บทความแนะนำให้รู้จัก Cycle หรือจำนวนรอบในการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Li-Ion เพื่อที่จะได้เลือกซื้อและใช้งานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คุ้มค่าเงินที่จ่ายไปและสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างคุ้มค่า ตามอายุใช้งานจริง
ทำความรู้จัก Cycle ของแบตเตอรี่
ไซเคิ่ล (Cycle) จะหมายถึงจำนวนรอบที่เราชาร์จแบตเตอรี่แบบ Lithium Ion หรือ Lithium Ion Polymer จนเต็ม 100% ก็จะนับเป็น 1 Cycle หรือ 1 รอบ แบตเตอรี่คุณภาพดีๆ ที่มากับสินค้าดีๆ อย่าง iPad, Samsung Galaxy หรือสินค้าของบริษััทดังๆ ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคที่มีแบตเตอรี่ทั้งหลาย จะมีจำนวนรอบหรือ Cycle มากกว่าแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ราคาถูกจากจีน ทำให้การใช้งานอุปกรณ์ของบริษัทที่มีชื่อเสียงหรือมีแบรนด์ จึงใช้งานได้อย่างยาวนานกว่านั่นเอง
ตัวอย่างการนับรอบหรือนับ Cycle
อุปกรณ์อีเล็คทรอนิคทุกชนิดที่ใช้แบตเตอรี่แบบ Li-Ion อาจจะเป็น มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค กล้องดิจิตอล เครื่องเล่น MP3 PowerBank ฯลฯ หากใช้แบตเตอรี่แบบเดียกัน การนับ Cycle ก็จะเหมือนกัน
1. ครั้งแรกที่ได้เครื่องมานั้น แบตเตอรี่เต็มเปี่ยม 100%
2. เราก็เริ่มใช้งานไปตามปกติ เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ จนแบตเตอรี่เหลือ 60% ก็นำเครื่องไปชาร์จจนเต็ม 100% เหมือนเดิม การชาร์จจนเต็ม 100% เราจะได้ 40% กลับมาเหมือนเดิม
3. ชาร์จเสร็จก็นำเครื่องไปใช้งาน ใช้ไปเรื่อยๆ จนแบตเตอรี่เหลือ 40%
ก็นำเครื่องไปชาร์จจนครบ 100% ซึ่งก็ชาร์จไฟเข้าไป 60% 4. ในครั้งแรก เราได้ชาร์จไป 40% รวมกับครั้งที่สองที่ชาร์จไป 60% รวมเป็น 100% พอดี นี่คือการนับรอบเป็น 1 Cycle
5. แบตเตอรี่ในอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคบางยี่ห้อ สามารถใช้งานได้ประมาณ 1800 Cycle ก็ลองนึกภาพว่า หากเราใช้แบตเตอรี่วันละ 50% แล้วชาร์จจนเต็มทุกวัน รวม 2 วันก็จะได้ 1 Cycle กว่าจะครบ 1800 Cycle ก็ต้องใช้เวลาถึง 1800 x 2 = 3600 วัน หรือ เกือบสิบปีเลยทีเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วมีตัวแปรหลายอย่างที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่านั้น
นี่คือโน้ตบุ๊ค Fujitsu รุ่น FMV B8220 ใช้แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ผลิตเมื่อปี 2005 แบตเตอรี่อยู่ได้ 2-3 ชั่วโมง เพิ่งจะเสื่อมไปประมาณเดือนมีนาคม 2014 ตอนนี้อยู่ได้ประมาณ 40-60 นาที ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้งาน ที่เสื่อม การชาร์จแบตเตอรี่ไม่ถูกต้อง และเก็บไว้ในรถยนต์ที่จอดตากแดดเกือบสองเดือน น่าจะเป็นสาเหตุหลักๆ
6. ส่วนแบตเตอรี่ในมือถือ แท็บเล็ตหรืออุปกรณ์อีเล็คทรอนิคราคาถูกจากจีน แม้จะใช้แบตเตอรี่ความจุสูง แต่หากใช้แบตเตอรี่ไม่มีคุณภาพ จำนวน Cycle น้อยๆ ไม่กี่ร้อย ใช้ไม่นานก็เสื่อม เพราะจำนวน Cycle หมดแล้ว
แอพช่วยนับจำนวน Cycle
การชาร์จแบตเตอรี่ของเราไม่ได้แน่นอนวันละ 50% ทุกวัน การมานั่งนับจำนวน Cycle คงจะเป็นบ้าแน่ๆ ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี กรณีนี้อาจจะติดตั้งแอพลองค้นหาใน Play Store หรือ Astore
การชาร์จแบตเตอรี่ไม่เหมาะสมมีผลทำให้ Cycle ลดลง
จำนวน Cycle ในแบตเตอรี่แบบ Li-Ion สามารถลดลงได้ หรือแบตเสื่อมเร็วนั่นเอง หากชาร์จไม่เหมาะสม
1. การชาร์จที่ดีที่สุด ทำให้จำนวน Cycle ไม่ลดลงเร็วก็คือเมื่อแบตเตอรี่เหลือ 65-70% ก็นำไปชาร์จได้เลย ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก บางรุ่นหากชาร์จตามนี้จำนวน Cycle จะได้ 500 ครั้ง ประมาณ 2-3 ปี กว่าจะเสื่อมนั่นเอง
2. การชาร์จที่ดีปานกลาง ทำให้จำนวน Cycle ลดลง แบตเสื่อมแต่ก็ช้าลง ก็คือชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 35-60%
3. การชาร์จที่แย่ที่สุด ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วที่สุด ก็คือชาร์จเมื่อแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30% หากทำแบบนี้บ่อยๆ ไม่นาน แบตเตอรี่ก็เสื่อม จำนวน Cycle อาจจะเหลือประมาณ 2 ใน 3 ที่ระบุไว้ในเสป็คของแบตเตอรี่
ัตัวอย่างการติดตั้งแอพที่แสดงระดับแบตเตอรี่ขณะนี้เหลือ 55% ซึ่งก็ควรจะชาร์จได้แล้ว ตายพอดี วิ่งชาร์จทั้งวัน แนะนำให้หา PowerBank หรืออุปกรณ์สำหรับชาร์จแบบพกพา ไว้ชาร์จเครื่อง เลือกรุ่นที่ชาร์จได้เกิน 2 ครั้งขึ้นไป หากไปทำงาน ช่วงบ่่ายก็ชาร์จสักรอบ ก็จะช่วยไม่ให้จำนวน Cycle ลดลงได้ เพราะการชาร์จต่ำกว่า 30%
หมายเหต
ุ ปัจจัยที่ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการชาร์จอย่างเดียว อาจจะเกิดจาก
1. ความมีคุณภาพของแบตเตอรี่ สินค้าของบริษัทดัง แบรนด์ดัง จะใช้แบตเตอรี่คุณภาพดี เราจะเห็นว่า สินค้าบางตัวอย่างมือถือ Nokiia รุ่นโบราณทั้งหลายแบตเตอรี่อึดทนกันทั้งนั้น ในขณะที่อุปกรณ์อีเล็คทรอนิคจากจีน จะไม่ทนนัก แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
2. การเก็บอุปกรณ์ใกล้ความร้อน เก็บไว้ในรถยนต์ ที่จอดตากแดดบ่อยๆ ก็ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
อุปกรณ์อีเล็คทรอนิคยอดนิยมอย่างมือถือ แท็บเล็ต กล้องดิจิตอล ถูกผลิตมาเพื่อความสะดวกสบายของมนุษย์ คนที่มีฐานะอาจจะบอกว่า ใช้ๆ มันไปเถอะอย่าไปคิดมาก เสียก็ซื้อใหม่ แต่สำหรับบางคน ที่เงินเป็นเรื่องสำคัญ การดูแลไม่ให้ข้าวของเครื่องใช้เสียเร็วเกินไป ก็ช่วยประหยัดเงินได้ไม่น้อย หากในครอบครัวใช้กันทุกคน ไม่เช่นนั้นคงจะซื้อของใหม่กันบ่อยๆ อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะมือถือซึ่งตกรุ่นเร็วมาก แถมราคาก็ตกมากจน ทำใจขายไม่ได้ หากแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ทำให้ต้องซื้อเครื่องใหม่ก็คงไม่คุ้มอย่างแน่นอน
หวังว่าบทความนี้คงจะมีประโยชน์กับหลายๆ ท่าน สำหรับผมเอง เพราะการเขียนบทความนี้ จึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาชาร์จและดูและแบตเตอรี่ไม่ถูกต้อง ทำให้แบตเตอรี่แท็บเล็ตเสื่อมเร็วมากในเวลาไม่นาน เพราะเล่นจนเหลือน้อยกว่า 30% แล้วจึงชาร์จติดกันหลายเดือน ส่วนโน้ตบุ๊คก็เก็บในรถยนต์ที่จอดตากแดดประมาณ สองเดือน เสร็จเลย จบกัน