ความหมาย : สำนวนนี้ใช้พูดถึงเรื่องราว อารมณ์ หรือปัญหาที่ยังครุกรุ่นอยู่ข้างใน เหมือน ไฟสุมขอน พร้อมจะลุกไหม้ ปะทุขึ้นมาได้อีกครั้ง หากมีอะไรไปกระตุ้น เหมือนอารมณ์ของคนกำลัง โกรธ หากมีอะไรไปกระทบ ก็จะทำให้เกิดความโกรธขึ้นมาได้อีกครั้งๆ
ตัวอย่าง :
สำหรับคนมีคู่ เป็นสามีภรรยากัน เมื่อมีปัญหาทะเลาะกัน ซึ่งเป็น เรื่องปกติธรรมดา แต่ก็ต้องเข้าใจกัน หากอีกฝ่ายกำลังโกรธ อารมณ์ยัง ร้อนอยู่ เหมือน ไฟสุมขอน อีกฝ่ายก็ควรใจเย็น รอให้อารมณ์เย็นลงก่อน แล้วจึงค่อยคุยกัน แต่ก็ต้องคุยปัญหากันให้จบ อย่าให้กลายเป็นปัญหา สะสม เพราะจะทำให้ชีวิตคู่มีปัญหากันในภายหลัง
ปัญหาสงครามกลางเมืองในบางประเทศ แม้จะสงบแล้ว แต่ก็เหมือน ไฟสุมขอน พร้อมจะปะทุได้อีกครั้ง หากมีบางคนสร้างสถานการณ์เลว ร้ายขึ้นมาเพื่อหวังให้ปัญหายังคงอยู่ ไม่ยอมให้จบปัญหา
อารมณ์ของคนเรานั้น หากไม่ควบคุมให้ดี ก็จะสร้างปัญหาให้ตัวเอง และคนรอบข้าง ดังนั้นเมื่อมีเรื่องให้รู้สึกหงิดหงิด รำคาญใจ หรือมีคน ใกล้ตัวที่มีปัญหากันบ่อย อย่างคนมีคู่ บางคนเมื่อมีปัญหากัน ก็จะเริ่ม เก็บสะสมความไม่พอใจ ไม่สบายใจ เก็บสะสมความหงุดหงิดไว้ อารมณ์ เหมือน ไฟสุมขอน คุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่บางคู่ แม้จะเป็น เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่หากอีกฝ่ายพูดหรือทำอะไรที่ขวางหูขวางตา ก็จะ รู้สึกหงุดหงิด และระเบิดอารมณ์รุนแรงขึ้นมาทันที
ดังนั้น การปล่อยให้อารมณ์โกรธ ไม่พอใจ หงุดหงิดสะสมในใจ เหมือน ไฟสุมขอน จึงไม่ใช่เรื่องดี แต่อย่างใด หมั่นตามความคิดตัวเอง ให้ทัน ตามอารมณ์ตัวเองให้ทัน และควบคุมตัวเอง อย่าระเบิดอารมณ์ ออกมา เพราะอารมณ์ไม่ดี ก็เหมือนสารพิษ หากปล่อยให้อารมณ์บูด เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็จะสร้างปัญหาให้ตัวเองหรือคนรอบข้างด้วยเช่นกัน ไม่มี ใครอยากอยู่ใกล้คนที่อารมณ์แปรปรวน อารมณ์บูดได้ตลอดเวลา เสีย สุขภาพจิต