ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการเอาเปรียบอีกฝ่ายด้วยการ มัดมือชก เป็นการบังคับให้อีกฝ่ายต้องทำตาม ที่ตัวเองต้องการโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง ซึ่งเราจะพบเรื่องแบบนี้ได้ในบางวงการ เช่น การเมือง เรื่องการแย่งชิงอำนาจ ในประเทศหรือในหน่วยงาน กรณีมีคู่แข่งกัน

ตัวอย่าง :

การแข่งขันเป็นเรื่องที่คนเราต้องเจอตั้งแต่ก่อนจะเกิดเสียด้วยซ้ำ แต่การแข่งขันบางเรื่อง คู่แข่งอาจจะไม่มีโอกาสชนะ เพราะโดน มัดมือชก ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ต้องทำตาม และอาจจะพ่ายแพ้ การการกระทำแบบนี้ ก็จะพยายามเอาชนะทุกวิธีที่สามารถทำได้ และหวังผลในชัยชนะอย่างชัดเจน

การโดนมัดมือชก ต้องแข่งขันโดยไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ ย่อมจะสร้างความคับแค้นให้และอาจจะกลายเป็นความอาฆาตพยาบาทตามจองล้างจองผลาญไม่เลิก อย่างการแข่งขันทางการเมือง ฝ่ายที่เป็นผู้ชนะมักจะกำหนดกฏกติกาที่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองเสมอ เมื่อมีการแข่งขันเลือกตั้งใหม่ในคราวหน้า เพื่อหนทางสู่ชัยชนะ โดยที่คู่แข่งเสียเปรียบมากที่สุด

สถานการณ์ที่จะทำให้เราเสียเปรียบ ต้องอยู่ในสภาพเหมือนถูก มัดมือชก ไม่มีโอกาสชนะ มักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอเมื่อมีการแข่งขัน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม โดยเฉพาะชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในการแข่งขันนั้นๆ ซึ่งอาจจะมีการกำหนดเงื่อนไขบางอย่างที่เอาเปรียบอีกฝ่าย หรือไม่ให้อีกฝ่ายสามารถสู้ได้อย่างเต็มที่ เหมือนมัดมือชก ก็จะไม่สามารถใช้มือได้ มีโอกาสถูกต่อยอยู่ฝ่ายเดียว ยากจะเอาชนะ

การผลิตสินค้าเพื่อขายแข่งกับผู้ผลิตรายใหญ่ บางทีเราอาจจะตกอยู่ในสภาพเหมือนถูก มัดมือชก เพราะกำลังน้อยกว่า และอีกฝ่ายอาจจะอาศัยเส้นสายกับทางผู้มีอำนาจ ออกกฏระเบียบเพื่อจำกัดคุณสมบัติบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกันได้อย่างเต็มที่ แต่เรื่องแบบนี้ ปัจจุบันค่อนข้างยาก เพราะการขายสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยม และเป็นช่องทางสำคัญที่ผู้ผลิตรายเล็กๆ ก็มีช่องทางเอาชนะผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีเงินทุนสูงกว่าได้ โดยอาศัยการทำการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียลนั่นเอง คนมีอำนาจเหนือก่ว่า ใช่จะสามารถเอาเปรียบในการแข่งขันได้ทุกเรื่อง