แต่ละวันใช้รถมาก หรือ ขับทางไกล จำเป็นจะต้องวางแผนในเรื่องการใช้รถให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเสียเงินมากหลักแสนถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีปฏิบัติที่ต่างกันออกไป บางคนใช้รถใหม่ป้ายแดง แต่เปลี่ยนบ่อย บาคนเล่นรถมือสอง บางคนเน้นซ่อมใหญ่ แต่ละแบบจะช่วยประหยัดเงินได้มากน้อยต่างกัน
การใช้รถยนต์ต่อวันค่อนข้างมาก ขับทางไกลหรือขับไปกลับที่ทำงานค่อนข้างไกล หลายคนจะเกิดความกังวลกลัวรถจะมีปัญหากลางทางทำให้เสียงาน เสียการ แต่ละคนจึงมีวิธีใช้รถ ซื้อรถที่ต่างกันออกไป เช่น
1. วิธีที่ 1 ใช้รถใหม่ป้ายแดง ไม่เกิน 5 ปี
2. วิธีที่ 2 ใช้รถมือสองรองจากป้ายแดงเปลี่ยนรถทุก 2-3 ปี
3. วิธีที่ 3 ไม่เปลี่ยนรถบ่อยแต่เน้นดูแลรถอย่างดี
4. วิธีที่ 4 ใช้รถเก่า โดยต้องมีมากกว่า 1 คัน
วิธีที่ 1 ใช้รถใหม่ป้ายแดง ไม่เกิน 5 ปี
กรณีแรกนี้จะเน้นการซื้อรถใหม่ป้ายแดง ใช้งานระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 5 ปี แล้วขายต่อ หากใช้งานนานกว่านั้น ก็กลัวว่า รถอาจจะเริ่มแย่ กลัวจะเสียกลางทาง ทำให้เสียการเสียงานได้ บางคนเลือกรถในลักษณะนี้ ซึ่งข้อดีก็จะได้รถที่มีสภาพสมบูรณ์ไว้ใช้งาน ลดโอกาสรถเสียกลางทาง หรือรถเสียในบางวัน ทำให้เสียเวลาเดินทางไปทำงาน เพราะต้องนำรถไปซ่อม
ส่วนข้อเสียก็คือรายจ่ายที่เกิดกับรถจะค่อนข้างมาก อย่างรถราคา 1,000,000 บาท เมื่อใช้งานไปสัก 5 ปี แล้วขายต่อ อาจจะเหลือราคาประมาณ 600,000 บาทขึ้นไป สำหรับรถรุ่นยอดนิยม และอาจจะเหลือประมาณ 400,000 บาทขึ้นไป สำหรับรถยี่ห้อไม่นิยม จะเห็นว่า ในเวลา 5 ปี เงินหายไปไม่น้อยเลย ประมาณ 400,000-600,000 บาท ซึ่งมากพอจะซื้อรถป้ายแดงได้อีกคัน
รถราคาแพง รถยุโรป รถใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ รถยี่ห้อไม่นิยม ราคาขายต่อจะลดลงมากกว่า รถขนาดเล็ก ยี่ห้อยอดนิยม ประหยัดน้ำมัน ดังนั้นหากเน้นใช้งานบ่อย ขับรถทางไกลทุกวัน ก็ควรเน้นรถยนต์ขนาดเล็ก ไม่เพียงประหยัดน้ำมัน แต่ยังประหยัดค่าใช้จ่าย ขายต่อก็ได้ราคา และขายง่ายกว่า เมื่อถึงเวลาต้องการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่
การเปลี่ยนรถปล่อย หากเปลี่ยนรถทุก 5 ปี ในระยะเวลา 10 ปี ก็จะต้องเปลี่ยนถึง 2 คัน ทำให้เงินหายไป 800,000 -1,200,000 บาทขึ้นไป เลยทีเดียว ดังนั้นหากใช้รถมาก การซื้อรถป้ายแดงเพื่อแลกกับความสบายใจ รถไม่เสียกลางทาง ไม่เสียในบางวัน จึงต้องพิจารณาว่าคุ้มกับเงินที่ได้จ่ายออกไปหรือไม่ เพราะยังมีทางเลือกอื่นที่ช่วยประหยัดเงินได้มากกว่านี้
วิธีที่ 2 ใช้รถมือสองรองจากป้ายแดงเปลี่ยนรถทุก 2-3 ปี
