ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการล่วงรู้ถึงความคิด ความอ่านของผู้อื่น โดยพิจารณาจากพฤติกรรมท่าทีท่าทางหรือแม้กระทั่งแววตา อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กิริยาท่าทางที่แสดงออกมา ก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไม่ดีเสียมากกว่า

ตัวอย่าง :

คนที่คิดแต่เรื่องที่ดี พูดดี ปฏิบัติดี ก็ยากจะหลุด คำพูดหรือแสดงการกระทำที่ไม่ดี ที่ไม่เหมาะสมออกไป หรือไม่มีอะไรด้านไม่ดีที่ใครจะสามารถจับผิดได้ เพราะเป็นคนดีโดยธรรมชาติ แต่คนที่คิดไม่ดี คนเห็นแก่ตัว คนขี้โกง คนแบบนี้บางทีก็หลุดแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีออกมา ให้สามารถจับพิรุธได้ สังเกตได้ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก ยังไม่ต้องพูดอะไร แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่ในใจ หรืออยากจะพูดอะไรออกมา ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็ต้องใช้การสังเกตพฤติกรรมของผู้คน หากฝึกบ่อยๆ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าคนนั้นคิดอะไร ดีหรือชั่ว

การเก็บอาการ เก็บความรู้สึกเอาไว้ ก็มีบางอย่างที่อาจซ่อนไว้ไม่อยู่ก็คือแววตา บางคนหน้าตาเศร้าหมองเพราะแสร้างทำ แต่แววตานั้นยิ้มอย่างมีความสุข บางคนแกล้งตีหน้าเศร้า ทำเป็นเหมือนว่าเสียใจด้วย กับเรื่องที่บางคนได้เจอะเจอมา แต่ก็นั่นแหละ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก อาจจะแสดงออกทางแววตา ว่าอยากจะพูดอะไร เพราะแววตาของคนเรานั้นมีความพิศดารเหลือเกิน แววตาดูถูก ชื่นชอบ ชื่มชม หื่น กระหาย น่าสงสาร สมเพช หรือสมน้ำหน้า ก็สามารถแสดงออกมาให้เข้าใจได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องพูดอะไร แต่แววตาใช้แทนคำพูดได้หลายอย่างเลยทีเดียว ดังนั้นจึงต้องระวังเรื่องสายตา ฝึกทำสายตานิ่งๆ เฉยๆ เพื่อไม่ให้ใครดูออก ว่าคิดอะไรอยู่

การหมั่นสังเกตแบบนี้ ก็จะรู้พฤติกรรม รู้ความคิดของผู้อื่นได้ไม่ยาก ไม่ต้องอ้าปาก ไม่ต้องเห็นลิ้นไก่ แค่สายตาขยับก็รู้แล้วว่าคิดอะไร เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งผู้เขียนและเพื่อนๆ ไปทานอาหารกันที่ร้านแห่งหนึ่ง แล้วก็มีพนักงานเสิร์ฟสาวสวย มาเสิร์ฟอาหารมาเสิร์ฟน้ำ ผู้เขียนก็บอกเพื่อนไปว่า พนักงานหญิงที่มาเสิร์ฟนั้นไม่ใช่ผู้หญิง ซึ่งทุกคนต่างกันคิดว่าคนนั้นเป็นผู้หญิง 100% ผลปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่คิดแต่เป็นสาวประเภทสอง ที่แปลงเพศแล้ว สมาชิกบนโต๊ะอาหารจึงถามผู้เขียนว่ารู้ได้อย่างไร ว่าไม่ใช่ผู้หญิง ผู้เขียนก็เลยเฉลยเลยว่า แววตามันฟ้อง แววตา บ่งบอกว่า ไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นสาวประเภทสอง ที่แปลงเพศแล้ว เพราะแววตาไม่เหมือนผู้หญิง

คนคิดจะทำเรื่องดีแต่ประสบการหรือระดับความชั่วความเลวยังไม่มากนักยังอยู่ในระดับพื้นฐานทั่วไป ก็อาจจะสังเกตจากคำพูดบางคำ หรือกิริยาท่าทาง สีหน้าแววตาได้ไม่ยาก บางคน อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ แค่ปากไม่ทันจะพูดก็พอที่จะรู้ได้แล้วว่ากำลังคิดจะทำอะไร หรือหากมีคำพูดบางคำที่หลุดออกมาด้วยแล้ว แม้จะเป็นเพียงคำเดียว แต่อาจจะสื่อถึงสิ่งที่ไม่ดี เรื่องที่ไม่ดีก็พอที่จะเดาออกได้ทันที

