หลังจากกูเกิ้ลได้ปล่อยระบบปฏิบัติการ Android รุ่นล่าสุด รุ่น 5.0 Lollipop ออกมาก็มีมือถือแอนดรอยด์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้ออกมาจำหนาย ซึ่ง มีให้เลือกทั้งรุ่นราคาประหยัดและราคาที่สูง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ให้เลือกไม่มากนัก (กันยายน 2558)

มือถือแบบ สมาร์ทโฟน จะมีโปรแกรมระบบปฏิบัติการควบคุมการทำงานเป็นคอมพิวเตอร์พกพาอีกประเภทหนึ่ง ซึ่ง Android ได้พัฒนาถึงรุ่น 5.0 แต่ขณะนี้มือถือที่ออกวางจำหน่ายยังรองรับรุ่นนี้ไม่มาก แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต สำหรับยี่ห้อดังๆ ที่ติดตั้ง Android 5.0 ในมือถือ ส่วนใหญ่จะมี แต่รุ่นที่ราคาสูงเกือบหมื่นบาท หรือเกินหมื่นบาทขึ้นไป

 

ตัวอย่างมือถือ Samsung ที่ใช้มือถือ Android 5.0 จะมีรุ่นที่ราคาเริ่มต้นเกือบหมื่นบาทเลยทีเดียว ในราคาประมาณนี้ การเลือกซื้อมือถือ Android 4.4 จะได้รุ่นที่คุณสมบัติดีกว่ามาก

 

สำหรับมือถือ Android 5.0 ที่มีราคาเริ่มต้นถูกที่สุดในขณะนี้ (กันยายน 2558) จะมียี่ห้อ Acer Liquid Z220 ราคาเริ่มต้น ประมาณ 2,500 บาท ขายผ่าน ซึ่งถือว่าเป็นมือถือยี่ห้อดังที่ราคาถูกที่สุด และมีให้เลือกหลายรุ่น

 

 

ราคามือถือ Android 5.0 Lollipop

มือถือ Android 5.0 ในขณะนี้ราคาเริ่มต้นยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับมือถือแอนดรอยด์รุ่นก่อนหน้าเช่น มือถือ Android 4.4 รุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งมีราคา จำหน่ายเริ่มต้นไม่ถึง 1000 บาทก็มี แต่เสป็คเรื่องสูงกว่าเช่น แรมเริ่มต้น 1 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 8 GB กล้องมีความคมชัดสูง ราคาเริ่มต้นสูง แต่ คุณสมบัติโดยรวมถือว่าผ่านสำหรับการใช้งานพื้นฐาน แต่ตัวเลือกยังน้อย ยี่ห้อดังๆ ส่วนใหญ่ยังไม่ทำมือถือราคาประหยัด มี Acer รุ่น Acer L220 ราคาประมาณ 2990 บาท

 

คุณสมบัติใหม่ๆ ในมือถือ Android 5.0 Lollipop

Android 5.0 ระบบปฏิบัติการล่าสุด ก็ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เข้ามาหลายอย่าง ที่เน้นให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น จัดการกับการตั้งค่าการทำงานของ เครื่องได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ใช้เครื่องได้สบายขึ้น ตัวอย่าง เช่น
1. รวมการตั้งค่าไว้หน้าเดียว การตั้งค่าการทำงานของเครื่อง จะรวมไว้ในหน้าเดียว เห็นทุกคำสั่ง ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอ สามารถแตะเลือกได้ทันที


2. คัดลอกข้อมูลบัญชี, แอป, ข้อมูลจากเครื่องเก่า ผ่าน NFC เอาเครื่องมาแนบกัน กรณีมีหลายเครื่อง
3. ดับเบิ้ลแทป ไอคอนในแถบแจ้งเตือน เพื่อเปิดแอปที่เตือนข้อความ
4. บล็อกการแจ้งเตือนของแอปในหน้าจอล็อกสกรีนได้
5. ปรับความสว่างหน้าจอผ่านแถบแจ้งเตือนได้
6. ตั้งลำดับความสำคัญในการติดต่อ เพื่อแจ้งเตือน
7. มีไฟฉายให้ใช้
8. สามารถเพิ่มบัญชีให้คนอื่นได้ กรณียืมเครื่องใช้งาน พร้อมกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานได้
9. Trusted Mode สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ โดยไม่ต้องใส่รหัสหรือ Pin เพื่อความปลอดภัย
10. ล็อกแอปให้เด็กใช้เครื่องได้แค่แอปเดียว
11. เรียกไอคอนลัดด้วยการแตะสองนิ้วแล้วลากลง แสดงไอคอนลัดทั้งหมด
12. ปรับระดับเสียงได้อย่างอิสระ เสียงเรียกเข้า เสียงเพลง เสียงแจ้งเตือน เสียงระบบ ปรับแตกกันได้ จะให้เสียงใดดังมากหรือน้อย
13. ควบคุมการจัดการพลังงานได้ดีขึ้น ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น เช่น ปิดการใช้งานแอปต่างๆ ยกเว้นแอปที่เราต้องใช้เท่านั้น
14. ปลดล็อกหน้าจอเมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม เช่น หูฟังบลูทูธ หรืออุปกรณ์อื่นๆ สะดวกไม่ต้องไปปลดล็อกผ่านหน้าจอ