การซื้อรถมือสองรองจากรถใหม่ป้ายแดง ที่เจ้าของเดิมใช้่งานไปแล้วประมาณ 3- 5 ปี ราคาลดเหลือประมาณ 70% ของราคารถหรือน้อยกว่านั้น แต่มีหลายคันที่รถยังอยู่ในสภาพดี อย่างเพื่อนผู้เขียนใช้รถยนต์ตั้งแต่ป้ายแดงมา 7 ปี เลขไมล์ 32,000 กว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง
ในระยะเวลา 5 ปี มีรถยนต์หลายคันที่ยังขับได้ไม่ถึง 50,000 กิโลเมตร จากรถราคา 1,000,000 บาท อาจจะเหลือราคาอยู่เพียง 600,000 - 700,000 บาท หรือน้อยกว่านี้ และราคาก็ลดหลั่นกันไป รถใหม่ราคา 600,000 เมื่อผ่านไป 3-5 ปี อาจจะเหลือราคาไม่เกิน 450,000 บาท
รถมือสองเหล่านี้จะยังคงมีสภาพดี สามารถใช้งานดีไม่มีปัญหา โดยดูแลตามระยะทางเท่านั้น ไม่มีซ่อมใหญ่ให้รำคาญใจ ขายต่อราคาไม่ค่อยตกรถยังดีมาก สภาพสมบูรณ์แต่ประหยัดเงินจากรถป้ายแดงไปหลายแสนบาท
การใช้รถมาก ขับรถมาก ที่ทำงานไกล ตัวเลือกนี้คุ้มค่ามาก เมื่อใช้รถไปสัก 2-3 ปี แล้วขายต่ออาจจะขาดทุนไม่เกิน 100,000 บาทราคาจะไม่ตกมากเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นรถใหม่ป้ายแดง ในระยะเวลา 10 ปี แม้จะเปลี่ยนรถบ่อย แต่ก็ไม่เสียเงินมากเหมือนการใช้รถใหม่ป้ายแดง
กรณีเปลี่ยนรถบ่อย และเน้นใช้งานรถมือสองจากรถป้ายแดงแบบนี้ จะต้องใช้รถเล็ก เป็นรถตลาด ยี่ห้อยอดนิยมเท่านั้น ขายต่อง่ายราคาไม่ตกมาก อย่าง Honda City, Honda Jazz หรือบรรดา รถอีโคคาร์
เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้รถใหม่ป้ายแดงแล้ว การใช้รถมือสองในลักษณะนี้ จะประหยัดเงินมากเลยทีเดียว เป็นทางเลือกที่บางคนนิยมใช้ เพราะใช้รถมาก จึงต้องการรถในสภาพดีที่ใช้งานได้อย่างสบายใจ รถมือสองรองจากป้ายแดง ผู้ใช้รถคนแรก จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกันทั้ง 4 กรณีที่กล่าวถึงในบทความนี้ แต่ต้องใช้รถขนาดเล็กเท่านั้นนะ
วิธีที่ 3 ไม่เปลี่ยนรถบ่อยแต่เน้นดูแลรถอย่างดี
บางคนใช้รถมาก ขับมากในแต่ละวัน แต่ก็ดูแลอย่างดี เน้นใช้งานเกิน 15 ปีขึ้นไป แต่ต้องมีรถสำรองไว้อย่างน้อย 1 คัน ไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน รถเสีย เกิดอุบัติเหตุ การใช้รถในลักษณะนี้จะต้องเริ่มจากรถป้ายแดง เพื่อจะได้เริ่มดูแลรถตั้งแต่แรกเริ่ม รู้สภาพรถ รู้ปัญหาของรถอย่างดี
หากดูแลดี ซ่อมบำรุงอย่างดี ค่าซ่อมบำรุงในระยะเวลา 15 ปี นั้นไม่กี่แสนบาท รวมๆ แล้ว ประหยัดกว่าการใช้รถป้ายแดง หรือรถมือสองรองจากป้ายแดง และเปลี่ยนรถให้บ่อย เพราะไม่ต้องการซ่อมบำรุง รถเริ่มแย่ก็ขายทิ้ง หาคันใหม่
รถยนต์นั้นสามารถใช้งานได้นานเกิน 15 ปี สบายๆ หากไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ซ่อมแล้วไม่จบ เช่น พลิกคว่ำต้องทำสีทั้งคัน หรือตัดต่อตัวถัง กรณีนี้ซ่อมแล้วอาจจะไม่จบ
