การซื้อมือถือมือสอง ไม่ว่าจะเป็นแอนดรอยด์ และ iPhone หากเลือกได้ของดี ของแท้ ก็จะช่วยประหยัดเงินไม่น้อย แต่มีหลายเรื่องที่จะต้องรู้ เพื่อลดความเสี่ยงกับรายการซ่อม หรือ อะไหล่ที่อาจจะต้องเปลี่ยน เมื่อได้เครื่องมาแล้ว เช่น ข้อมูลเครื่อง แรม ที่จัดเก็บข้อมูล แบตเตอรี่ ระบบปฏิบัติการที่ใช้ และสิ่งสำคัญก็คือต้องรู้จักตัวเองก่อน ว่าจะซื้อมือถือมาเพื่ออะไร จะใช้ทำอะไร เน้นใช้งานแอปอะไรบ้าง จึงจะได้เครื่องที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไป

มือถือมือสองอาจจะแยกเป็น 2 ระบบที่นิยมใช้กันตอนนี้ ก็คือ มือถือ iPhone และมือถือแอนดรอยด์

 

มือถือ iPhone มือสอง

iPhone จะมีหลายรุ่นที่น่าเล่น และยังใช้งานได้อีกนาน เช่น iPhone 6, 6s, 6s Plus, 7, 7 plus ... ราคาจะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมือถือแอนดรอยด์ แต่หากได้เครื่องแท้จะค่อนข้างทน ใช้งานได้อีกนานกว่า สิ่งสำคัญก็คือต้องรู้ว่า ตัวเองนั้นต้องการ iPhone ใช้ทำอะไร ใช้แอปอะไร จะมีแอปบางตัวที่อาจจะต้องอัปเดท iOS ให้เป็นรุ่นล่าสุด ไม่เช่นนั้นอาจจะใช้งานไม่ได้ แต่หากเป็นแอปทั่วไป ก็ใช้งานได้อีกนาน

 

 

แอป GarageBand จะต้องอัปเดทเป็น iOS รุ่นล่าสุด อย่าง iOS 16.0 ซึ่ง iPhone ที่รองรับจะเป็น iPhone 8/8 Plus/9/10... ขึ้นไป รุ่นก่อนหน้าก็ยังใช้ได้ เพียงแต่อาจจะไม่สามารถใช้คุณสมบัติใหม่ๆ ของแอป GarageBand ได้

 

ปัญหาสำคัญของ iPhone มือสอง ก็คือ แบตเตอรี่ ที่มักจะเริ่มเสื่อมแล้ว จึงต้องศึกษาข้อมูลราคาแบตเตอรี่และราคาการเปลี่ยน หรือสอบถามร้านค้าที่ขายมีบริการเปลี่ยนหรือไม่

 

ยกเว้นเครื่องแบบรีเฟอร์บิชที่อาจจะเปลี่ยนแบตเตอรี่มาแล้ว เป็นเครื่องประกอบใหม่ ต้องศึกษาหาข้อมูลและวัดดวง เพราะไม่รู้ว่าข้างในจะมีอะไรที่เป็นอะไหล่แท้บ้าง อย่างเครื่องที่ผู้เขียนได้ซื้อมาใช้งาน เป็น iPhone 7 ใช้งานมาเกิน 1 ปี แล้ว แต่แบตเตอรี่ยัง 100% ใช้งานได้ปกติ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

 

การซื้อเครื่องจากคนที่ชอบเล่นเกม เครื่องก็จะช้ำมากกว่า ผู้ใหญ่ที่ใช้เครื่องในเรื่องทั่วไป ไม่ได้ใช้งานหนัก ก็เป็นอีกปัจจัยที่จะต้องพิจารณา

การซื้อ iPhone ควรมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าจะเอาเครื่องมาทำอะไร ไว้ใช้งานทั่วไป หรือ ใช้แอปอะไรเป็นการเฉพาะ อย่างผู้เขียนเน้นใช้ทำเพลง ใช้แอปดนตรี ตอนนี้ใช้ iPhone 7 อนาคตจะต้องเปลี่ยนเพราะแอปนี้ต้องการ iOS 16 เป็น iPhone 8 ขึ้นไปแต่ iPhone 7 รองรับแค่ iOS15 เป็นต้น

 

มือถือระบบแอนดรอยด์

มือถือระบบนี้มีตัวเลือกหลายยี่ห้อ แต่ให้เน้นยี่ห้อยอดนิยมไว้ก่อน เช่น Samsung โดยเน้นรุ่นที่เคยเป็นเครื่องสเปคสูง ซึ่งจะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องใหม่ในราคาใกล้เคียงกัน แม้จะเป็นเครื่องมือสองหากเป็นเครื่องแท้ ก็จะมีโอกาสใช้งานได้อีกนาน อย่างเครื่องนี้ ดูสภาพแย่เพราะร่วงบ่อย แต่ก็ยังใช้งานได้ตามปกติ ยี่ห้อนี้ค่อนข้างทน

 

Huawei รุ่น Mate 9 pro เครื่องนี้ก็ยังคงใช้งานได้ดี แต่ความแรงสู้ iPhone 7 ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งกันในยุคนั้น ราคาเปิดตัวประมาณ 27,900 บาท เมื่อปี 2560 ปัจจุบันปี 2565 เหลือประมาณ 3,000 บาท แต่ด้วยความที่เป็นมือถือรุ่นแพง ดังนั้นจึงใช้วัสดุในการผลิตที่ดีกว่า มีความทนทานมากกว่า เมื่อเทียบกับมือถือราคาถูกอย่างบางเครื่องที่ราคาเปิดตัวหลักพันบาท ดังนั้น ให้เน้นมือถือแอนดรอยด์มือสองที่เคยมีราคาหลักหมื่นเอาไว้ก่อน ทนกว่าแน่นอน


มือถือแอนดรอยด์ราคาประหยัดไม่เกิน เครื่องใหม่เปิดตัวไม่เกิน 5000 บาท ไม่ว่าจะยี่ห้อใด เมื่อเวลาผ่านไปไม่เกิน 4 ปี หรือเร็วกว่านั้น ก็จะเริ่มมีปัญหา เมื่อเทียบกับมือถือแอนดรอยด์ราคาสูง คุณภาพดีกว่า อย่าง ASUS Zenfone Live L1เครื่องนี้ เหมือนถูกตั้งเวลาให้หมดอายุการใช้งานหลังใช้งานเกิน 4 ปีขึ้นไป จอเริ่มเป็นเส้นดำ เครื่องผู้เขียนยี่ห้อนี้พังไปแล้ว 2 เครื่องด้วยอาการคล้ายกัน เริ่มจากจอมีเป็นเส้นดำ แล้วเป็นจอขาวทั้งหมด จากนั้นก็พัง

มือถือบางยี่ห้ออย่าง ASUS ยี่ห้อนี้เหมือนถูกตั้งเวลาให้หมดอายุการใช้งานหลังใช้งานเกิน 4 ปีขึ้นไป เครื่องผู้เขียนยี่ห้อนี้พังไปแล้ว 2 เครื่องด้วยอาการคล้ายกัน เริ่มจากจอมีเป็นเส้น แล้วเป็นจอขาว จากนั้นก็พัง

ปัญหาหลักที่จะเจอในมือถือแอนดรอยด์ก็จะมีหลายเรื่อง เพราะใช้วัสดุในการผลิตที่ไม่ดีเหมือน iPhone เช่น แบตเตอรี่ หน้าจอ ปุ่มกดเปิดปิด ลด เพิ่มเสียง ตูดชาร์จ เครื่องราคาประหยัดหลักพัน มีแนวโน้มพังเร็วกว่าเครื่องมือสองที่เคยมีราคาหลักหมื่น

 