มือถือ Android 5.0 ราคาประหยัด

Android 5.0 ตัวระบบปฏิบัติการ ทำหน้าที่หลักเป็นตัวขับเคลื่อนให้มือถือสามารถทำงานได้ ในการใช้งานเราก็ไม่ได้ไปใช้คุณสมบัติของ Android อะไรมากนัก เรามักจะติดตั้งแอปอื่นๆ เพื่อใช้งานมากกว่า เช่น Line, Facebook จึงควรเน้นที่ส่วนอื่นเช่น ขนาดหน้าจอเหมาะสมหรือไม่ ปัญหาที่มักจะ เกิดกับรุ่นนั้นๆ ความทนทาน เพราะมือถือประเภทนี้ในรุ่น Android 4.4 หรือ 5.0 ก็ตามยังใช้งานได้อีกนาน สำหรับคนที่เน้นหามือถือราคาประหยัด มาไว้ อาจจะเลือก Android 4.4 แทนก็ได้ ยี่ห้อดังหลายรุ่นราคาถูกกว่า เพราะเดี๋ยวก็พังและก็ต้องซื้อใหม่ ซึ่งตอนนนั้นมือถือ Anroid 5.0 ก็น่าจะเริ่ม ผลิตออกขายมากขึ้น ราคาถูกลงมีให้เลือกมากกว่าขณะนี้ (กันยายน 2558)

เรื่องต้องรู้การใช้มือถือ Android แทบทุกรุ่น

การใช้งานมือถือ Android การเลือกซื้อมือถือ Android รุ่นเก่ากว่า หรือจะรุ่นใหม่อย่าง 5.0 ก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่จะใช้งานระดับพื้นฐานเท่านั้น ผู้ที่ ได้ใช้งานอย่างเต็มความสามารถจริงๆ เฉพาะนักทดสอบ นักเขียนมากกว่า โดยจะเน้นศึกษาการใช้งานขั้นสูงหรือเน้นรายละเอียดมาก เพื่อเขียนบท ความมาให้อ่านกันนั่นเอง แต่คนทั่วไปเน้นระดับพื้นฐานเท่านั้น เช่น
ถ่ายภาพ เลือกระดับความคมชัดที่ยอมรับได้
โทรศัพท์
ใช้ Line
Facebook
เข้าเว็บไซต์อ่านข่าว ดูประกาศ
ใช้แผนที่
อ่าน eBook
อ่านอีเมล์ เช็คอีเมล์
ใช้งาน SMS
ดูวิดีโอ Youtube
ฟังเพลง
ดูวิดีโอ
ดูภาพถ่ายจากกล้อง
โอนเงิน ทำธุรกรรมกับธนาคาร
จัดการเอกสาร Word, Excel
เป็นต้น

การเลือกซื้อมือถือแบบนี้ จึงต้องดูความจำเป็นและรูปแบบการใช้งานของเราเป็นหลัก บางอย่างที่ไม่ใช้ การซื้อเครื่องแพงๆ ราคาหลายหมื่นก็เสีย เงินเปล่า ซื้อมาแต่ไม่ได้ใช้ความสามารถในส่วนนั้น หากเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา จะเลือกรุ่นใด ก็คงสบายกระเป๋าอยู่แล้ว แต่หลายคนเลือกโดยเน้นหรู เน้นความเป็นวัตถุนิยม ไม่ได้เลือกโดยดูความต้องการที่ต้องใช้งานจริง ก็เอาเงินไปทิ้งเปล่าๆ เพราะมือถือราคาตกเร็วมาก เรื่องขายต่อค่อนข้างยาก ซื้อมาหลักหมื่นผ่านไป 1 ปี ราคาก็ตกเกินครึ่งหมื่น ซื้อมาหลัก 2 หมื่นก็ตกประมาณครึ่งหนึ่งเหลือประมาณหนึ่งหมื่น ดังนั้นต้องมองในเรื่องความคุ้ม ค่าให้มากๆ เพราะยังมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาอีกเช่น ค่าโทรศัพท์ แพ็คเกจอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

 

บทความเนื้อหาใกล้เคียงกัน :