ความหมาย : สำนวนนี้ใช้พูดถึงพฤติกรรมการใช้ประโยชน์ หรือเอาเปรียบ หรือตักตวงผลประโยชน์จากอีกฝ่าย เมื่อมีโอกาส เป็นเป็นโอกาสของตนเองที่ได้เปรียบ เหมือน น้ำมาปลากินมด น้ำลด มดกินปลา ฝนตกน้ำหลาก น้ำท่วมรังมด มดลอยคอ ปลาก็กินมดเป็นอาหาร ครั้นน้ำแห้งปลาตาย มดก็กินปลา

ตัวอย่าง :

ในสังคมที่มีแต่การแก่งแย่งแข่งขันกันค่อนข้างสูง ใครได้เปรียบก็จะพยายามตักตวงผลประโยชน์จากอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ น้ำมาปลากินมด น้ำลด มดกินปลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

การทำธุรกิจเมื่อมีโอกาสได้เปรียบ เสียเปรียบ คนได้เปรียบก็มักจะใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย หรือตักตวงผลประโยชน์ให้มากที่สุด น้ำมาปลากินกินมด น้ำลดมดกินลา เพราะเป็นการทำธุรกิจ คุณธรรมนั้นเก็บไว้ที่วัด ไม่ได้เก็บไว้ในใจคนเหล่านี้ จึงไม่มีการคำนึงถึงความเมตตากรุณาอะไรทั้งนั้น เพราะในอนาคตตนอาจจะตกเป็นผู้เสียเปรียบ ก็อาจจะถูกกระทำไม่ต่างกัน บางรายจึงอาจจะเจ๊ง หมดเนื้อหมดตัวกันเลยทีเดียว

ในธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นเรื่องปกติ สลับกันไป น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา ต่างใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายเมื่อมีโอกาส อย่างน้ำมา ปลาก็จะกินมด ไม่กินมดจะให้กินอะไร น้ำลดมดก็กินปลา เป็นเรื่องปกติ แต่ในสังคมคนเรานั้น บางครั้งเราก็สร้างความได้เปรียบเพื่อจะเอาเปรียบอีกฝ่าย ไม่ได้รอให้เกิดเหตุตามธรรมชาติ ดังนั้นการจะทำการใดๆ จึงต้องศึกษาให้รอบคอบ โดยเฉพาะการทำธุรกิจ ซึ่งแต่ละรายจำเป็นจะต้องเติบโต ใหญ่กว่ารายอื่น ไม่เช่นนั้นก็อาจจะต้องปิดกิจการไปตลอดกาล ไม่โตก็ไม่มีที่ให้ยืน