Sponsored Ads

การศึกษาหาข้อมูลในเรื่องรายจ่ายด้านต่างๆ โดยเฉพาะรายจ่ายในอนาคต สำหรับคนอายุยังน้อย เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจส่วนตัว อาชีพอิสระ หรือ แม้แต่คนที่ทำงานประจำ หรือ พนักงานบริษัท ก็ตาม เพราะในอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ และอาจจะส่งผลทำให้รายได้หายไปทันที หรือตกงาน ซึ่งรายจ่ายในอนาคตนั้น จะมีทั้งที่มองเห็น สามารถคำนวณได้ และ มองไม่เห็น ไม่แน่นอน แต่หากศึกษาในเรื่องนี้ ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเอง จะได้เตรียมรับมือในอนาคต

 

การศึกษาในเรื่องรายจ่ายในอนาคต เป็นเรื่องดี เพื่อที่จะวางแผนเตรียมรับมือ และทำตามแผน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากๆ แต่ใครทำได้ ชีวิตบั้นปลายก็จะไม่มีปัญหาการเงินรบกวน หรือ ชีวิตไม่ลำบาก แม้จะตกงาน ก็จะยังคงมีเงินไว้ใช้สอย สำหรับรายจ่ายในอนาคตอาจจะแยกได้ 2 ประเภท
1. รายจ่ายที่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขได้ เช่น รายจ่ายของตัวเอง คนในครอบครัว การซื้อทรัพย์สิน การแต่งงาน การดูแลบุตรหลาน ฯลฯ
2. รายจ่ายที่ยากต่อการคำนวณเป็นตัวเลข เพราะเหตุการณ์หลายอย่างยังไม่เกิดขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะมีรายจ่ายอะไรตามมาบ้างในอนาคต เช่น ความเจ็บป่วยของตัวเอง หรือ สมาชิกในครอบครัว รายจ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อตกงาน หรือกิจการมีปัญหา ไม่มีรายได้

 

ตัวอย่างรายจ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

รายจ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคนเรา ต่อไปนี้ ยากจะหลีกเลี่ยง อย่างไรเสียก็ต้องประสบกันทุกคน ใครเตรียมรับมือได้ก่อน ชีวิตก็จะไม่ลำบาก ตัวอย่างเช่น

1. รายจ่ายพื้นฐานของตัวเราเอง

สำหรับคนโสด ไม่มีครอบครัว ก็จะน้อยหน่อย การคิดคำนวณ ให้คิดยาวๆ คิดไปไกลๆ เช่น ขณะนี้อายุ 25 ก็คิดไปยาวๆ เกินสิบปีขึ้นไป เพื่อจะได้ระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่ายให้มากๆ

 

2. รายจ่ายในอนาคต กับทรัพย์สิน ต่างๆ

สิ่งของ ยานพาหนะ ที่อยู่อาศัยที่ต้องซื้อ และ ค่าใช้จ่ายในการดูแลซ่อมบำรุงสินทรัพย์เหล่านั้น กรณีเป็นรถยนต์ อย่าเปลี่ยนรถบ่อย บางคนเปลี่ยนทุก 5-6 ปี ทั้งๆ ที่รถยังคงอยู่ในสภาพดี ให้เน้นรถขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน และวางแผนใช้ยาวๆ การจะซื้ออะไรสักอย่างจะต้องคิดให้รอบด้านและรอบคอบ คิดถึงรายจ่ายในอนาคตเข้าไว้ คิดถึงความลำบากเข้าไว้ อย่าให้ชีวิตต้องเจอะเจอ

 

3. รายจ่ายในอนาคตกับการดูแลสมาชิกในครอบครัว

พ่อแม่ พี่น้อง ลูก หลาน ในเรื่องนี้ต้องระวัง อย่าให้มากเกินไป การช่วยเหลือต้องมีเงื่อนไข และต้องสอนให้แต่ละคนรู้จักใช้เงิน รู้จักหาเงิน เพื่อเลี้ยงตัวเองให้ได้ด้วย คิดถึงตัวเองในอนาคตให้มากๆ โดยเฉพาะคนโสด ไม่มีบุตรหลาน บางคนมาทำงานต่างถิ่น ก็ส่งเงินไปให้พ่อแม่ พี่น้อง ทุกเดือน ซึ่งก็พากันใช้เงินกันอย่างสุขสบาย สนุกสนานกับการใช้จ่าย สุดท้ายเงินก็ไม่เหลือ ไม่มีประโยชน์อะไร

 