มือถือมือสองต้องรู้อะไรบ้าง

การซื้อมือถือมือสองมีหลายเรื่องที่ต้องศึกษา ซึ่งอาจจะช่วยประหยัดเงินอย่างมาก ไม่จำเป็นจะต้องซื้อเครื่องใหม่ ถ้าแอปที่ใช้งานนั้น ไม่ต้องการสเป็คเครื่องสูง หรือ คุณสมบัติพิเศษใดๆ แนะนำให้เริ่มพิจารณาจากหัวข้อต่างๆ ต่อไปนี้

 

ถามตัวเอง วัตถุประสงค์ซื้อมือสองมือสองมาทำอะไร

สิ่งสำคัญแรกสุด ก็คือ ต้องถามตัวเองก่อนว่าจะซื้อเครื่องมาเพื่อทำอะไร เช่น
1. เป็นเครื่องสำรองไว้ใช้งานเฉพาะทาง เอาไว้ดูวิดีโอ Youtube ถนอมเครื่องหลัก เน้นมือถือแอนดรอยด์ที่มีสเป็คสูงเป็นรุ่นราคาแพงไว้ก่อน จะมีความทนทานมากกว่า อย่างเช่น Huawei Mate 9 Pro อายุ 5 ปี ยังไม่มีอะไรต้องซ่อม แค่เครื่องราคาถูกกว่าทยอยเปลี่ยนอะไหล่ และซ่อมไปบ้างแล้ว


2. ใช้แอปธนาคาร
3. ใช้งานทั่วไป เป็นต้น
4. ถ่าย ตัดต่อวิดีโอ ทำดนตรี ต้องเลือก iPhone
เมื่อรู้ถึงความต้องการของตัวเองแล้ว คราวนี้จึงค้นหาเครื่องที่มีคุณสมบัติตามที่ตัวเองต้องการ

 

การหาข้อมูลมือถือรุ่นนั้นๆ

สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ต้องหาข้อมูลเครื่องรุ่นนั้นๆ ก่อน สเป็คเครื่อง แรม ที่เก็บข้อมูล รุ่นของระบบปฏิบัติการ เป็นต้น ตัวอย่างมือถือ Samsung
1. เข้าแอป Chrome
2. แตะและพิมพ์ข้อมูล ยี่ห้อ รุ่นของเครื่อง ในช่องค้นหา
3. ตัวอย่าง Samsung galaxy j7 pro แล้วแตะ ->


4. ตัวอย่างข้อมูลเครื่อง เช่น ราคาเครื่องที่ขายในเว็บไซต์ต่างๆ
5. แตะไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ siamphone
6. เลื่อนดูข้อมูลเช่น ขนาดจอ 5.5 นิ้ว กล้อง 13 MP ใช้แอนดรอยด์ 7.0 Ram 3 GB ROM 32 แบตเตอรี่ความจุ 3,600 mAh

 

แรม รอมของเครื่อง

1. สำหรับแรมของเครื่อง หากเป็นมือถือแอนดรอยด์ เลือกแรมไม่น้อยกว่า 3 GB น้อยกว่านี้ เครื่องเริ่มช้า เปิดแอปได้ช้าลงมากจากเมื่อก่อน ส่วนรอมหรือพื้นที่เก็บข้อมูลไม่ควรน้อยกว่า 32 GB น้อยกว่านี้ไม่ไหว เพราะแอปต่างๆ มีการอัปเดต ขนาดไฟล์ใหญ่มากขึ้น และจะต้องซื้อเมมโมรีการ์ดมาไว้ด้วย ไว้เก็บภาพถ่าย วิดีโอ ข้อมูลอื่นๆ เพราะแค่ลงแอปพื้นฐานก็แทบจะไม่พอแล้ว


2. สำหรับมือถือ iPhone เลือกแรมเป็นน้อยแค่ 1 GB หรือ 2 GB เครื่องจะทำงานเร็วกว่ามือถือแอนดรอยด์แรม 3 GB แนะนำที่ 2 GB ส่วนรอม หรือพื้นที่เก็บข้อมูลต้องไม่ต่ำกว่า 32 GB เครื่องที่มีสเปคตามนี้ก็จะเป็น iPhone 6, 6s, 6s Plus, 7, 7 plus ราคาประมาณ 3,000 บาท ขึ้นไป

