การโอนเงินเพื่อซื้อขายสินค้ามีหลายแบบที่ควรรู้เพื่อช่วยให้การใช้จ่ายซื้อสินค้า หรือรับเงินมีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งยังมีคนอีกบางกลุ่มที่ไม่มี ความรู้ในเรื่องนี้ ยังคงเชื่อมั่นกับการใช้จ่ายแบบเงินสด หรือต้องโอนเงินผ่านเคาต์เตอร์ธนาคาร หรือตู้ ATM ทำให้เสียโอกาสในการซื้อหรือขายสินค้า โดยเฉพาะบรรดาคนสูงวัย พ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านทั่วไป ที่ยังไม่เข้าใจกับรูปแบบการโอนเงินแบบใหม่ ที่มีให้เลือกหลายแบบ จนทำให้บางทีก็กลัว ไม่ กล้าใช้บริการ
ทุกวันนี้มีรูปแบบการโอนเงิน ตรวจสอบเงินโอนที่สะดวกมาก แต่ก็อาจจะมีบางคนไม่กล้าใช้บริการ หรือยังยึดติดกับรูปแบบการค้าขายแบบเดิมๆ เน้นซื้อขายเงินสด แต่โลกที่เปลี่ยนไป ก็จำเป็นจะต้องศึกษา เพราะวิธีโอนเงินรูปแบบใหม่ ช่วยดึงเงินในกระเป๋าลูกค้าได้ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น อย่างผู้ เขียนต้องการซื้อมือถือจากนครสวรรค์ หลังจากสอบถามและตกลงราคาเรียบร้อยแล้ว ก็หยิบมือถือขึ้นมา เข้าระบบของธนาคารออนไลน์ แล้วโอน เงินไปทันที เมื่อเงินเข้าบัญชีผู้ขายแล้ว ก็จะส่ง SMS หรือข้อความแจ้งให้ทราบ ทางผู้ขายก็รีบส่งสินค้ามาให้เช่นกัน ใช้เวลาประมาณ 1 วัน สินค้าก็ เดินทางมาถึงปราจีนบุรีเรียบร้อย แต่หากเอาแต่กลัว หรือไม่มีความรู้ บางทีก็อาจจะพลาดสินค้าที่ถูกใจ หรือเสียโอกาสที่จะได้เงิน เพราะลูกค้าไม่มี เงินสดติดตัวมา
ความรู้เรื่องการโอนเงินเพื่อซื้อสินค้า
สำหรับบุคคลทั่วไป ที่มีชีวิตอยู่ในขณะนี้ ความรู้เรื่องการโอนเงินจำเป็นต้องศึกษา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย อย่างน้อยก็ต้องสมัครใช้บริการให้ พร้อม เพื่อให้สามารถโอนเงินผ่านมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ได้ ทั้งการใช้มือถือตัวหรือของคนอื่นก็ตาม บางคนไปเดินตลาดเปิดท้าย มีสินค้าน่าสนใจ แต่ไม่ได้ติดเงินสดไปด้วย หรือ เงินไม่พอ หากไปเจอสินค้าที่ถูกใจ และ ทางพ่อค้า แม่ค้า ก็มีหมายเลขบัญชีธนาคารเตรียมพร้อมแล้ว ก็จะสามารถ หยิบมือถือขึ้นมา แล้วก็โอนเงินได้ทันที ไม่พลาดสินค้าที่ต้องการ
1. ตัวอย่างการโอนเงินจะผ่านแอป ธนาคาร หรือ เว็บไซต์ธนาคาร สุดแสนจะง่าย เพียงเปิดแอปขึ้นมา
2. จากนั้นก็ไปเลือกคำสั่ง โอนเงิน แล้วใส่หมายเลขบัญชีธนาคารของผู้รับเงิน
3. หลังจากป้อนข้อมูลหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้รับแล้ว ก็นำหน้าจอมือถือให้ผู้รับตรวจดูว่า จำนวนเงินถูกต้องหรือไม่ เช่น ต้องการโอนเงิน 1,605 บาท
4. ดูหมายเลขบัญชีธนาคารผู้รับเงิน ถูกต้องหรือไม่ เช่น 05...
5. ดูชื่อบัญชี ชื่อ นามสกุล หรือ ชื่อบริษัทถูกต้องหรือไม่ เช่น Host...
6. หากข้อมูลถูกต้องแล้ว ก็แตะยืนยันเพื่อโอนเงินได้เลย รับรองว่าไม่พลาด เช่น โอนผิดบัญชี หรือ ฝั่งผู้รับไม่ได้เงิน
7. ทางฝั่งผู้รับเงิน ก็อาจจะได้รับ SMS รับแจ้งว่ามีการโอนเงินเข้ามา หากไม่มีก็ต้องติดต่อกับทางธนาคารเพื่อเปิดใช้บริการแจ้งทาง SMS ส่งเข้ามือถือ เมื่อมีเงินโอนเข้าบัญชี จะเห็นว่า ขั้นตอนการโอนเงินทุกวันนี้ง่ายมาก แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังใช้ไม่เป็น โดยเฉพาะคนสูงวัย
ความกังวลเรื่องการโอนเงิน รับเงิน ที่บางคนกลัว
การโอนเงินไม่ว่าจะโอนในรูปแบบใด โอนผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือ พร้อมเพย์ ผ่านแอป ผ่านธนาคารออนไลน์ ผ่านเคาต์เตอร์ธนาคาร สิ่งสำคัญ ที่จะต้องรู้ จะต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับผู้โอนและผู้รับเงิน ก็คือ
1. ชื่อนามสกุลของท่าน เป็นภาษาไทย หรือ อังกฤษ ดูในบัตรประชาชน มีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว
2. หมายเลขบัญชีธนาคาร
3. หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อรับ SMS แจ้งจากทางธนาคาร ว่ามีเงินโอนเข้าบัญชี หรือใช้เพื่อเข้าไปตรวจสอบยอดเงินในบัญชี อย่างธนาคารกรุงเทพ ให้ กด 1333 จากนั้นก็ทำตามคำแนะนำในการใช้งาน เช่น ใส่บัญชีธนาคาร หรือเลขบนบัตร ATM และรหัสผ่าน ATM แล้วก็เลือกรายการ สอบถามยอด เงินในบัญชี เพียงแค่นี้ก็จะรู้ว่า มีเงินเข้าบัญชีหรือยัง ไม่ต้องไปกดดูที่ตู้ ATM
หากมีข้อมูลดังที่ว่ามาแล้ว ก็รับประกันได้เลยว่า โอนแล้วไม่ผิดตัว คนรับเงินก็จะได้รับอย่างแน่นอน ยกตัวอย่าง ผู้เขียนนำรถยนต์ไปซ่อม แล้ว ปรากฏว่าเงินไม่พอ ก็ขอข้อมูลเจ้าของอู่ ขอหมายเลขบัญชี ชื่อ นามสกุล จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วก็เข้าระบบธนาคารออนไลน์ ทำการโอนเงิน หลังจากป้อนข้อมูลหมายเลขบัญชีลงไปแล้ว ระบบจะดึงข้อมูล ชื่อนามสกุล มาแสดงด้วย ก็ยื่นมือถือให้เจ้าของอู่ตรวจสอบว่า หมายเลขบัญชี ชื่อ นามสกุล จำนวนเงิน ถูกต้อง หรือไม่ หากถูกต้องทั้งสองฝ่าย แล้ว ก็กดคำสั่งโอนเงินได้เลย
กรณีอย่างนี้ ไม่มีคำว่าพลาด ไม่มีโอนผิด 1,000,000%
การโอนเงินแบบต่างๆ ที่ทุกคนจำเป็นต้องสมัครให้พร้อม
สิ่งที่ต้องทำเพื่อความสะดวกในการโอนเงิน
การซื้อขายสินค้าออนไลน์ ผ่านเน็ต เฟสบุ๊ค เว็บไซต์ ไลน์ ฯลฯ ได้รับความนิยม ไม่ว่าผู้ขายจะอยู่ที่ใด ขอเพียงมีหมายเลขบัญชีธนาคาร ก็จะ สามารถจ่ายเงินค่าสินค้าได้ทันที อีกทั้งเผื่อโอนเงินให้ลูกหลาน ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปที่ตู้ ATM สามารถหยิบมือถือมาทำการโอนเงินได้เลย จะใช้มือ ถือตัวเอง หรือ เครื่องใครก็ได้ทั้งนั้น โดยสมัครบริการต่างๆ ให้เรียบร้อย ตัวอย่างเช่น
1. เตรียมเบอร์โทรศัพท์มือถือไปให้พร้อมเป็นเบอร์ที่จะไม่เปลี่ยนบ่อยๆ
2. เปิดบัญชีธนาคาร พร้อมทำบัตร ATM และ สมัครใช้บริการธนาคารออนไลน์ให้พร้อม ซึ่งหลังจากได้สมัครใช้บริการธนาคารออนไลน์แล้ว ก็จะได้ บัญชีสำหรับใช้งาน ได้ทั้ง 2 แบบ ก็คือ
- ธนาคารออนไลน์ อย่างของ ธ.กรุงเทพ จะเป็น iBanking หรือ ธนาคารกสิกรไทย จะเป็น Cyber-Banking เป็นต้น ของ ธ.กรุงเทพจะใช้ง่ายกว่า การ ใช้งานแบบนี้ จะใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์ของใครก็ได้ ขอเพียงให้ต่อเน็ตได้ ก็จะเข้าระบบธนาคารไปจัดการกับเงินในบัญชีได้ไม่ยาก
- แอปธนาคาร ที่เราเปิดบัญชีไว้ กรณีนี้จะต้องติดตั้งแอปธนาคารในมือถือของเรา จะไม่เหมือนธนาคารออนไลน์ ซึ่งจะใช้มือถือใครก็ได้ แนะนำ แบบแรก ใช้ธนาคารออนไลน์จะดีกว่า
** หลังจากสมัครใช้บริการธนาคารออนไลน์แล้ว จะได้บัญชี และ รหัสผ่าน ก็จะใช้งานได้ทั้งสองแบบ
3. สำหรับใครที่มีบัญชีธนาคาร มีบัตร ATM แล้ว ก็ให้ไปสมัครใช้บริการธนาคารออนไลน์กับทางธนาคาร เตรียมหมายเลขโทรศัพท์ไปด้วย
4. ใช้บริการแจ้งยอดเงินในบัญชี ทาง SMS เมื่อมีคนโอนเงินเข้าบัญชี ต้องสอบถามแต่ละธนาคารว่ามีค่าใช้จ่ายหรือไม่
5. ศึกษาการใช้บริการธนาคารทางโทรศัพท์ ซึ่งสามารถจัดการกับเงินในบัญชีได้เช่นกัน แต่จะต้องเสียค่าบริการในส่วนค่าโทรศัพท์ แต่ก็ควรศึกษาไว้ บ้าง โดยจะมีรูปแบบการใช้งานที่ยากกว่าแบบอื่น และใช้เวลานานกว่า การใช้งานจะต้องมีบัตร ATM จำรหัสผ่านได้ และ หมายเลขบัญชีธนาคาร
ตัวอย่างการเข้าระบบธนาคารออนไลน์
สำหรับคนที่จะทำการโอนเงิน อย่างการโอนผ่านมือถือ จะต้องจำบัญชี และรหัสผ่านของตนเองให้ได้ ตัวอย่างการใช้บริการธนาคารกรุงเทพ
1. ในมือถือของตัวเอง หรือยืมของใครก็ได้ แตะไอคอน Chrome มือถือทุกเครื่องมีแอปนี้อยู่แล้ว หรือแอป บราวเซอร์ใดๆ ก็ได้ ใช้ได้เหมือนกัน
2. ไปยังเว็บไซต์ธนาคาร https://ibanking.bangkokbank.com/
3. ป้อนชื่อบัญชี รหัสผ่าน ตามที่ได้สมัครไว้กับทางธนาคาร แล้วก็ Log in เข้าระบบ
4. เมื่อเข้าระบบแล้วก็จะพบกับหน้าจอธนาคารออนไลน์ ก็สามารถทำธุรกรรมการเงิน โอนเงิน ดูยอดเงิน ซื้อหุ้น ฯลฯ ได้เลย
ผู้เขียนแนะนำให้ใช้บริการธนาคารออนไลน์แบบนี้ เพราะหากมือถือพัง หาย เสีย ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ใช้คอมพิวเตอร์ หรือ ยืมมือถือคนอื่นก็ ได้
เรื่องต้องรู้การรับเงินโดยโอนเข้าบัญชี
คนรุ่นเก่าบางคนอาจจะชินกับการรับเงินที่โอนเข้าบัญชี ผ่านตู้ ATM ผ่านเคาต์เตอร์ธนาคาร แต่รู้แบบใหม่ อย่าง พร้อมเพย์ หมายเลขโทรศัพท์ หรือ แอป หรือธนาคารออนไลน์ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม ฝ่ายผู้รับเงิน ก็เพียงแค่เตรียมข้อมูลพื้นฐานไว้ตามนี้
1. ชื่อตามสกุล ตรงตามสมุดบัญชีธนาคาร หรือตรงตามบัตรประชาชนนั่นเอง ดูทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
2. หมายเลขบัญชีธนาคาร
3. มือถือและเบอร์โทรศัพท์ ไว้รับ SMS แจ้งการโอนเงิน หรือ โทรศัพท์ไปสอบถามยอดเงินในบัญชี
4. ต้องศึกษาวิธีเช็คยอดเงินผ่านมือถือ เช่น ใช้แอปธนาคาร ใช้ธนาคารออนไลน์ หรือใช้การโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลการเงิน อย่าง ธนาคาร กรุงเทพให้กด 1333 หรือสมัครบริการรับ SMS แจ้งยอดเงินในบัญชี เมื่อมีคนโอนเงินเข้ามา อย่างหลังนี้ แนะนำอย่างมากสำหรับมือใหม่ไม่มีความ รู้เรื่องนี้มากนัก โดยเฉพาะชาวบ้าน คนทั่วไป คนสูงวัย เพียงแต่จะต้องมีมือถือประจำตัวเอาไว้ตรวจดู SMS
เมื่อมีข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้ว การรับเงิน ก็จะเป็นเรื่องง่าย จดข้อมูลเหล่านี้ไว้ในกระเป๋าสตางค์ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้พลาดโอกาส เมื่อลูกค้าอยาก จะซื้อสินค้า แต่ไม่ได้พกเงินสดมาด้วย หรือ เงินไม่พอ
รูปแบบการซื้อขายสินค้าในปัจจุบัน มีทั้งการค้าขายแบบดั้งเดิม มีหน้าร้าน มีลูกค้ามาที่ร้าน และยังมีรูปแบบใหม่ แบบออนไลน์ ขายผ่านเฟสบุ๊ค เว็บไซต์ ยูทูป ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ก็ล้วนช่วยให้ผู้ซื้อสะดวกในการซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น แต่ทั้งผู้ซื้อสินค้า และ ผู้ขาย จำเป็นจะต้องเพิ่มรูปแบบ การจ่ายเงิน การรับเงิน ต้องศึกษาในเรื่องนี้ เป็นความรู้ใหม่ที่คนส่วนใหญ่สามารถทำได้ แต่อาจยังมีบ้าง บางส่วน ที่ยังทำไม่เป็น ซึ่งจำเป็นจะต้อง ปรับตัว เพราะในอนาคต รูปแบบการชำระเงิน รับเงินจะเป็นแบบนั้น การใช้เงินสดจะน้อยลง หากไม่ปรับตัว ก็จะเสียโอกาส และสร้างปัญหาให้ตัว เองอย่างแน่นอน
สำหรับใครที่มีคนใกล้ตัวที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านี้ ก็ควรหาโอกาสสอนวิธีใช้งาน หรือสมัครบริการต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อย แต่สำหรับคนสูงวัย ก็ต้อง ระวัง เพราะการโอนเงินที่ง่าย เงินในบัญชีตัวเอง ก็อาจจะไม่เหลือ ต้องระวัง ลูกหลานบางคน แอบถอนไปหมดบัญชี