ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการแสดงออกแสดงความคิดเห็น แสดงความรู้ที่ไม่ฉลาดนักออกมา ท่ามกลางกลุ่มคนที่เก่งกว่าตนเอง ทั้งๆ ที่ยังมีความรู้ไม่มาก แต่บังอาจไปแสดงความไม่ฉลาดของตัวเองออกมา อย่างการ เอามะพร้าวมาขายสวน มะพร้าว ซึ่งคนทำสวนมะพร้าวย่อมมีความรู้ดีกว่า จะไปพูดอะไร แนะนำว่ามะพร้าวของตัวเองมีข้อดีข้อด้อยอย่างไร อีกฝ่ายก็ย่อมจะดูออก เพราะมีความรู้มากกว่า

ตัวอย่าง :

เมื่อศึกษาเรื่องหนึ่งเรื่องใดและจะนำเรื่องนั้นไปพูด ไปแนะนำบุคคลอื่นก็ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งว่าตัวเองนั้นรู้จริงแค่ไหน และต้องดูด้วยว่าคู่สนทนา นั้นมีความรู้ในเรื่องนั้นมากน้อยเพียงใด ไม่เช่นนั้น ก็จะเข้าทำนอง เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เรื่องที่ตนนำมาพูดนั้นผู้ฟังมีความรู้มากกว่าตนเองซะอีก หากพูดผิด แสดงความรู้ที่ผิดพลาก ก็จะเป็นการแสดงความโง่ออกมา ก็คงจะไม่ใช่เรื่องดี ย่อมจะถูกหัวเราะเยาะหรือโดนดูถูกดูแคลนหรือถูกตำหนิว่ารู้ไม่จริง ก็จะทำให้เกิดความอับอาย เสียหน้า หน้าแตก

หากตัวเองไม่รู้จริงในเรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ไปแสดงความเห็นหรืออวดรู้กับคนที่รู้มากกว่าตน โดยที่ไม่รู้ว่าคนเเหล่านั้นมีความรู้ในเรื่องนั้นอย่างดี เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ก็เหมือน เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน มักจะทำให้หน้าแตก หรือเกิดความอับอาย ดังนั้นก่อนที่จะเสนอความเห็นหรือความคิดอะไรออกไป อาจจะลองหยั่งเชิงด้วยการถามคำถามที่ยากๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นหากสามารถตอบได้ ก็แสดงว่าผู้นั้นมีความรู้จริง ก็ต้องไม่เป็นการถามในลักษณะการลองภูมิ ควรถามในลักษณะเหมือนผู้ไม่รู้ถามผู้รู้ถามด้วยความอ่อนน้อม เพราะจะมีโอกาสได้คำตอบที่แท้จริงมากกว่า หรือไม่ก็ต้องออกตัวก่อนว่าตนเองเพิ่งจะศึกษามา ยังมีความรู้ไม่มากนัก ผิดพลาดประการใด ก็ต้องขออภัยไว้ก่อน

หากไม่อยากหน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บ ก่อนจะนำความรู้เรื่องหนึ่งเรื่องใดไปพูดกับใคร ซึ่งเรื่องนั้น ตนยังรู้ไม่ลึก รู้ไม่จริง ก็อย่า เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน บางคน เพิ่งจะศึกษาหรือได้ความรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาแค่หางอึ่งเท่านั้น แต่ก็พูดจาหรือกระทำราวกับว่า ตัวเองนั้นมีความรู้ในเรื่องนั้นอย่างดี ซึ่งหากรู้ไม่จริง แต่ไปแสดงความรู้กับผู้ที่มีความรู้มากกว่าตน ก็อาจจะโดนตำหนิ ดูถูกดูแคลนทำให้เกิดความอับอายได้