Sponsored Ads

บทความแบบ SEO เป็นที่ชื่นชอบของเครื่องมือค้นหาข้อมูลอย่าง Google เพราะมีโครงสร้างของบทความที่จำแนกได้ง่ายกว่า บทความที่ เขียนตามอำเภอใจของนักเขียน เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอะไร ก็จะมีคีย์เวิร์ดภายในบทความระบุไว้ แยกชนิดเนื้อหา ประเภท เนื้อเรื่องโดย รวมของเนื้อหา แยกแยะได้ง่ายกว่า ที่สำคัญ บทความแบบนี้จะทำอันดับในผลการค้นหาได้ดีกว่า และมักจะอยู่หน้าแรกๆ ของ Google

 

เมื่อบทความถูกแสดงในหน้าแรกผลการค้นหาของ Google ผู้คนจำนวนมากก็จะเข้าไปใช้บริการหรือเข้าไปดู เข้าไปอ่านบทความนั้นๆ เมื่อมีคนเข้าชมมาก ก็จะมีโอกาสสร้างรายได้ให้เจ้าของเว็บไซต์ บทความ SEO จึงเป็นบทความที่มีความสำคํย แต่... คนทำเว็บไซต์หรือ นักเขียนในเว็บไซต์ส่วนใหญ่ ขี้เกียจทำบทความแบบนี้ รวมทั้งผู้เขียนเองด้วย เพราะมีความยุ่งยากในการเขียน เขียนยากมาก ราย ละเอียดปลีกย่อยเยอะ

 

ตัวอย่างส่วนประกอบต่างๆ ของบทความแบบ SEO

1. ก่อนอื่นเราต้องเลือกคำค้นหา หรือ คีย์เวิร์ด ที่ต้องการเขียนบทความก่อน เช่น วิธีดูแลตัวเองให้ผอม นี่คือคีย์เวิร์ดที่เราต้องการ


2. ตัวอย่างบทความที่เขียนตาม คำค้นหา หรือ คีย์เวิร์ดที่ได้เลือก วิธีดูแลตัวเองให้ผอม ใน URL เพจ หรือ Permalink จะต้องมีคีย์ เวิร์ดนี้ผสมอยู่หรือใช้คีย์เวิร์ดตรงตัวไปเลย ส่วนใน Joomla ก็คือ Alias นั่นเอง ดู ตัวอย่างบทความ SEO คลิกที่นี่

3. ชื่อบทความ จะต้องมีคีย์เวิร์ด วิธีดูแลตัวเองให้ผอม ขึ้นต้นชื่อบทความ

4. ย่อหน้าแรกบทความ จะต้องมีคีย์เวิร์ด วิธีดูแลตัวเองให้ผอม ขึ้นต้นชื่อบทความ


5. เนื้อหาบทความ หัวข้อในบทความ จะต้องมีคีย์เวิร์ด วิธีดูแลตัวเองให้ผอม หรือคำอื่นที่คล้ายกันผสมอยู่ ซึ่งเรียกว่า Keyword Density

6. ย่อหน้าจะต้องไม่ยาวมากนัก เพื่อให้อ่านง่าย ( Readability)

7. เนื้อหาของบทความ จะต้องมีความยาวพอสมควร ไม่น้อยกว่า 300 คำ

8. มีลิงค์ไปหาบทความอื่น ภายในเว็บไซต์เดียวกัน อย่างน้อย 1 ลิงค์

9. มีลิงค์ไปหาบทความอื่น ภานนอกเว็บไซต์ จำเป็นจะต้องมีอย่างน้อย 2 เว็บไซต์ไว้ลิงค์ไปหากัน แต่ก็ไม่จำเป็นสำหรับลิงนี้ เพราะการ เริ่มต้นบางคนก็มีเพียงเว็บเดียว


10. ภาพประกอบแต่ละภาพให้นำชื่อภาพ วิธีดูแลตัวเองให้ผอม นำไปแปลด้วย Google แปลภาษา แล้วนำมาตั้งชื่อไฟล์ภาพ เช่น slim-guide001.jpg

11. แต่ละภาพที่นำเข้ามาใช้ประกอบในบทความ จะต้องมีคำอธิบายภาพ หรือ Alt เป็นชื่อภาพ เช่น วิธีดูแลตัวเองให้ผอม


12. กรณีเนื้อหามีมาก มีหลายหัวข้อ จะต้องแบ่งวรรค ทำย่อหน้า ให้เป็นระเบียบ อ่านง่าย สบายตา

13. หัวข้อในบทความจะต้องใช้สไตล์ของหัวข้อแบบ H2, H3, H4... ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับว่า มีการแบ่งหัวช้อย่อยกี่ระดับ เช่น
- การออกกำลังกายให้ผอมเพรียว เป็น H2
- หัวข้อย่อย การอ่านหนังสือ ใช้ความคิด ก็จะเป็น H3

14. อย่าทำเนื้อหา รกๆ ไม่มีการแบ่งวรรค แบ่งย่อหน้า หรือไม่มีการจัดรูปแบบ หัวข้อ ทุกวันนี้ คนใช้มือถืออ่านข้อมูลในเน็ตกันมาก ดังนั้นต้องจัดทำให้เป็นระเบียบ โล่ง อ่านง่ายไว้ก่อน


15. ในตัวเนื้อหาของบทความจะต้องมีคีย์เวิร์ด วิธีดูแลตัวเองให้ผอม ผสมอยู่ด้วย การเขียนบทความในเว็บไซต์ จะมีปลั๊กอินที่ช่วย คำนวณให้อัตโนมัติ ว่าจะต้องมีคีย์เวิร์ดกี่คำ (เรียกว่า Keyword Density) มากหรือน้อยเกินไป เช่น Yoast SEO ใน WordPress

16. เนื้อหาบทความต้องอ่านง่าย หรือ Readability อ่านรู้เรื่อง เรื่องนี้ Bot ของ Google จะสามารถวิเคราะห์ได้


17. ท้ายบทความหรือก่อนแสดงบทความ ควรมีปุ่มแชร์บทความไปยังโซเชียลต่างๆ Facebok, Google+, Twitter

18. ท้ายบทความ จะต้องมี Related Posts หรือบทความเนื้อหาใกล้เคียงกัน สำหรับการทำเว็บไซต์เพื่อสมัคร Adsense จำเป็นจะต้อง มีส่วนนี้ ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด


19. บทความจะต้องมีข้อความอธิบายย่อๆ เกี่ยวกับบทความนั้นๆ (Meta Description) ว่ากล่าวถึงอะไร เรื่องอะไร ส่วนนี้เอาไว้ให้ Google นำไปใช้เวลาแสดงในผลการค้นหา ตัวอย่าง Meta Description ที่แสดงในผลการค้นหาของ Google


20. ส่วนอธิบายย่อๆ เกี่ยวกับบทความ หากไม่ได้ทำไว้ Google ก็จะนำเอา ย่อหน้าแรกของบทความมาใช้ ตัวอย่างย่อหน้าแรกของบท ความ โดยจะต้องมี คีย์เวิร์ดเริ่มต้นหรือช่วงแรกของย่อหน้า เช่น วิธีดูแลตัวเองให้ผอม

 

บทความแบบ SEO นั้นมีรูปแบบเฉพาะตายตัว เขียนยาก คนส่วนใหญ่จึงไม่เขียนบทความในลักษณะนี้ ก็เลยทำให้ยากที่บทความจะติด ในหน้าแรกของ Google และการจ้างหรือรับทำบทความแบบนี้ก็มีราคาสูงเช่นกัน เพราะกว่าจะทำอันดับไปอยู่หน้าแรกๆ ของ Google ได้นั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก สำหรับการทำเว็บไซต์เพื่อหาเงินกับการคลิกโฆษณาจำเป็นจะต้องทำบทความแนวนี้เท่านั้นหากต้องการ รายได้ที่มากขึ้น