ความหมาย : สำนวนนี้จะใช้พูดถึงคนที่ไม่รู้จักบุญคุณคน เลี้ยงไม่เชื่อง แม้จะเคยได้รับความช่วยเหลือมา แต่ก็ยังเนรคุณ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน สำนวนนี้จะใช้พูดถึงทั้งคนทั้งสัตว์ บางคนก็เลี้ยงไม่เชื่อง สัตว์เลี้ยงบางตัวก็เลี้ยงไม่ เชื่อง

ตัวอย่าง :

หมาบางตัว เลี้ยงไม่เชื่อง เคยมีข่าวลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ชื่องดัง เพราะกัดเจ้าของตาย ปกติแล้วหมาจะรักและซื่อ สัตว์กับเจ้าของ เรื่องแบบนี้ บางทีก็ต้องโทษเจ้าของ บางคนระบายอารมณ์กับหมา ทำให้หมาเก็บกด และเกิดความโกรธแค้น และกัดเจ้าของ เพราะปกติแล้ว หากเลี้ยงด้วยความรัก หมาย่อมจะรักเจ้าของ

ในวงการธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การมีลูกน้อง หรือพนักงาน แม้จะดูแลอย่างดี ก็อาจจะเนรคุณ หรือทำให้เดือดร้อนในภาย หลัง เลี้ยงไม่เชื่อง หากคู่แข่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เรื่องของผลประโยชน์นั้นไม่เข้าใครออกใคร

ในวงการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ สมาชิกพรรคบางคนแม้จะเคยได้รับการสนับสนุนให้เติบโต มีชื่อเสียง และประสบความสำเร็จในทางการเมืองแต่ก็อาจจะย้ายไปอยู่พรรคอื่น เลี้ยงไม่เชื่อง ไม่รู้บุญคุณ เรื่องแบบนี้เป็นปกติของ นักการเมือง ใครให้ผลประโยชน์ดีกว่า ก็ไปอยู่กับพรรคนั้น

การให้ความชวยเหลือคนอื่น อย่าไปคาดหวังในเรื่องการตอบแทน แม้จะเป็นลูกหลาน คนในครอบครัวก็ตาม ต้องอ่านให้ ขาดว่าแต่ละคนรอบตัวมีนิสัยอย่างไร อย่างบางคนที่รับอย่างเดียวจะมีนิสัยเห็นแก่ตัว ก็ต้องลองทดสอบง่ายๆ ด้วยการแกล้งขอ ความช่วยเหลือ ลูกหลาน ลูกน้องบางคนหากไม่ให้เงิน ไม่จ้าง ไม่ได้อะไร ก็จะไม่ช่วยอะไรเลย คนประเภทนี้ มักจะ เลี้ยงไม่ เชื่อง มีโอกาสทำให้เดือดร้อนในภายหลัง บางคนรักหลานมาก ให้ความช่วยเหลือ เลี้ยงดูอย่างดีมาโดยตลอด แต่ก็แอบขโมย ทรัพย์สินในบ้าน ดังนั้นการให้ความช่วยเหลือคน อย่าไปคาดหวังอะไร หรือไม่ก็จ้างให้ทำงานเป็นครั้งคราว จบกันไป ไม่มีอะไร เกี่ยวข้องกันอีก ไม่มีเรื่องของบุญคุณมาเกี่ยวข้อง เพราะหากอีกฝ่ายเนรคุณหรือทำให้เดือนร้อนก็ย่อมจะทำให้เสียใจ เก็บมาคิด สร้างความทุกข์ใจ