มือถือเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นมากกว่าเครื่องมือสื่อสาร เพราะสามารถทำอะไรได้มากมาย ทั้งเพื่อติดต่อสื่อสาร เพื่อความบันเทิง และสิ่งสำคัญในยุคนี้ก็คือ เป็นเครื่องมือช่วยทำมาหากินได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง หากไม่มีการวางแผน ไม่ศึกษาหาความรู้ เพื่อหาช่องทางประหยัดค่าใช้จ่าย
บางคนมีค่าใช้จ่ายกับมือถือเดือนละ 1,000 บาท หรือ 12,000 บาทต่อปี ในขณะที่บางคนมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 ต่อปี แต่สามารถใช้บริการต่างๆ ใช้งานมือถือได้ไม่ต่างกัน ดังนั้นหากศึกษาหาความรู้ เลือกโปรเน็ต โปรมือถือให้ตรงกับสไตล์การใช้งานของตัวเอง ก็จะช่วยประหยัดเงินต่อปีหลักพันบาท บทความนี้ก็จะมาแนะนำแนวทางช่วยประหยัดเงินแบบต่างๆ ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามต้องการ
ตัวอย่างแนวทางประหยัดเงินกับมือถือ ค่าโทรศัพท์ ค่าเน็ต แบบต่างๆ
ตรวจสอบความเร็วเน็ตในสถานที่อยู่อาศัย
การตรวจสอบความเร็วเน็ตในสถานที่อยู่อาศัย เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อจะได้เลือกใช้เน็ต ใช้มือถือ ให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่าย ตัวอย่าง สถานที่อยู่อาศัยนั้น รับสัญญาณมือถือของ Dtac ได้ดี การเลือกซิมเทพทรูรายปีแค่ 6-10 Mbps แต่ก็ใช้งานได้สบาย เน็ตไม่อืด มีรายจ่ายประมาณ 1200.- บาท จ่ายครั้งเดียว ใช้ยาวๆ 1 ปี ก็ถือว่าคุ้มมากๆ
1. แตะเปิดแอป Chrome
2. แตะและพิมพ์ fast.com/th แล้วแตะ ->
3. ตัวอย่างผู้เขียนใช้ซิม Dtac ความเร็ว 10 Mbps เมื่อตรวจเช็คความเร็วแล้วได้ 9.1 Mbps ก็ถือว่าเร็วใช้ได้ แสดงว่าตำแหน่งนี้ สถานที่อยู่อาศัยนั้นรองรับซิมเน็ตค่ายนี้เป็นอย่างดี
4. แต่หากความเร็วที่ได้ น้อยกว่านั้น เช่น ใช้ซิม Dtac ความเร็ว 10 Mbps แต่เมื่อตรวจเช็คความเร็วแล้วได้ 6.4 Mbps กรณีนี้ก็ควรหาซิมค่ายอื่นมาทดสอบ เพราะจะต้องเผื่อช่วงอากาศไม่ดี ความเร็วอาจจะตกลงเหลือประมาณ 1-2 Mbps หรือ อาจจะไม่ถึง 1 Mbps ด้วยซ้ำไป มีตัวแปรหลายอย่างที่ทำให้เน็ตช้าลง อย่างช่วงฝนตก อากาศไม่ดีจะเห็นผลที่ค่อนข้างชัดเจน สภาพอากาศขัดขวางคลื่น หรือ สัญญาณมือถือให้แย่ลง
5. ความยากในการตรวจสอบความเร็ว ความแรงของสัญญาณเน็ตก็คือ การหาซิมมาทดสอบนั่นเอง
ในขณะที่การเลือกซื้อซิมเน็ตมาใช้โดยไม่ตรวจสอบความเร็วเน็ตในบริเวณนั้นก่อน ก็อาจจะทำให้ต้องเสียเงินเปล่า ตัวอย่าง เพื่อนผู้เขียน เลือกซื้อซิมเทพ AIS มาใช้ประมาณ 2 พันกว่าบาท ความเร็ว 8 Mbps แต่ความเร็วที่ได้ต่ำมาก ประมาณ 1 Mbps เท่านั้น เนื่องจากบ้านอับสัญญาณมือถือของ AIS การเลือกซื้อโดยไม่ตรวจสอบความเร็วเน็ตก่อนแบบนี้ ก็จะเสียเงินเปล่า ซึ่งไม่ใช่ซิมไม่ดี แต่บ้านไม่มีสัญญาณ
