำนวนนี้ใช้พูดถึงคนที่พูดน้อยมาก หรือไม่ยอมพูดอะไร ชนิดที่ว่า พร้างัดปากไม่ออก ไม่ว่าจะใช้วิธีบังคับ หรือหว่านล้อมอย่างไรก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย

ตัวอย่าง :

ผู้ที่กระทำความผิดแม้จะถูกจับได้ ก็มักจะไม่ยอมเปิดปากพูด พร้างัดปากไม่ออก ทำอย่างไร ก็ไม่ยอมพูดอะไร แม้จะมีหลักฐาน บางคนก็ยังไม่ยอมรับ

การเป็นคนพูดน้อย ชนิดที่ว่า พร้างัดปากไม่ออก ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้พูดได้ พูดน้อยมาก ก็เป็นเรื่องดี เพราะทำให้คนดูไม่ออกว่าคิดอะไร และไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน เป็นการสร้างกำแพงกั้นตัวเอง ไม่ให้ใครกล้ามาวุ่นวาย บางคนมีพฤติกรรมแบบนี้ เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ก็ต้องระวังคนบางคนที่เห็นแก่ตัว บางคนเห็นว่าไม่พูด ก็ถือวิสาสะ ไม่เกรงใจ อยากทำอะไรก็ทำ

บางคนมีสัมผัสพิเศษในการคบคน หากมีความรู้สึกว่า ไม่อยากจะพูดกับใคร ก็จะไม่พูดอย่างเด็ดขาด พร้างัดปากไม่ออก ทำอย่างไร ก็จะไม่พูดอะไรอย่างเด็ดขาด

คนที่เคยใกล้ชิดกัน อาจจะเป็นเพื่อน หรือญาติ พี่น้องในครอบครัวเดียวกัน หรือคนที่เคยรักกัน บางคนมีปัญหาทะเลาะกัน จากกันไม่ดีนัก แม้จะยังอยู่ในสังคมเดียวกัน แต่ก็อาจจะไม่ยอมพูดจากันอีกเลย พร้างัดปากไม่ออก ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากันอีก ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทำให้กลับมาคืนดีกันได้ หรือกลับมาพูดจากันได้เหมือนเดิม คนใกล้ตัวกันนั้น มักจะทำให้ร้ายกันโดยไม่รู้ตัวเสมอ และก็มีแต่คนใกล้ตัวเท่านั้นที่จะทำร้ายกันได้อย่างเจ็บแสบที่สุด

บางคนกระทำความผิด แต่ก็ไม่ยอมรับสารภาพ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ยอมพูด พร้างัดปากไม่ออก ไม่ยอมบอกอะไรเลย แม้จะจำนนด้วยหลักฐานก็ตาม