ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่ชอบซ้ำเติมคนอื่น ได้ทีขี่แพะไล่ เมื่อทำอะไรผิดพลาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนเรา เพราะความอิจฉา รอซ้ำเติมอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสสักที เมื่อได้ทีก็ต้อง ซ้ำเติมให้เต็มที่
ตัวอย่าง :
ในวันที่เราประสบความสำเร็จ ก็มักจะมีผู้คนรอบข้างที่ทั้งชื่นชมและอิจฉา โดยเฉพาะคนที่อิจฉา ก็มักจะซ้ำเติม ได้ทีขี่แพะไล่ เมื่อเราผิดพลาด ทำให้ต้องตกระกำลำบาก แม้จะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิทมิตรสหายก็ตาม แม้ว่ายามรวยหรือช่วงที่ประสบความสำเร็จนั้น จะให้ความช่วยเหลือทุกคนรอบตัวถ้วนหน้าก็ตาม แต่ความอิจฉาไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่ในครอบคัวเดียวกันก็ตาม ดังนั้นเมื่อเริ่มประสบความสำเร็จ ก็จงคิดถึงวันที่ล้มเหลวด้วย วางแผนรับมือ ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง อย่างไรเสีย ก็ต้องมีว้นที่จะต้องลง ยิ่งสูงมาก เวลาตกลงมาก็จะจมดินลึกมากเท่านั้น
ชีวิตคนเรานั้นมีโอกาสผิดพลาด ตกต่ำ การงานย่ำแย่ ในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ การงานดี การเงินดี ก็อย่าสร้างศัตรู เพราะเมื่อถึงขาลงของชีวิต คนที่พร้อมจะซ้ำเติม ได้ทีขี่แพะไล่ นั้นมีรออยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะแค่คู่อริเท่านั้น
ชีวิตคนเรามีโอกาสทำอะไรผิดพลาดกันได้ บางคน โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ก็มักจะซ้ำเติม ได้ทีขี่แพะไล่ บางคนก็โดนขุดข้อมูลเก่ามาประจาน ดังนั้น อย่าทำตัวเด่น ข้อมูลอะไรที่เป็นความลับ ก็ไม่ควรนำมาเปิดเผยมากเกินไปนัก ในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นแคบกว่าที่คิด ข้อมูลต่างๆ จะไม่ถูกลบ ยังสามารถค้นหาได้
เมื่อคิดว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น อาจจะเกิดความผิดพลาด ทำให้ธุรกิจ หน้าที่การงาานเสียหาย อาจจะหาทางลงหนีไปอยู่ไกลๆ ไม่ต้องมาช้ำใจกับพวกรอซ้ำเติม ได้ทีขี่แพะไล่ ว่าแต่ว่า อยากรู้จริงๆ ว่า แพะยังวิ่งไหวหรือ ตัวก็ไม่ได้ใหญ่เท่าม้า และก็คงจะไม่ยอมให้ขี่ง่ายๆ ใครกันนะเป็นคนคิดสำนวนนี้