ศึกษาความต้องการของตัวเองในการใช้มือถือ
การรู้ความต้องการของตัวเองในการใช้มือถือ ทั้งการโทร การใช้เน็ต หรือ บริการอื่นๆ เพื่อจะได้เลือกแพ็คเกจให้เหมาะสมกับตัวเอง เพราะการจ่ายเงินมากเกินไป แต่ใช้ไม่คุ้ม ก็เสียเงินเปล่า ตัวอย่าง ใช้ซิมรายเดือนๆ ละ 1,000 บาท หรือ 12,000 บาทต่อปี เป็นแพ็คเกจที่รวมทั้งค่าเน็ต ค่าโทร ไม่อั้น แต่ค่าใช้จ่ายถือว่าสูง หรืออาจจะใช้เน็ตบ้านเดือนละ 800 กว่าบาท หรือ 9,000 กว่าบาทต่อปี ได้เน็ตที่เร็วและแรง แต่เกินความต้องการ หรือเพียงพอ แต่จ่ายเงินมากเกินไป เสียเงินไปโดยใช่เหตุ
ในขณะที่การเลือกใช้ซิมเทพแบบเน็ตไม่อั้นจ่ายครั้งเดียวใช้ได้ทั้งปีประมาณ 1,200 บาท และซิมเทพแบบโทรไม่อั้นทั้งปีประมาณ 700 บาท รวมแล้วไม่เกิน 2,000 บาทต่อปีเท่านั้น แต่มีคุณสมบัติต่างๆ เหมือนกัน เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว โทรไม่อั้น ทั้งปี เหมือนกัน แต่ไม่ต้องจ่ายมากถึง 12,000 บาทต่อปี กรณีหลังนี้ถือว่าคุ้มมาก ประหยัดเงิน 10,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว
ศึกษาจุดมุ่งหมายในการใช้งานมือถือของตนเอง
หากรู้จุดมุ่งหมายในการใช้งานมือถือของตนเอง ก็จะช่วยประหยัดเงินเช่นกัน ตัวอย่าง เน้นใช้มือถือ โดยเล่นเน็ตน้อยมาก เน้นเอาไว้รับออร์เดอร์สั่งอาหาร หรือ เพื่อโอนเงิน รับเงิน การใช้ซิมเน็ตแบบคิดตามปริมาณประมาณอย่าง ซิมเทพความเร็ว 4 Mbps แบบ 6 เดือน ปริมาณเน็ต 20 GB ต่อเดือน ราคา 359 บาท หรือ 12 เดือน จ่ายประมาณ 718 บาทต่อปีเท่านั้น แบบนี้ก็คุ้มมาก ช่วยประหยัดเงินได้อีกหลายร้อยบาท แต่ถ้าใช้ผิดไปจากนี้ จะมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น เพราะเน็ตจะช้ามาก จนต้องเสียเงินซื้อเน็ตเพิ่ม ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว ใช้ผิดงาน
ความเร็วซิมเน็ตที่ต้องรู้
การใช้ซิมมือถือไม่ว่าจะแบบใด ก็จำเป็นจะต้องต่อเน็ต สิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ก็คือความเร็วในการเชื่อมต่อ เช่น 4 Mbps, 6 Mbps, 8 Mbps, 10 Mbps .. 30 Mbps แต่ไม่ว่าจะใช้แบบใด สิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ก็คือ ไม่สามารถเชื่อมต่อเน็ตได้ตามโปรโมชันที่ได้เลือก เช่น เลือกซื้อเลือกใช้ซิมเน็ตโปร 15 Mbps ไม่ลดความเร็ว และใช้ได้ไม่อั้น แต่ในการใช้งานจริง อาจจะได้ความเร็วไม่ถึง 15 Mbps หรือประมาณ 9.1 หรืออาจจะแย่มาก ได้แค่ 6.4 ในบางสถานการณ์ อย่างช่วงฝนตก อากาศไม่ดี หรือ อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือค่ายนั้น อาจจะได้ความเร็วไม่ถึง 3 Mbps ก็ได้ นี่คือความจริงที่จะต้องยอมรับ และเตรียมรับมือ