แต่บางคนนั้น พูดดี แต่งตัวดีมากดีและอยากจะดูออกว่ากำลังคิดอะไร คนเหล่านี้วางตัวดี มาดดี จนดูไม่ออก เพราะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มาก สามารถซ่อนตัวเองได้ ทำให้ดูไม่ออก อ้าปากก็ไม่เห็นลิ้นไก่ ยากที่ใครจะรู้ว่ากำลังคิดอะไร ในกรณีนี้อาจต้องดูที่ตัวเราเองเป็นหลักว่ามีผลประโยชน์อะไรหรือสิ่งใดที่คนเหล่านั้นต้องการ ก็พอจะเดาได้ว่าคนผู้นั้นกำลังคิดอะไรกับเราหรือวางแผนเรื่องอะไรอยู่

คนไม่ดีแต่ยังไม่ฉลาดมากนัก สะสมวิชาเลวหรือระดับความชั่วยังไม่มากพอ ยังควบคุมตัวเองได้ไม่ดี หากคิดอะไรก็ไม่ดี ก็อาจจะหลุดออกมา ทางช่องทางต่างๆ คำพูด ท่าทาง แววตา อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ยังไม่ต้องพูดอะไรก็รู้แล้วว่ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ แต่คนที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวกลโกงระดับเทพนั้นยากจะดูออกจากคำพูดหรือกิริยาท่าทาง อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ก็ดูปกติไม่รู้เลยว่าคิดอะไร อ่านไม่ออกเพราะวางแผนไว้หลายชั้น จนตามไม่ทัน

พฤติกรรมการกระทำต่างๆ ของคนเหล่านี้หากนึกไม่ออก ตามไม่ทัน ก็ต้องพิจารณาที่ตัวเราเองว่าเรามีสิ่งมีค่าหรือมีผลประโยชน์ใดๆที่คนผู้นั้นต้องการ ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้ใช้การปฏิเสธไว้ก่อน ใครช่วยอะไร หรือแนะนำให้ทำอะไร หากตามไม่ทัน ให้ปฏิเสธไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดทบทวนหรือปรึกษาคนที่มีประสบการณ์ ผู้เชียนเคยเจอคนเหลี่ยมจัดมาก ยากจะดูออก กิริยาทางทางพูดนิ่มๆ แต่สิ่งที่ทำนั้น ล้วนแต่เป็นเรือ่งไม่ดี ในภายหลัง แต่พูดจาดูดีมาก หน้าตาก็ดูซื่อๆ น่าสงสาร แต่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

คนไม่ดี คิดแต่เรื่องไม่ดีอยู่ในใจ แม้จะใช้คำพูดวาจาไพเราะ แต่ก็อาจจะหลุดคำพูดที่ไม่ดีออกมา หรือต่อให้วางตัวดี บางทีก็อาจจะหลุดบางอย่างที่ไม่ดีออกมา ให้สังเกตุได้ การอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง หรือกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์ หรืออยู่ท่ามกลางคนเห็นแก่ตัว จำเป็นต้องระแวดระวัง เพื่อให้ตามทัน จะไม่เดือดร้อน คนไม่ดี อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ เห็นเขาอ้าปากหรือแสดงกิริยาทางทางบางอย่าง ก็ต้องดูให้ออก ชีวิตคนเรามีโอกาสเจอสถานการณ์แบบนี้ แม้จะเป็นคนในครอบครัวของเราเอง พ่อแม่พี่น้อง ในยามที่แต่ละคนต่างแยกตัวไปมีครอบครัวแล้ว ก็จะเริ่มเห็นว่าพี่น้องเหมือนคนอื่น ปัญหาจะเริ่มเกิดเมื่อมีการแบ่งสมบัติกัน ตอนนั้นก็จะได้เห็นธาตุแท้ของคนในครอบครัว โดยเฉพาะด้านร้าย ในแต่ละครอบครัว มักจะมีตัวร้ายอย่างหน้อยก็หนึ่งคนหรือมากกว่านั้น