ตัวอย่างการแสกนภาพด้วยโปรแกรม Photoshop
การแสกนภาพใน Photoshop จะดีกว่าการแสกนด้วยโปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่องแสกนเนอร์ เพราะเมื่อแสกนเข้ามาแล้ว ก็สามารถทำการตกแต่งภาพได้เลย ส่วนจะตกแต่งอย่างไรนั้น คุณคงต้องศึกษา หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมนี้
ภาพเครื่องแสกนเตอร์
วิธีการแสกนภาพด้วยเครื่องแสกนเนอร์
1. เข้าโปรแกรม Photoshop
2. คลิกเมนู File>>Import>>Twain 32...
3. จะเข้าสู่หน้าจอโปรแกรมสำหรับสแกนรูป ให้ทำการแสกนรูปตามต้องการ โดยใส่ภาพลงในเครื่อง แสกนเนอร์ แล้วคลิกปุ่ม Prescan...
4. สักครู่จะปรากฏภาพเข้ามา ลากเมาส์ครอบส่วนของภาพที่ต้องการ แล้ว คลิกปุ่ม Scan... ถ้า จะแสกนภาพอื่นๆ ก็นำภาพใหม่ใส่เข้าไป คลิกปุ่ม Prescan... เลือกภาพและคลิกปุ่ม Scan..
5. เมื่อแสกนครบทุกภาพแล้ว ให้คลิกปุ่ม Close เพื่อออกจากโปรแกรมแสกนภาพ ซึ่งก็จะกลับไป ที่โปรแกรม Photoshop ให้บันทึกแต่ละภาพเก็บไว้ด้วยคำสั่ง File>>Save As และบันทึกเป็นไฟล์ภาพ แบบ Tiff (แสกนเนอร์แต่ละเครื่อง วิธีใช้งานไม่เหมือนกัน)
6. การแสกนภาพเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าต้องการนำภาพนั้นๆ ไปใช้ทำสิ่งพิมพ์หรือหนังสือสี่สี ให้แสกนภาพด้วยความละเอียดประมาณ 300-350 dpi และหากจะนำภาพไปใช้ในหนังสือสีเดียว เช่น ขาวดำ ให้กำหนดความละเอียดในการแสกนประมาณ 150 Dpi ก็พอ กำหนดชนิดของภาพเป็นแบบ *.Tif
ตัวเลือกต่างๆ
Color Image สำหรับการแสกนภาพสี
Gray Scale สำหรับการแสกนภาพขาวดำ
Line Art Drwing สำหรับภาพวาดแบบลายเส้น
Size ขนาดของภาพ
Resolution เป็นความละเอียดในการแสกน
7. ภาพที่ได้นั้นยังไม่สามารถนำไปใช้งานได้ ต้องตกแต่งเพิ่มเติม เช่น เพิ่มความคมชัด ปรับความ มืดสว่าง อาจสร้างเป็นภาพขอบฟุ้ง เพิ่มเงา ฯลฯ
ในการแสกนภาพ คุณภาพของภาพที่ได้จากเครื่องแสกนเนอร์ทั่วๆ ไป ยังไม่ดีนัก เหมาะสำหรับ หนังสือที่ไม่เน้นภาพประกอบที่คมชัดมาก เน้นภาพเป็นเพียงส่วนขยายหรืออธิบายเนื้อหาให้เป็นที่เข้าใจ มาก ยิ่งขึ้น แต่หนังสือที่เน้นการนำเสนอภาพโดยเฉพาะ เช่น นิตยสาร แฟชั่น ต้องแสกนภาพด้วยเครื่องดรัม แสกนหรือเครื่องแสกนฟิล์มจึงจะได้ภาพที่มีความละเอียดสูง พิมพ์ออกมาแล้ว คมชัด สวยงาม แต่เครื่อง แสกนแบบนี้ราคาค่อนข้างแพง ค่าจ้างแสกนก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน
ภาพสำเร็จรูปจากแผ่นซีดีรวมไฟล์ภาพ
ในแผ่นรวมคลิปอาร์ท (ClipArt) จะมีภาพให้เลือกใช้มากมาย ถ้าจำเป็นต้องใช้ภาพอยู่บ่อยๆ ก็ควร สะสมไว้