ดังนั้นจึงควรเลือกผู้ให้บริการที่มีเสาส่งสัญญาณมือถือที่ค่อนข้างครอบคลุม อยู่ที่ไหน ก็มีสัญญาณที่เร็วพอให้สามารถใช้งานได้ ซึ่งในปี 2022 นี้ ไม่ควรเลือกโปรเน็ต ซิมเน็ต ซิมเทพ ที่มีความเร็วน้อยกว่า 6 Mbps สำหรับผู้ใช้งานเพียงคนเดียว ไม่ได้แชร์ให้คนอื่นร่วมด้วย หรือเพิ่มเงินอีกหน่อยเลือก 10 Mbps จะใช้งานได้อย่างสบายใจ ส่วนการใช้งานในบ้าน ใช้งานหลายคน ก็ควรเลือกโปรความเร็วไม่ต่ำกว่า 15 Mbps ขึ้นไป ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน นี่คือความเร็วที่แนะนำ
การใช้ซิมเน็ต ซิมเทพแทนเน็ตบ้าน
นี่เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเงินอย่างมาก สำหรับผู้ที่ใช้เน็ตบ้าน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูง และบางทีก็ไม่ได้เร็วอย่างที่คิด แม้จะจ่ายแพง ตัวอย่างที่ผู้เขียนพบมาก็คือ ความแรงของสัญญาณลดลง จากเดิมใช้เน็ตบ้านเดือนละ 800 กว่าบาท หรือประมาณ 9 พันบาทต่อปีขึ้นไป ติดตั้งเน็ตบ้านไว้ในบ้าน ความแรงของสัญญาณเน็ต การใช้งานในร้านค้าที่อยู่ติดกัน ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่เมื่อพบว่า ตัวเองก็ไม่ได้ใช้เน็ตอะไรมากมายนัก จึงได้คุยกับผู้ให้บริการ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง เหลือเดือนละ 400 กว่าบาท หรือประมาณ 5-6 พันบาทต่อปี
จากนั้นก็ปรากฏว่า ความแรงของสัญญาณเน็ตลดลง สามารถใช้เน็ตในบ้านได้ดี แต่ในร้านค้า ความแรงของสัญญาณเน็ตไม่มากพอ เน็ตช้าลง มีปัญหากับการสแกนรับเงิน จ่ายเงิน หรือ รับออร์เดอร์เมื่อลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอปต่างๆ การเปลี่ยนไปใช้ซิมเทพความเร็ว 15 Mbps จ่ายครั้งเดียวประมาณ 1300 บาทต่อปี กลับได้ความเร็วเพียงพอ ใช้งานในบ้านก็ได้ ใช้งานในร้านก็เร็วแรง แถมยังช่วยประหยัดเงินหลายพันบาทต่อปี
การใช้ซิมเทพแทนเน็ตบ้าน จำเป็นจะต้องรู้ว่าตัวเองนั้นจำเป็นจะต้องใช้เน็ตความเร็วเท่าไร มีสมาชิกกี่คน และ สถานที่ที่อยู่อาศัยอยู่นั้นรองรับซิมค่ายใด มีสัญญาณเน็ต สัญญาณมือถือดีที่สุด ตัวอย่าง ซิมเทพของ Dtac ความเร็ว 15-30 Mbps ถือว่าค่อนข้างแรง ใช้งานกับเราเตอร์ไวไฟแบบใส่ซิม ใช้งานแทนเน็ตบ้านเดือนละหลายร้อยบาทได้สบาย โดยเฉพาะความเร็ว 30 Mbps ทั้งดูหนัง ดูทีวี หรือใช้งานกันหลายคน สบาย!
