ความหมาย : สำนวนนี้ มักจะใช้ พูดถึง พฤติกรรมไม่ดีบางอย่างของคนเรา ชอบบ่น บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ชีวิตมีแต่ปัญหาขี้หงุดหงิดที่รำคาญบ่น ได้ทุกเรื่อง ได้กับทุกคนที่ คบค้าสมาคมด้วยคนแบบนี้เป็นคนที่น่ารำคาญมาก

ตัวอย่าง :

การหมุน ระบาย ปัญหา ในเรื่อง ที่ตัวเองประสบอยู่ หรือเรื่อง ที่ทำให้คับข้องใจหงุดหงิด ต้องระวัง อย่าบ่นมากเกินไปบ่นเป็นหมี กินผึ้ง เพราะจะทำให้ ตัวเอง เกิดปัญหา ในภายหลังได้ การพูด การบ่นในเรื่องที่ไม่ดี ก็เหมือนกับ การฉีดสารพิษ ใส่ตัวเอง จะ กลายเป็นคน ที่เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนอารมณ์ร้อน ซึ่ง เป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่บางคนไม่รู้ตัว ว่าเกิดอะไรขึ้น

การคบกับคนขี้บ่นบ่นได้ทุกเรื่องบ่นเป็นหมีกินผึ้ง คนแบบนี้ การคบคนแบบนี้ ต้องระวัง ปัญหาที่จะเกิดขึ้น เมื่อเป็นฝ่ายรับฟัง มากเกินไป หรือรับผลการกระทำนั้นมากเกินไป ก็จะเริ่มกลาย เป็นคนขี้หงุดหงิดและขี้บ่น ตามไปด้วยเช่นกัน ผู้เขียน มีเพื่อนที่ รู้จักกันซึ่งชีวิตมีแต่ปัญหาเพราะไปคบคนมีปัญหา จึงเริ่มเป็นคนที่ ขี้บ่น มีเรื่องบ่นให้ฟังทุกครั้งที่เจอกัน นั่งคุยกัน 4-5 ชั่วโมงก็บ่น เรื่องเดิมๆวนซ้ำไม่หยุด จนต้องเลิกคบกันเพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่ม กลายเป็นคนขี้หงุดหงิดตามไปด้วยดังนั้น

หากอยู่ใกล้คนแบบนี้ ก็ ต้อง พิจารณาตัวเอง ว่าได้รับสารพิษ มากน้อยแค่ไหนสังเกตได้ จากอารมณ์ของตัวเอง เริ่มคิดถึงคำพูดของคุณนั้นหรือมีอาการ หงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว ถ้าอาการถึงขั้นนี้ก็ต้องถอยห่าง

เมื่อมีปัญหามีความคับข้องใจ มีเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดรำคาญใจ บางคนคนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะบ่นระบาย ให้คนรอบข้างฟัง เมื่อ บ่นมากๆเข้า บางคน ขี้บ่นมาก บ่นเป็นหมีกินผึ้ง แต่บางคน เน้น การระบายออกโดยการเขียน ซึ่งวิธีนี้จะดีกว่า ก็ไม่ทำให้ใครเดือด ร้อน แต่ การบ่น การระบายปัญหาในเรื่องที่ไม่ดีนั้น เป็นสารพิษ อย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ กลายเป็นคนคิดลบ

แม้จะเขียนลงกระดาษก็ ตามแต่การอ่านบ่อยๆอ่านทบทวน ก็เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างนึง ดังนั้น ต้องพยายามตามความคิดให้ทัน อย่าให้พฤติกรรมแบบนี้ เกิดขึ้นบ่อยมากเกินไป เพราะจะสร้างปัญหาทำให้ตัวเองไม่มี ความสุข และทำให้คนรอบข้าง มีความทุกข์ใจด้วย หากไปบ่นไป ระบายปัญหาให้ฟัง