ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงพฤติกรรมหวงข้าวของหรือหึงพวงสิทธิ์ในบางสิ่งบางอย่าง หรือคนที่ เคยรักกัน แต่เลิกรากันแล้ว แต่ยังทำตัวเป็น หมาหวงก้าง ยังหึง หวงอีกฝ่าย เมื่อมีคนอื่นมาพัวพันหรือเข้ามาจีบ หรือเข้าใกล้สิ่ง นั้นหรือคนเหล่านั้น เหมือนหมากินอาหารแล้ว บางทีเศษอาหารที่เหลืออยู่ แม้ตัวเองไม่กินแต่ก็หวงไม่ให้หมาตัวอื่นกินเช่นกัน

ตัวอย่าง :

พฤติกรรม หมาหวงก้าง นั้นจะเป็นเรื่องของหมา แต่ดันกลายเป็นปัญหาของคน ไปเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะคนเคยรักกัน แม้ จะเลิกรากันไปแล้ว แต่บางคนก็ยังทำตัวเป็น หมาหวงก้าง หรือ หวงข้าวของ เมื่อมีใครเข้ามาใกล้ แม้ว่่าตัวเองจะไม่มีสิทธิ์ในตัว คนนั้นอีกแล้ว เลิกกันแล้วก็ตาม การทำตัวหึงหวง บางทีก็ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่รู้สึกว่าตัวเองเสียศักดิ์ศรีที่มีคนอื่นมาวุ่นวาย กับคนที่ตัวเองเคยรัก รู้สึกทำใจไม่ได้ ก็เลยแสดงความหึงหวง ผู้ชายหรือผู้หญิงหลายคนจะมีพฤติกรรมแบบนี้ สำหรับผู้ชายก็ อาจจะมีเรื่องทะเลาะกัน ส่วนหากเป็นฝ่ายหญิงก็อาจจะมีนัดตบกัน หรือไปทำร้ายอีกฝ่าย

ปกติหมาตัวผู้จะไม่กัดตัวเมียหรือพวกเดียวกัน ยกเว้นช่วงกินอาหาร หากตัวใดเข้ามาแย่ง ก็จะกัดไม่ว่าจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ทั้งๆ ที่ อิ่มแล้ว ไม่กินแล้ว ก็ยังทำตัวเป็น หมาหวงก้าง หวงอาหารที่ตัวเองไม่กินแล้ว แต่ในฃ่วงฤดูผสมพันธ์นั้น หมาจะไม่หวงคู่ ของมัน เพราะตัวเมียมักจะเป็นฝ่ายเลือกตัวผู้เอง ว่าจะยอมผสมพันธ์กับตัวใด หมาตัวผู้จึงไม่ค่อยมีสิทธิ์หวงก้าง ต่างจากคนเรา แม้จะเลิกกันไปแล้ว บางคนก็ยังแสดงอาการหึงหรือพวงอีกฝ่ายเฉพาะเวลาที่มีคนเข้าไปพัวพันกับอดีตคนเคยรักของตน กลายเป็น หมาหวงก้าง เพราะรู้สึกว่ายอมไม่ได้ เสียศักดิ์ศรี

บางคนมีพฤติกรรมหึงหวงรุนแรง หากเจอคนประเภทนี้ ต้องระวังการคบหาเป็นคู่ครอง การเลิกรากันมีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่งคนแบบ นี้อาจจะสร้างปัญหาให้อย่างมาก แม้จะเลิกรากันไปแล้ว เพราะมักจะต้องใช้วิธีจัดการขั้นเด็ดขาดเท่านั้น บางคนก็จะแจ้งความเอา เรื่องให้ถึงที่สุด เพื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ถึงสิทธิของตน เลิกกันแล้ว ก็ต้องยอมรับความจริง ไม่ทำอะไรที่ผิดต่ออีกฝ่าย คนประเภทนี้ บางคนอาฆาตแรง ตามจองเวรไม่เลิก ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด ก่อนจะติดสินใจคบหาต้องศึกษาพฤติกรรมให้ดี ชอบทำตัวเป็น หมาหวงก้าง คู่แบบนี้อันตรายโดยเฉพาะคนที่หึงหวงเพราะรู้สึกว่าตัวเองเสียศักดิ์ศรี