ความหมาย : สำนวนนี้ มักจะใช้พูดถึงคราวเคราะห์ วิบากกรรมของคนเรา บางครั้งอุตส่าห์หนีอันตรายที่ อยู่ตรงหน้า หนีจากที่หนึ่งไปหาที่ใหม่ซึ่งคิดว่าน่าจะปลอดภัย แต่กลับต้องไปพบกับสิ่งที่เป็นอันตรายไม่ต่างกัน เข้าทำนอง หนี เสือปะจระเข้ หนีเสือกระโดดลงน้ำ กลับไปเจอจระเข้ที่อยู่ในน้ำ มีอันตรายไม่ได้ต่างกัน
ตัวอย่าง :
เมื่อมีการปล้น ในบางครั้ง คนร้ายที่พากันหนีการจับกุมของตำรวจ ก็อาจจะไปเจอกับโจรด้วยกันเอง ที่ล่วงรู้แผนการและวาง แผนมาปล้นซ้อนต่ออีกที เข้าทำนอง หนีเสือ ปะจระเข้ หนีตำรวจแต่กลับไปเจอพวกโจรด้วยกันเอง อันตรายไม่ได้ต่างกัน เพราะ โจรด้วยกันนั้น หากโดนยิงความผิดจะไม่ร้ายแรงเหมือนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อประสบปัญหาในชีวิต ต้องตกอยู่ ในสถานการณ์อันตราย ต้องมีสติคิดให้รอบคอบใจเย็น เพราะการหนีปัญหา อาจพาตัว เอง ไปเจอกับปัญหาหรืออันตราย ที่มากกว่าเดิมบางคนผ่อนรถไม่ไหวการเงินมีปัญหา หากตัดใจขายรถทิ้งไป ปัญหาก็จะจบลง แต่หากนำรถไปจำนำจอด ทั้งที่รถยังติดไฟแนนซ์ ก็จะสร้างปัญหา ใหญ่ตามมา จนยากที่จะแก้ไข เข้าทำนอง หนีเสือ ปะจระเข้
การเป็นผู้หญิงนั้นลำบาก บางคนต้องหนีออกจากบ้านเพราะครอบครัวแตกแยก แม่มีสามีใหม่ ซึ่งพบว่าไม่ปลอดภัยกับตนเอง จากสามีใหม่ของแม่ การหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น เหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่ก็อาจจะพาตัวเอง ไปเจอกับอันตราย ที่ไม่ต่างกัน หนีเสือ ปะจระเข้ แต่ทุกวันนี้ ก็นับว่ายังดีกว่าเมื่อก่อน เพราะวิธีการทำงานหรืองานต่างๆ มีให้เลือกมากขึ้น แม้จะเป็นเด็กก็มี ช่องทางสร้างรายได้ ในหอพักต่างๆ ก็ยังมีหลายแห่งที่มีความปลอดภัย สามารถพักอยู่อาศัยได้โดยไม่มีอันตราย หากบ้านมี ปัญหา ก็หาที่อยู่ใหม่ได้ไม่ยาก