ที่แย่กว่านั้นสำหรับบางคน วันหนึ่งที่ตัวเองตกงาน การกลับไปบ้าน ด้วยหวังจะพึ่งพา กลับโดนไล่ให้ไปไกลๆ หรือ บางคนก็ต้องไปใช้หนี้แทนคนในครอบครัวอีกต่างหาก ไม่เพียงใช้จ่ายไม่เหลือ แต่ยังไปยุ่งกับอบายมุขจนเป็นหนี้ คนเรานั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้องที่เคยรักกันมากเพียงใด แต่เมื่อแยกตัวมีครอบครัวของตัวเอง หรือ เริ่มมีอายุมากขึ้น ความเห็นแก่ตัว ก็จะตามมา และความเป็นพี่น้อง ญาติสนิท มิตรสบาย ก็จะเริ่มหายไป อย่าคิดว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดกับตัวเอง

 

ดังนั้นไม่ต้องไปดูแลใครให้มากนัก เน้นให้แต่ละคนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สร้างรายได้ให้ตัวเองได้ อย่าให้เงินอย่างเดียว เพราะไม่มีใครสามารถดูแลใครได้ตลอดรอดฝั่ง ต้องให้แต่ละคนรอบตัว สามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งการเอาแต่ให้ เอาแต่ช่วยฝ่ายเดียว ไม่เพียงเป็นการส่งเสริมให้คนรับกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่อาจทำให้เงินหมดไปโดยเปล่าประโยชน์ หากนำเงินที่ได้รับ ไปใช้กับอบายมุข

 

4. รายจ่ายที่จะเกิดขึ้นสำหรับการสร้างครอบครัวตัวเอง

การมีคู่ครอง มีค่าใช้จ่ายตามมามาก การแต่งงาน การซื้อบ้าน ปลูกเรือนหอ ซื้อสิ่งของอำนวยความสะดวก ทรัพย์สินต่างๆ ค่าใช้จ่่ายกับลูกหลานในอนาคต เป็นรายจ่ายที่มาก และยากต่อการคำนวณ เพราะคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าใช้จ่ายมาก ตามกิเลสของแต่ละคน บางคนมีบุตรหลาน กำลังเรียนในระดับปริญญาตรี มีค่าใช้จ่ายมากถึงเดือนละหลักหมื่นบาทก็มี

 

การแต่งงานสำหรับบางคู่ อาจจะทำให้อีกฝ่าย หรือ ทั้งสองฝ่ายแทบล่มจมเลยทีเดียว หากมีคู่ครองประเภทวัตถุนิยมสูงมาก ต้องมีบ้านหลักหลายล้าน รถราคาแพง ของใช้ต้องหรูหรา ฯลฯ เพื่อนผู้เขียนบางคนมีหนี้ที่เกิดขึ้นหลังการแต่งงานหลายล้านบาท ตั้งแต่การกู้เงินมาแต่งงาน การกู้เงินซื้อบ้าน ซื้อรถ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกมากมาย หลัง 5-6 ปีผ่านไป กลับพบว่าตัวเอง คิดผิด กลายเป็นความเครียด อยากเลิกกันทุกวัน เหนื่อยกับการหาเงินมาใช้จ่ายกับหนี้ที่เกิดขึ้น

 

แต่หากโชคดีครองคู่กันยืนยาว ช่วยกันสร้าง คู่สร้างคู่สม อยู่กันจนตายจากกันไป ก็ดีไปอย่าง แต่บางคู่มีเหตุให้เลิกรากัน เหมือนมาช่วยกันใช้ พอหมดแล้วก็ทั้งเบื่อและหมดรัก อยากจะเลิกรากันไป ทรัพย์สมบัติก็จะหายไปเยอะมาก เพราะต้องแบ่งสมบัติกัน รายจ่ายในเรื่องนี้ ค่อนข้างมาก มีสมบัติมาก ก็หายไปมาก

 

5. รายจ่ายที่ต้องเตรียมเผื่อไว้กรณี งานมีปัญหา

อาชีพหรืองานนั้นๆ ไมได้รับความนิยมอีกต่อไป หรือ ต้องปิดกิจการ หรือ เปลี่ยนอาชีพใหม่ รายได้หดหาย จำเป็นจะต้องนำเงินเก็บมาใช้จ่าย เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะอาชีพในปัจจุบันไม่มีความมั่นคง เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา มักจะส่งผลต่ออาชีพต่างๆ ทำให้ต้องล้มหายตายจาก อย่างการเกิดของ AI การแต่งนิทาน การแต่งบทความ การแปลภาษา การตัดต่อวิดีโอ วาดภาพ ฯลฯ สามารถใช้ AI ทำงานแทนได้ ไม่จำเป็นต้องจ้างคนผลิตสื่อเหล่านี้ก็ได้

