ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่ดูดีแต่เพียงภายนอก ส่วนภายในนั้นกำลังแย่เต็มที อยู่ในสภาพ หวานนอกขมใน กำลังมีความทุกข์อย่างแสนสาหัส แต่แสร้งทำตัวให้ดูดี ภายนอกดูสดใส ยิ้มแย้มร่าเริง แต่ภายในกำลังอยู่ใน ความทุกข์กายทุกข์ใจอย่างหนัก แต่ต้องทำตัวเหมือนปกติ เพราะไม่อยากให้ใครรู้

ตัวอย่าง :

บางคนเก็บความรู้สึกได้ดี เก็บความรู้สึกได้เก่ง แม้จะมีความทุกข์กายทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส เพราะมีหลายปัญหาเข้า มารบกวน แต่ก็ยังวางตัวได้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้าทำนอง หวานนอกขมใน มีทุกข์แต่ก็ไม่อยากให้ใครรู้จะพลอย เครียดไปด้วยเพราะความทุกข์ของตัวเองนั้นก็มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะต้องแก้ไขเอง

แม้จะมีความทุกข์กายทุกข์ใจมากเพียงใดก็ไม่ควรเอาแต่บ่นหรือระบายให้คนอื่นฟังอยู่ร่ำไป เจอใครก็บ่นไปทั่ว จะสร้าง ความรำคาญให้คนรอบข้าง ควรวางตัวให้เป็นปกติ ดูแลชีวิตให้มีความสุข สดใสร่าเริงเหมือนคนปกติ หวานนอกขมใน ทุกข์ก็เก็บ ไว้ในใจและหาทางแก้ไขกันไปแต่อย่านำความทุกข์ไประบายให้ใครฟังเพราะจะยิ่งตอกย้ำความทุกข์ให้ตัวเอง ส่วนการนำความ ทุกข์ของตนไประบายให้คนอื่นฟังนั้น ก็ไม่ต่างไปจากการฉีดสารพิษใส่คนอื่น คนที่ทำหน้าที่รับฟังปัญหาของคนอื่น จนมากเกิน ไปก็จะทำให้ป่วยในสักวัน เริ่มจะกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด เครียด ขี้โมโหโดยไม่รู้ตัวทั้งๆ ที่ บุคคลผู้นั้นก็อาจไม่ได้มีปัญหาแต่ อย่างใดเลย

บางครอบครัวอาจดูดีจนน่าอิจฉา อย่างข้าราชการบางคน มีบ้านมีรถ มีทรัพย์สิน มีครอบครัวบุตรภรรยา ดูแล้วน่าอบอุ่น แต่แท้ที่จริงแล้วอาจ หวานนอกขมใน อาจกำลังมีปัญหากันภายในครอบครัว ปัญหาหนี้สิน ปัญหาครอบครัว ปัญหาบุตรหลาน เพียงแต่ ต้องแสดงออกอย่างเป็นปกติเหมือนมีความสุขเพื่อรักษาหน้าตาตัวเอง ทั้งๆที่ภายในใจนั้นมีความทุกข์อย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะ คนที่ หมดรักกันแล้ว แต่จำต้องอยู่กันต่อไปด้วยหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ อย่างการดูแลบุตรหลานที่เกิดมา