แต่หากปัญหานั้นเกิดจากอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนใดๆ มีปัญหา ก็เปลี่ยนใหม่เป็นของแท้ ก็จะได้รถที่อยู่ในสภาพดี ไว้ใช้งาน แต่หลายคนขี้เกียจซ่อม เพราะถือว่าเวลาของตนนั้นมีค่าจะไม่มาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ ดังนั้นจะไม่ซ่อม เมื่อเริ่มเก่าก็ขายทิ้งทันที เรื่องแบบนี้ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์และความสบายใจของแต่ละคน
แต่การใช้งานในลักษณะนี้ หากพิจารณาให้ดีแล้ว ก็ยังเสียเงินมากอยู่ดี หลังจาก 15 ปีผ่านไป รถยนต์อาจจะเหลือราคาแสนกว่าบาท และหลัง 20 ปีผ่านไป ก็จะเหลือราคาไม่ถึงหนึ่งแสนบาท
วิธีที่ 4 ใช้รถเก่า โดยต้องมีมากกว่า 1 คัน
สำหรับคนที่มีงบไม่มาก การใช้รถเก่า ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพียงแต่ต้องมีรถไม่น้อยกว่า 2 คัน บางคนซื้อรถในราคาไม่เกิน 100,000 บาท ซ่อมบำรุงอย่างดีให้มีสถาพเหมือนเดิมๆ จากโรงงาน รถเหล่านี้จะใช้งบซ่อมบำรุงให้เทพไปเลย ไม่เกิน 100,000 บาท ก็จะได้รถสภาพดีไว้ใช้งานได้อีกนาน
การหารถสภาพดีมาปรับแต่งคันละไม่เกิน 200,000 บาท ก็จะใช้เงินเพียง 400,000 ยังมีเงินสำรองไว้ใช้เผื่อซ่อมบำรุงหรือหากมีงบสักหน่อยหารถในราคาประมาณ 250,000 ขึ้นไป ยังมีรถสภาพดีๆ ใช้งานน้อย ยังสามารถซ่อมบำรุงให้อยู่ในสภาพดีได้ไม่ยาก
อย่างคันนี้สภาพยังดี เดิมๆ มีประวัติการซ่อมบำรุง ตรวจสอบได้ ซื้อรถในราคาประมาณ 270,000 บาท ใช้ไปอีก 10 ปี อย่างไรเสีย ค่าซ่อมใน 10 ปี ก็ไม่เกิน 200,000 หรือไม่ถึง 100,000 บาท ด้วยซ้ำไป ถ้าซ่อมเป็น อะไหล่ต้องซื้อเอง และรู้จักดูแลบำรุงรักษา หรือจะใช้ให้พังไปข้าง เกิน 15 ปี ค่าซ่อมก็ยังไม่เกิน 250,000 อยู่ดี รวมแล้วก็ยังประหยัดกว่าการซื้อทั้ง 3 กรณีดังที่กล่าวมาอย่างแน่นอน
ในระยะเวลา 10 ปีอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนรถเลย หรือไม่มีค่าซ่อมใหญ่ เพียงแต่ก็ต้องเลือกรถที่มีสภาพดี หลีกเลี่ยงรายการซ่อมใหญ่ที่ไม่จบอย่างตัวถังผุ ขึ้นสนิม หรือรถติดแก๊ส มีปัญหากับเครื่องยนต์ การใช้รถในลักษณะนี้ หากเน้นรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล จะค่อนข้างคุ้มค่า เพราะมีความทนทาน คันนี้เลขไมล์ 7 แสนกว่ากิโลเมตรไปแล้ว เครื่องยนต์ยังดี 1,000,000 กิโลเมตรน่าจะยังไปได้สบายๆ
การเลือกรถเพื่อใช้งานในลักษณะนี้ แนะนำให้เลือกรถเล็ก เครื่องยนต์เบนซิน 1 คัน และดีเซลอีก 1 คัน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหมดเงินกับรถมากเกินไปนัก และไม่ต้องกังวลเรื่องรถเสียระหว่างการใช้งาน เพราะมีรถสำรอง สลับกันใช้
การมีรถยนต์ในครอบครองจะมีค่าใช้จ่ายตามมาหลักแสนถึงหลักล้านบาท ตลอดอายุการใช้งานและตลอดอายุขัยของเจ้าของรถ การใช้รถค่อนข้างมาก ขับทางไกล ที่ทำงานไกล รถก็จะสึกหรอเร็ว พังเร็ว การเปลี่ยนรถบ่อย เพื่อให้มีรถที่มีสภาพสมบูรณ์ตลอดเวลาไว้ใช้งานเป็นตัวเลือกที่ทุกคนต้องการ แต่ก็ต้องศึกษาในเรื่องค่าใช้จ่ายให้ดี เพราะการเปลี่ยนรถบ่อยๆ ต้องจ่ายแพงมาก