 

ระบบปฏิบัติการของเครื่อง

1. สิ่งสำคัญจะต้องรู้ว่าตัวเองจะใช้แอปอะไร และแอปนั้นๆ ต้องการโอเอสรุ่นใด เช่น เน้นใช้ iPhone จะใช้แอป GarageBand ควรใช้ iPhone 8 ขึ้นไป รองรับแอปนี้


2. ระบบปฏิบัติการของเครื่องถ้าเป็นมือถือแอนดรอยด์ ก็ควรเลือกไม่ต่ำกว่าเวอร์ชั่น 8 ขึ้นไป
3. ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS สำหรับ iPhone ก็ไม่ควรต่ำกว่า iOS 15 หรือ ดูว่าใช้แอปอะไร และแอปนั้นๆ ต้องการระบบปฏิบัติขั้นต่ำ เวอร์ชั่นใด

 

ดูข้อมูลแบตเตอรี่และวิธีเปลี่ยน

มือถือมือสอง แบตเตอรี่มีโอกาสเสื่อม หมดสภาพ จึงควรเลือกมือถือที่สามารถเปลี่ยนเองได้ หรือ เปลี่ยนไม่ยาก เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมแพง
1. ตัวอย่างมือถือ Samsung รุ่นราคาประหยัด จะสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้ ใช้แบตเตอรี่ความจุไม่สูง การเปลี่ยนจะไม่ยาก แบบนี้แกะฝาหลัง แล้วเปลี่ยนได้เลย
2. ค้นหาราคาแบตเตอรี่ ผ่าน Google ราคาแพงมากน้อยเพียงใด


3. ส่วนมือถือที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูง การเปลี่ยนจะค่อนข้างยากกว่า อาจจะต้องถอด รื้อชิ้นส่วนหลายอย่าง ซึ่งจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีสายแพร์ด้วยแบบนี้
4. ส่วนมือถือราคาประหยัดใช้แบตเตอรี่ความจุน้อย เปลี่ยนง่าย แกะฝาหลังเปลี่ยนได้เลย


5. ศึกษาวิธีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ สายแพร์ชาร์จ จอภาพ สามารถทำเองได้หรือไม่ ให้ค้นหาได้จาก Youtube เช่น พิมพ์คำว่า เปลี่ยนแบตเตอรี่ samsung galaxy j7 pro
6. สอบถามเจ้าของเครื่อง หรือ ร้านค้าที่จะซื้อเครื่องว่าแบตเตอรี่ยังใช้งานได้นานกี่ชั่วโมง เครื่องที่มีแบตเตอรี่ความจุสูงเกิน 3000 mAh อาจจะยังใช้งานได้หลายชั่วโมง ให้เจ้าของเครื่องเปิดแอปเล่นวิดีโอ Youtube สัก 1 ชั่วโมง แล้วจับเวลา ว่าใช้แบตเตอรี่ไปกี่ % แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่า สภาพแบตเตอรี่เป็นอย่างไร กรณีเป็นร้านมือถืออาจจะสอบถามค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ไปเลย หากเริ่มเสื่อมแล้ว

 

เว็บไซต์ซื้อขายมือถือมือสอง

เว็บไซต์ขายมือถือมือสองมีหลายเว็บ เช่น pantipmarket, kaidee, shopee หรือ lazada การชำระเงินก็มีทั้งชำระปลายทาง หรือ โอนเงินให้ก่อน ผู้ขายบางคนจะขอให้โอนเงินไปให้ก่อน ก็ต้องตรวจสอบผู้ขายให้ดีเสียก่อน

 