 

6. รายจ่ายสำหรับการลงทุน หรือ ขยายกิจการ

เพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น หรือ ไว้ใช้จ่าย ลงทุนกรณีงานที่ทำนั้นมีปัญหา ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ จำเป็นต้องศึกษาหาอาชีพใหม่ เงินส่วนนี้ ต้องมีเก็บเอาไว้ สำหรับตัวเอง

 

7. รายจ่ายสำหรับตัวเองในบั้นปลาย

ในยามแก่เฒ่า และชีวิตหลังความตาย แม้กระทั่งการจัดงานศพ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย ที่สำคัญคนเรานั้น ไม่สามารถกำหนดวันตายได้ เหมือน Expire Date ที่เขียนไว้บนสินค้าชนิดต่างๆ ดังนั้นก็ไม่รู้ว่า กว่าจะสิ้นอายุขัย จะต้องใช้จ่ายอีกสักเท่าไร ยิ่งแก่ก็ยิ่งลำบาก เพราะไม่สามารถทำงานทำการ ไม่มีรายได้

 

สรุป

เมื่อก่อนผู้เขียนอายุไม่เกิน 45 ยังมีรายได้ค่อนข้างมาก จึงใช้เงินแบบไม่คิด และ ไม่เคยคิดถึงรายจ่ายในอนาคตเหล่านี้เลย ด้วยคิดเอาเองว่า งานที่ทำอยู่ต้องไปได้เรื่อยๆ แต่ตอนนี้หลังอายุ 50 เริ่มพบว่า กำลังจะแย่ เพราะงานที่ทำนั้้น เริ่มมาถึงทางตัน เพราะการเป็นนักเขียน การผลิตคอนเทนต์ไม่ใช่งานประเภทหนึ่งในปัจจัยพื้นฐาน ที่คนเราต้องกินต้องใช้ อย่าง อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ความสวยความงาม และการเกิดของ AI ก็สามารถเขียนบทความแทนนักเขียนได้ สร้างคอนเทนต์ได้ ไม่ต้องใช้คนก็ได้

 

เพื่อนผู้เขียนเปิดร้านอาหาร ด้วยความคิดพื้นฐานที่ว่า ร้านอาหารอยู่ได้ เพราะคนเราต้องกินต้องใช้ เพียงแค่รักษามาตรฐานให้เหมือนเดิม ดูแลลูกค้า แค่นั้นก็ไปต่อไป ยิ่งไม่มีหนี้สินด้วยแล้ว ยิ่งสบาย ร้านก็ไม่ต้องเช่า รายจ่ายน้อย ระยะยาว ก็อยู่ได้สบายๆ งานแบบนี้ โอกาสล้มหายตายจาก จะค่อนข้างยาก

 

บทความนี้ก็อยากจะให้เป็นข้อคิดสำหรับผู้ทำอาชีพอิสระ ทำงานส่วนตัว อย่าไปคิดว่า เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดกับตัวเอง หมั่นวิเคราะห์สถานการณ์ ศึกษาหาข้อมูล หากงานที่กำลังทำอยู่นั้น ไม่อยู่บนปัจจัยพื้นฐานที่คนเราต้องใช้ สักวันก็ต้องมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมา และส่งผลกระทบต่องานของเรา จนงานนั้นๆ อาจจะต้องล้มหายตายจาก ปิดตัวลง เมื่อนั้น การเงิน รายได้ก็จะมีปัญหาแน่นอน โชคดีที่ผู้เขียนไม่มีครอบครัว ดูแลแค่ตัวเองคนเดียวก็เท่านั้น รายจ่ายน้อยมาก หาเงินให้ได้เดือนละ 3 พันบาท ก็พอยังชีพอยู่ได้

 

ใครที่กำลังประสบปัญหาในการงาน ก็ขอเป็นกำลังใจ ให้ผ่านไปด้วยดี ส่วนใครที่ยังไปได้ดี ก็อย่าได้ประมาท จงเริ่มคิดและลงมือทำเสียตั้งแต่วันนี้ กับการศึกษาในเรื่องรายจ่ายในอนาคต เพื่อป้องกันความผิดพลาด ชีวิตจะไม่ลำบากในบั้นปลาย