โปรโทรไม่อั้น เน็ตไม่อั้น
สำหรับผู้ที่เน้นการใช้มือถือเพื่อโทรคุยเป็นหลัก ควรเลือกใช้ซิมแบบโทรไม่อั้นจ่ายครั้งเดียวประมาณ 700 บาท โทรฟรีทั้งปี วิธีนี้จะช่วยประหยัดเงินได้อย่างมาก ดีกว่าการใช้ซิมแบบเติมเงิน เพราะไม่ต้องระวังกับข้อความคิดเงิน ดูดเงินที่เติมไว้ ส่วนการใช้ซิมรายเดือน ก็ยุ่งยากในการควบคุมเรื่องค่าใช้จ่าย บางคนใช้งานยังไม่ถึงเดือน ก็มีค่าใช้จ่ายหลายพันบาทแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นค่าอะไร ตรวจสอบยาก บิลมาเท่าไรก็ต้องใช้ตามนั้น ปวดหัว ใช้ซิมรายปีคุ้มกว่า สบายใจกว่า
1. ซิมโทรไม่อั้นจะมี 2 แบบ แบบแรกเป็นซิมใหม่ การใช้งานซิมแบบนี้ มือถือจะต้องรองรับการใส่ซิม 2 ซิม ซิมแรกเป็นซิมหลัก ซิมที่สอง ก็ใช้ซิมแบบโทรไม่อั้น
2. การใช้ซิมแบบโทรไม่อั้นอีกวิธีหนึ่ง จำเป็นจะต้องเลือกค่ายเดียวกัน ตัวอย่างได้ใช้ซิมเทพแบบเล่นเน็ตไม่อั้นประมาณ 1,200 บาท ต่อปี ก็เลือกซิมโทรไม่อั้น โดยรับโค้ดสมัครใช้งานกับทางร้านอีกประมาณ 700 บาท รวมแล้วไม่เกิน 2,000 บาทต่อปี ถือว่าคุ้มมาก ใช้เน็ตไม่อั้น โทรทุกเครือข่ายไม่อั้น
ความเร็วซิมเน็ตที่เหมาะสมรองรับในอนาคต
เรื่องนี้เป็นการคาดเดาจากประสบการณ์ใช้งานซิมเทพมาหลายปี ความเร็วจะลดลง ตัวอย่าง เมื่อต้นปีใช้ซิมเน็ตความเร็ว 4 Mbps ช่วงแรก ความเร็วไม่ตก ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา แต่ช่วงท้ายๆ ใกล้จะหมดโปร ปรากฏว่า เชื่อมต่อเน็ตได้ช้ามาก จนแทบจะดูยูทูปไม่ได้เลย
ดังนั้นหากเน้นใช้มือถือดูวิดีโอ หรือ ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อเน็ตที่ยังใช้งานได้ดี ก็ควรเลือกซิมเน็ตความเร็ว 10-15 Mbps ขึ้นไป ดีที่สุด ก็แนะนำความเร็ว 15 Mbps เผื่อรองรับจำนวนผู้ใช้ในบ้านร่วมกันหลายคน หรือจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้น ทำให้เน็ตช้าลง
ซิมเทพความเร็วสูง เหมาะกับบางคนเท่านั้น
ซิมเทพรายปีบางโปรจะมีความเร็วในการเชื่อมต่อสูงมาก เช่น 100 Mbps เหมือนใช้เน็ตบ้านเลยทีเดียว แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ควรใช้กับงานบางอย่างเท่านั้น โดยเฉพาะงานที่ใช้เน็ตเร็วๆ แล้วได้เปรียบคนอื่น เข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า อย่างเช่น ฟู้ดไรเดอร์ หรือ ร้านอาหาร ที่ต้องการเน็ตแรงๆ สั่งออร์เดอร์ รับออร์เดอร์ได้เร็วกว่าคนอื่น มีโอกาสหาเงินได้มากกว่าคนอื่น น่าจะเป็นคนกลุ่มนี้ที่เหมาะกับซิมเทพแบบนี้
1. ตัวอย่างซิมเทพเน้นเน็ตความเร็วสูงมาก 100 Mbps แต่ใช้ปริมาณข้อมูลได้ 60 GB นี่คือสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณา หากเน้นเอาซิมแบบนี้มาดูหนัง ดูวิดีโอ อาจจะดูได้ไม่ถึง 20 เรื่อง ปริมาณข้อมูล 60 GB ก็หมดแล้ว ซิมเทพแบบนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเน็ตเร็วมาก แต่ปริมาณรับส่งข้อมูลจะไม่ถึง 60 GB
2. ซิมเทพบางโปร อาจจะให้ปริมาณข้อมูล 100 GB ต่อเดือน หากเน้นดูหนัง ดูวิดีโอ อัปโหลด ดาวน์โหลด ก็ไม่น่าจะพอเช่นกัน ซิมเทพแบบนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเน็ตเร็วมาก แต่ปริมาณรับส่งข้อมูลจะไม่เกิน 100 GB ต่อเดือน
3. ซิมแบบนี้บางแบบ ให้ความเร็วแค่ 15 Mbps โดยปริมาณรับส่งข้อมูลอยู่ที่ 100 GB ต่อเดือน
4. ซิมเทพที่เน้นการใช้ตามปริมาณแบบนี้ ถ้าเอามาใช้ดูหนัง ดูวิดีโอ การควบคุมปริมาณเน็ตจะทำได้ยาก และมักจะเกินอย่างแน่นอน และถ้าเกินเมื่อไร ก็จะสร้างปัญหาให้ตัวเองทันที
5. ส่วนใครที่จะหาซิมแบบนี้มาไว้ใช้ นอกจากจะต้องมั่นใจว่าปริมาณเน็ต การรับส่งข้อมูล ที่ตัวเองใช้งานนั้นไม่เกิน ที่กำหนด เช่น 100 GB ต่อเดือน 1,000,000% แล้ว ก็ต้องอ่านรายละเอียดให้ดี
6. ในรายละเอียด สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ หลังจากใช้ปริมาณเน็ตครบ 100 Mbps แล้ว จะสามารถใช้เน็ตต่อที่ความเร็วเท่าไร ตัวอย่าง โปรนี้ ใช้ได้ 128 kbps หรือ ประมาณ 0.128 Mbps เท่านั้นเอง เป็นความเร็วเน็ตที่ไม่ควรเสี่ยง เพราะเน็ตจะช้ามาก จากประสบการณ์ที่เคยใช้มากับซิมมือถือทุกค่าย ทั้ง AIS, Dtac และ True ขอบอกผู้อ่านเลยว่า หากเน้นใช้โปรแบบนี้เพื่อดูหนัง ดูวิดีโอ โหลดข้อมูลค่อนข้างมาก ใช้เน็ตแทบตลอดเวลา ซิมเทพแบบนี้ ไม่เหมาะกับผู้อ่าน ต้องพิจารณาตัวอื่นแทน
สรุป
เมื่อต้องการประหยัดเงิน หรือใช้เงินให้คุ้มค่ากับค่าโทร ซิม มือถือ ค่าเน็ต หรือ บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซิมเทพ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นซิมเทพสำหรับใช้เน็ตแบบไม่อั้น ซิมเทพโทรไม่อั้น มีค่าใช้จ่ายต่อปีประมาณ 1,200 - 3,000 บาทเท่านั้นเอง
แต่หากจะนำไปใช้งานแทนเน็ตบ้าน ก็จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องเราเตอร์ หรือ แอร์การ์ดอีกประมาณ 1500 บาท อย่างไรเสียก็ดีกว่าการใช้ซิมเน็ตรายเดือน หรือ เน็ตบ้าน วิธีนี้ช่วยประหยัดเงินหลักพันบาทต่อปีเลยทีเดียว