Sponsored Ads

การขับรถเร็ว ขับรถช้า มีข้อดี ข้อเสีย ต่างกัน โดยประเด็นหลักก็จะเป็นเรื่องความปลอดภัย แต่พฤติกรรมการขับรถของแต่ละคนนั้นต่างกัน บางคนก็ชอบขับรถเร็ว บางคนก็ขอบขับรถช้า ห้ามกันไม่ได้ การขับรถทั้งสองแบบก็มีความแตกต่างในการขับรถที่ไม่เหมือนกัน แต่คนสองกลุ่มนี้อาจจะมองต่างมุม แล้วผู้อ่านจะเลือกอยู่ฝ่ายไหน ช้า หรือ เร็ว

 

การขับรถเร็ว

พฤติกรรมการขับรถเร็ว จากที่ได้คุยกับหลายคน ก็มีเหตุผลต่างกันไป เช่น
1. ความสุขอยู่ที่การได้สัมผัสความเร็ว มันมีความตื่นเต้น ท้าทาย โดยเฉพาะบรรดามอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ด้วยแล้ว บางคนทำความเร็วเกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็มี
2. บางคนชอบขับเร็วเพื่อให้ถึงที่หมายเร็วๆ เพื่อจะได้ทำกิจกรรมที่ชอบ มีเวลาทำกิจกรรมที่ชอบมากขึ้น อย่างการเดินทางของบรรดาบิ๊กไบค์ ขับรถเร็วมาก เพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วๆ เพื่อจะได้เสพความสุขเมื่อเดินทางไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางได้อย่างเต็มที่
3. ขับช้าไม่เป็น ง่วง อาจจะเกิดอุบัติเหตุ ต้องขับเร็วๆ สรุปแล้วก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้พอกัน
4. บางคนอาจจะไม่ชอบขับรถเร็ว แต่ต้องขับบ้าง เพื่อฝึกประสาทสัมผัส เพราะหากขับช้าจนเคยชิน ในกรณีต้องทำความเร็วสูง จะไม่ชิน มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ จึงต้องฝึกขับรถหลายแบบ เผื่อไว้รองรับสถานการณ์ที่ต่างกันไป

 

การขับรถเร็วมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าการขับช้า เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง เมื่ออายุมากขึ้น หรือเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ก็อาจจะเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม ขับรถช้าลง เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาหรือมีเงื่อนไขบางอย่าง บางคนเริ่มมีลูก ก็เปลี่ยนพฤติกรรมการขับ

 

คำแนะนำเพิ่มเติม

1. ศึกษา ทำความรู้จักรถให้ดี ช่วงล่างของรถ ความแข็งแรง อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย ไม่ใช่ขับเร็วโดยไม่มีความรู้อะไรเลย แบบนั้นอันตรายมาก เพราะรถแต่ละคัน ช่วงล่างไม่เหมือนกัน
2. อย่าขับเร็ว ถ้าไม่ใช่รถตัวเอง หรือยังไม่ค่อยคุ้นกับรถ หรือไม่มีความสามารถในการจ่าย ถ้าทำรถคนอื่นพังเสียหาย
3. อย่าขับเร็ว หากมีผู้โดยสารหลายคน เพราะหากเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต ก็จะเป็นตราบาปในใจไปอีกนาน อยากขับเร็ว ก็ต้องให้เกิดความเดือดร้อนตามมาน้อยที่สุด ไปตายคนเดียว อย่าให้ใครเดือดร้อน
4. ปรับแต่งรถให้ดี หากชอบขับรถเร็ว และศึกษาเทคนิคขั้นสูง เพื่อให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
5. ระวังอย่าให้คนที่กำลังคึกคะนอง มือใหม่หัดขับ หรือเพิ่งขับเป็น บางคนจะพยายามโชว์ความเก่งด้วยการขับผาดโผน อันตรายมาก ต้องระวังให้ดี
6. ลองขับช้าบ้าง หากพบความสุขในการขับช้าๆ ได้สัมผัสอากาศดีๆ วิวสวยๆ ก็อาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมการขับเร็วได้