ตรวจสอบราคาสายแพร์ชาร์จ ตูดชาร์จ

มือถือมือสองโดยเฉพาะมือถือแอนดรอยด์ที่ใช้งานมานานแล้ว ตูดชาร์จ รูชาร์จ แผงบอร์ดชาร์จอาจจะเริ่มมีปัญหา ชาร์จไฟไม่เข้า ชาร์จช้ามาก หรือตูดชาร์จเสีย ก็จำเป็นจะต้องตรวจสอบอะไหล่ชิ้นนี้ ว่า มือถือรุ่นนั้นๆ มีอะไหลตัวนี้ขายหรือไม่ ราคา วิธีเปลี่ยน สามารถทำเองได้หรือไม่

 

ตรวจสอบราคาจอทัชสกรีน

ปัญหายอดนิยมอีกเรื่องของมือถือมือสอง ก็คือ จอทัชสกรีน การทำเครื่องร่วง หล่น จะทำให้จอแตก หรือมีปัญหาทัชไม่ได้บางจุด จึงมีโอกาสจะต้องเปลี่ยนเอง ควรสืบราคาของมือถือที่ต้องการซื้อว่า มีอะไหล่ตัวนี้หรือไม่ ราคาแพง หรือไม่ และการเปลี่ยนยากหรือง่าย สามารถทำเองได้หรือไม่

 

ศึกษาปุ่มกดของมือถือ

ปุ่มของมือถือ ทั้งปุ่มเปิดปิดเครื่อง และ ปุ่มลดเสียง เพิ่มเสียง มีโอกาสเสีย โดยเฉพาะในมือถือที่มีอายุการใช้งานนานมากแล้ว ซึ่งสาเหตุเกิด จากยางรองปุ่มผุ ทำให้กดปุ่มไม่ได้ แต่สวิทซ์ไม่เสีย มือถือบางรุ่นจะใช้การเปลี่ยนฝาหลัง ก็จะมีปุ่มในตัว ก็ต้องศึกษาราคาฝาหลัง แต่มือถือบางรุ่นจะมี ปุ่มแยกต่างหาก เป็นสายแพร์นำมาเปลี่ยนได้เลยไม่ต้องบัดกรี กรณีนี้จะหาอะไหล่ได้ค่อนข้างยาก

 

เลือกเจ้าของเครื่องที่เป็นผู้ใหญ่

การเริ่มต้นด้วยการดูที่คุณสมบัติผู้ใช้ก็อาจจะได้เครื่องดี เช่น ผู้ใช้ที่เป็นผู้ใหญ่ไม่เล่นเกม เครื่องจะไม่ช้ำ และผู้ใหญ่มักจะใช้เครื่องค่อนข้างถนอม มีซอง มีเคสอย่างดี ก็จะมีโอกาสได้เครื่องดีกว่าซื้อมือถือจากวัยรุ่น และหากได้เครื่องดี ยี่ห้อดี ก็จะใช้งานได้อีกนาน ช่วยประหยัดเงินหลักพันบาท

 

เคสฝาปิด อุปกรณ์เสริมช่วยปกป้องเครื่อง

เมื่อได้เครื่องมาแล้ว สิ่งแรกที่จะต้องสั่งซื้อเพิ่มก็คือเคสแบบมีฝาปิด จะช่วยปกป้องเครื่องได้ กรณีตกหล่น หน้าจอจะไม่แตก แต่ต้องติดฟิล์มดีๆ ช่วยป้องกันด้วยเช่นกัน

 

สรุป

มือถือมือสองเป็นตัวเลือกที่ช่วยประหยัดเงินอย่างมาก หากรู้จักเลือก รู้จักข้อมูลมือถือ ราคาอะไหล่ และสามารถเปลี่ยนอะไหล่เองได้ ซึ่งจะต้องหาข้อมูลก่อน แล้วจึงเลือกรุ่นนั้นๆ ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งาน การเลือกมือถือที่เคยเป็นรุ่นราคาแพงหลักหมื่นบาท จะมีแนวโน้มได้เครื่องที่ทนกว่า เพราะใช้วัสดุดีกว่า งานดีกว่า