ความหมาย : สำนวนนี้อาจจะใช้พูดเพื่อสอนบุคคลใดๆ หรือตำหนิ หรือพูดจาเชิงดูถูก เมื่อบุคคลนั้นทำอะไรที่เกินกำลังความสามารถของตนเอง ไม่ดูเงาหัว ไม่ประมาณกำลังความสามารถของตนเอง ทำให้งานที่ได้รับมอบหมายไม่ประสบความสำเร็จ หรืองานมีปัญหา เพราะทำอะไรเกินตัว
ตัวอย่าง :
การทำอะไรก็ตาม หากทำโดยไม่ดูกำลังความสามารถของตัวเอง ไม่ดูเงาหัว ไม่รู้จักตัวเองว่ามีความสามารถมากน้อย แค่ไหน เมื่อเกิดความผิดพลาด ทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ ก็มักจะถูกตำหนิ ดุด่า หรืออาจจะได้รับบทลงโทษ หรือทำให้ตัวเองได้รับความเดือดร้อน ในภายหลัง ดังนั้นจึงต้องศึกษาให้ดี ก่อนจะลงมือทำอะไร หรือรับผิดชอบงานใดๆ
การทำงานใหญ่ที่เกินกำลังความสามารถของตนเอง หากทำไม่สำเร็จอาจจะถูกติฉิน นินทา ว่าร้าย ทำให้ได้รับความอับอาย ว่า ไม่ดูเงาหัว ตัวเอง ไม่เจียมตัวเองว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงแต่ แต่หากเป็นงานของเราเอง อย่างการพยายามทำธุรกิจ หรือทำงานที่มีความซับซ้อนด้วยตัวเองคนเดียว เป็นงานของเราเองไม่เกี่ยวกับใคร ก็อย่าไปกลัวคำนินทาของใคร เพราะแม้จะไม่สำเร็จ แต่การได้ทำงานใหญ่ๆ ที่เกินกำลังตัวเองมากๆ ก็จะได้ใช้ความรู้ ความสามารถอย่างเต็มที่ ทำให้มีประสบการณ์ในการคิด การลงมือทำ การแก้ปัญหา ซึ่งเมื่อจะต้องลงมือทำอีกครั้ง อาจจะสามารถทำให้สำเร็จได้ หรือการทำงานที่มีระดับความยากน้อยลง ก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะเคยทำงานใหญ่มาบ้าง ก็จะมองภาพรวมงานต่างๆ เข้าใจเร็วกว่า คนไม่เคยลงมือทำอะไร
คนไม่น้อยชอบติ ชอบวิจารณ์คนอื่น โดยเฉพาะคนที่ทำอะไรแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสิ่งที่ทำเกินกำลังความสามารถของตัวเอง ก็คงจะไม่พ้นโดยหาว่า ไม่ดูเงาหัว ตัวเอง จึงทำงานไม่สำเร็จตามมอบหมายหรือในระยะเวลาที่กำหนด
คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แม้จะทำงานที่ยิ่งใหญ่มากเพียงคนเดียว กว่าจะผ่านมาได้นั้น มักจะถูกตำหนิ ดูถูก บ่นด่า สารพัด เพราะทำอะไรเกินกำลัง ไม่ดูเงาหัว บางครั้งก็อย่าไปสนใจกับปากคนให้มากนัก หากไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน การทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มักจะให้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน