ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงพฤติกรรม การกระทำของคนเรา โดยเฉพาะคนที่เคยมีฐานะ ร่ำ รวยแล้วตกอับ ตกต่ำ กลายเป็นคนจน สิ้นเนื้อประดาตัว แต่ยังทำตัวเหมือนคนเคยรวย หรือ เรือใหญ่คับคลอง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ ไม่ได้ร่ำรวยอีกแล้ว คนแบบนี้ เรามักจะพบเห็นได้ทั่วไป ในสังคมจริง เพราะมีคนรวยไม่น้อยที่ตกต่ำ แต่ยังจนไม่ลง ยังใช้ชีวิต ไม่ต่างไปจากเมื่อครั้งยังร่ำรวย
ตัวอย่าง :
คนเคยมีฐานะร่ำรวย มีอิทธิพลต่อคนรอบข้าง เคยได้รับการนับถือ มีอำนาจเหนือคนอื่น เมื่อตกต่ำ ตกอับแล้ว หลายคนก็ ยังจนไม่ลง ยังทำตัวเหมือน เรือใหญ่คับคลอง ทำตัวเหมือนคนรวย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะจะยิ่งสร้างปัญหากับชีวิต ในเรื่อง รายจ่าย แต่หากยอมรับความจริงได้เร็ว ว่าตัวเองไม่ได้รวยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยอมรับและปล่อยวาง จากนั้นก็ทำตัวให้เรียบ ง่าย สบายๆ ไม่ยึดติดกับสิ่งที่เคยมี เคยเป็น ก็จะช่วยลดรายจ่ายและมีชีวิตอย่างสงบสุขเร็วกว่าคนที่ยังจนไม่ลง ชีวิตตกต่ำ ไม่ ร่ำรวยแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมรับความจริง ซึ่งเรื่องแบบนี้ ไม่ง่ายนัก
เมื่อร่ำรวย มีทรัพย์สินมากมาย บางคนก็ยังใช้ชีวิตเรียบง่ายมาก ไม่ได้ใช้ชีวิตร่ำรวย หรูหรา เหมือนเศรษฐีบางคน ซึ่งก็เป็น ข้อดี หากทำธุรกิจผิดพลาด ทำให้ชีวิตตกต่ำ เพราะสามารถยอมรับความจริงได้เร็ว และใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนเดิม ก็จะไม่มี ความทุกข์กาย ทุกข์ใจมากนัก ต่างจากคนที่ยังจนไม่ลง ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาไม่ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เรือใหญ่คับคลอง เคยยิ่งใหญ่ เคยร่ำรวย ก็ยังติดในสถานภาพเก่าหรือฐานะเดิม
เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ล้วนส่งผลกระทบกับการทำมาหากิน อาชีพก็ร่ำรวย ส่วนบางอาชีพกลับต้องจนลง จึง ต้องเตรียมรับมือ หากอาชีพนั้นเริ่มไม่ได้รับความนิยมและน่าจะล้มหายตายจาก การรีบปิดกิจการให้เร็ว ก็จะช่วยลดความเสีย หายได้ นอกจากนี้ในเรื่องการใช้จ่าย การใช้ชีวิตก็ต้องรีบปรับตัวเช่นกัน จากเคยใช้ชีวิตหรูหรา ร่ำรวย ก็ต้องรีบปรับตัว
บางคน ปรับตัวไม่ได้ จนแล้วก็ยังทำตัว เป็น เรือใหญ่คับคลอง ใช้ชีวิตแบบธรรมดาไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดความทุกข์ใจ ที่ตัวเองตกต่ำ แต่ ขณะเดียวกันก็ทำให้เงินทองร่อยหรอเร็วมากขึ้น หากไม่รีบทำตัวให้เรียบง่ายเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งมีรายจ่ายน้อยกว่า ปัญหาชีวิตน้อยกว่า ยอมรับความจริงได้เร็ว แม้ชีวิตจะตกต่ำก็มีความสุขได้