ความหมาย : สำนวนนี้ใช้พูดเปรียบเทียบคนที่โง่ หรือเซ่อซ่าที่สุด ทำอะไรผิดพลาดให้เป็นที่น่าอับอาย ขายหน้า หรือเพราะความโง่ของตัวเอง ทำให้ต้องได้รับผลจากการกระทำนั้น อาจจะได้รับบาดเจ็บ หรือเจ็บตัว
ตัวอย่าง :
ความไม่รู้ อาจจะให้เราดูกลายเป็นคน โง่เง่าเต่าตุ่น ในสายตาคนอื่น กับการทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งก็ไม่ได้หมายความ ว่าเราโง่ แต่เพราะไม่รู้ ก็ย่อมจะไม่สามารถทำอะไรได้ถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น
ถ้าไม่อยากเป็นคนที่ดู โง่เง่าเต่าตุ่น ในสายตาคนอื่น ก็จำเป็นจะต้องพัฒนาตัวเอง ศึกษาหาความรู้ ทุกวันนี้เราใช้มือถือสมาร์ทโฟน กันมาก อยากจะรู้เรื่องอะไร สามารถค้นหาได้ทุกเรื่อง แต่สิ่งสำคัญก็คือ จะต้องเรียนรู้วิธีใช้มือถือค้นหาข้อมูล ไม่จำเป็นต้องจำ ต้อง ศึกษาอะไรมากมาย แค่รู้วิธีค้นหาข้อมูลให้เรา ก็ช่วยให้เราดูฉลาดขึ้นได้ทันที
การอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปดูโลกภายนอกเลย มักจะกลายเป็นคนที่ดู โง่เง่าเต่าตุ่น อาจจะทำอะไรเซ่อซ่า เพราะไม่รู้เรื่อง เหมือน บ้านนอกเข้ากรุง ดังนั้นควรจะออกไปศึกษา ไปเจอผู้คนบ้าง จะได้รู้ว่าจะต้องวางตัวอย่างไร หรือปฏิบัติตัวอย่างไร โดยเฉพาะการไปใช้ บริการหน่วยงาน ร้านค้า หรือสถานที่ต่างๆ อย่างสถานที่ราชการ บางคนไม่รู้เรื่องเลย จะติดต่ออะไรอย่างไร ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
แม้ว่าปกติเราอาจจะเป็นคนฉลาด แต่ก็อาจจะมีบางครั้งที่ทำอะไรไม่เข้าท่า ไม่เข้าที ดู โง่เง่าเต่าตุ่น เพราะบางครั้งอารมณ์อาจจะไม่ อยู่กับเนื้อกับตัว เช่น การขับรถลงไปติดในรางรถไฟ การทำอะไรพิเรนๆ ที่อาจทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หรือเจ็บตัว
ในช่วงเวลาที่มีความรัก จากคนฉลาด บางคนอาจจะกลายเป็นคนที่ โง่เง่าเต่าตุ่น ไปเลย แต่มันจะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น ความรักทำ ให้คนตาบอด หูหนวก โดยเฉพาะในกรณีที่คู่ของตัวเอง เป็นคนไม่ดี แต่ใครจะบอก จะเตือนอะไรก็ไม่ฟัง แต่เมื่อความรักหมดลง ส่วน ใหญ่ก็จะกลับมาฉลาดเหมือนเดิม .... รักนะเด็กโง่