Sponsored Ads



บทความแสดงตัวอย่างการใช้ Excel 2010 ช่วยในการคำนวณคะแนนและตัดเกรดให้นักเรียน

 

ในการคำนวณลักษณะนี้ก็จะเป็นการรวมคะแนนการสอบ 4 ช่วง จากนั้นก็นำมาคิดเกรด โดยมีเกณฑ์การคิดเกรด ดังนี้
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 80 ขึ้นไป จะให้เกรด A
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 70 ขึ้นไป จะให้เกรด B
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 60 ขึ้นไป จะให้เกรด C
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป จะให้เกรด D
-ถ้าทำคะแนน น้อยกว่า 50 จะให้เกรด F (สอบตก)

เริ่มต้นคำนวณ
1. ให้ป้อนข้อมูลตามตัวอย่าง ในเซลล์ F3 - F11 รวมคะแนน และ G3 - G11 ไม่ต้องพิมพ์ เพราะเป็นส่วนที่ต้องพิมพ์สูตรลงไป เพื่อหาคำตอบ
2. การคำนวณในเซลล์ F3 เป็นการรวมคะแนนสอบทั้ง 4 ช่วง สอบครั้งที่ 1, 2 และ 3 และ คะแนนจิตพิสัย ก็คือ =sum(b3:e3)
3. ก็อปปี้ลงด้านล่างให้เรียบร้อย

 


3. ในเซลล์ G3 คำนวณโดยใช้สูตร If
การคำนวณจะมีอยู่ 5 เงื่อนไข
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 80 ขึ้นไป (F3>=80) จะให้เกรด A (“A”)
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 70 ขึ้นไป (F3>=70) จะให้เกรด B (“B”)
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 60 ขึ้นไป (F3>=60) จะให้เกรด C (“C”)
-ถ้าทำคะแนน ได้ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป (F3>=50) จะให้เกรด D (“D”)
-ถ้าทำคะแนน น้อยกว่า 50 (F3<\<>50) จะให้เกรด F (“F”) (สอบตก)
จากประโยคข้อความ เราจะมาตีความให้เป็นสูตรคำนวณ ก็จะได้ดังนี้
if(F3>=80,”A”
if(F3>=70,”B”
if(F3>=60,”C”
if(F3>=50,”D”
if(F3<50,”F”
4. จากนั้นก็นำสูตรทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกัน ในแต่ละเงื่อนไขให้คั่นด้วยคอมม่า วงเล็บปิดด้านท้ายต้องสัมพันธ์กับวงเล็บเปิดด้านหน้า เช่น เปิด 5 ก็ต้องปิด 5 แล้วกด Enter เสร็จแล้วก็ก็อปปี้ ไปจนถึงเซลล์ G11
=if(F3>=80,”A”,if(F3>=70,”B”,if(F3>=60,”C”,if(F3>=50,”D”,if(F3<50,”F”)))))
5. ในการใช้สูตร IF หากเงื่อนไขใดเป็นข้อความ เช่น if(F3=80,”A” คะแนน 80 ขึ้นไปให้เกรด A ตัว A ต้องคร่อมด้วยเครื่องหมายคำพูด
ตัวอย่างเพิ่มเติม
- if(F3>=70,”ผ่าน” ได้คะแนน 70 ขึ้นไป ให้ผ่านวิชานั้น ๆ
6. ส่วนข้อมูลที่เป็นตัวเลขไม่ต้องคร่อมด้วยเครื่องหมายคำพูด เช่น
if(C3=”ตจว”,3000 อยู่ต่างจังหวัดได้เบี้ยเลี้ยง 3000 บาท จำนวน 3000 ไม่ต้องคร่อมด้วยเครื่องหมายคำพูด