 

การขับรถช้า

การขับรถช้า มีข้อดีหลายอย่าง เช่น
1. การได้เสพความสุขกับวิวสองข้างทาง ขับรถเร็ว ต้องดูถนน ดูรถ เครียด ขับช้าๆ ดีกว่า ผู้เขียนเริ่มขับช้าลง เพราะเมื่อก่อนขับเร็ว มุ่งแต่จะไปให้ถึงจุดหมายอย่างเดียว จนไม่เคยมองสองข้างทางเลย จนกระทั่งได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติ คราวนี้ชอบขับรถช้า ช้ามาก
2. การขับรถช้ามีความปลอดภัยมากกว่า เพียงแต่จะต้องไม่ขวางรถคันอื่น รู้วิธีจัดวางตำแหน่งรถให้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่เกะกะ ขวางคันอื่น แม้จะเดินทางไกล การขับช้าก็ใช่จะถึงที่หมายช้า บางคนเน้นเดินทางก่อนเวลา หรือเลือกช่วงเวลาการเดินทางที่รถน้อย ถนนโล่ง หรือออกเดินทางก่อนกำหนด จะได้ไม่ต้องรีบ หรือขับช้า สลับขับเร็ว รีบแซงไปอยู่ในช่องที่ปลอดภัย
3. การขับรถช้านอกจากปลอดภัยแล้วก็ยังประหยัดน้ำมัน มีเงินเหลือไว้ใช้อย่างอื่น แต่ต้องทดสอบความเร็วแต่ละระดับ เพื่อจะได้เลือกระดับความเร็วที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุด

 

คำแนะนำเพิ่มเติม

1. การขับรถช้า ต้องขับให้เป็น ไม่ใช่ขับช้า แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว อย่างการขับช้าแช่เลนขวา เพราะจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงมากหรือเกิดการทะเลาะวิวาทได้เช่นกัน จากรถที่ขับตามมา
2. ขับรถช้า แต่ไม่ขวางรถคันอื่น รู้วิธีจัดวางตำแหน่งรถให้ปลอดภัย
3. ต้องรู้จักรถของเราอย่างดี อย่างรถเล็กๆ 5 ประตู ท้ายไม่มี หากโดนชนท้ายจะมีโอกาสโดนชนถึงกลางลำ เลยทีเดียว หากมีคนนั่งเบาะหลังก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง หากเกิดอุบัติเหตุหนักๆ ก็อาจจะต้องตัดส่วนท้ายออก แล้วหาซื้อท้ายรถมาต่อ รถก็จะไม่แข็งแรง ไม่ปลอดภัยในการใช้งานอีกต่อไปแล้ว โดนชนคราวหน้ามีโอกาสขาดครึ่ง ขับรถแบบนี้ หากขับช้า ก็ต้องไม่ขวางคันอื่น และระวังอย่าให้ใครจี้ท้าย ใกล้ชิดเกินไป

 

ทางสายกลาง การขับรถเร็วสลับการขับช้า

สำหรับคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ฝึกขับช้าๆ แต่สลับการขับเร็วในบางช่วง เช่น เน้นใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 80 แต่ในบางจังหวะต้องรีบแซงแล้วก็ขับเร็วเท่าเดิม เน้นวางตำแหน่งรถบนถนนให้อยู่ในจุดที่ปลอดภัย อย่างการขับตามกันหลายๆ คัน ขับแบบนี้ค่อนข้างเครียด ต้องใช้ความระมัดระวังมาก ก็อาจจะหลบให้รถกลุ่มนี้ผ่่านไปก่อน หรือรีบแซงไปไกลๆ ไปอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย เป็นต้น

 

การขับรถเร็วหรือช้า อาจจะยังถือว่าขับรถไม่เป็น หากยังขับโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกัน คนที่ขับรถโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก แสดงว่ามีวุฒิภาวะสูงกว่าคนทั่วไป ข้อดีก็อยู่กับตัวผู้ขับเอง เพราะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง