ขอแบ่งช่วงประมาณ ป.5 ขึ้นไป วัยประมาณนี้ ยังงัยก็ยังชอบเล่นเกมอยู่ดี แต่ก็มีสาระมากขึ้น และคอมพิวเตอร์ก็มีประโยชน์ ต่อเด็กมากขึ้น เพราะสามารถนำไป ประยุกต์ใช้งานได้จริง ทั้งเรื่องการ พิมพ์รายงาน การค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเพื่อทำรายงาน การใช้โปรแกรมวาดภาพต่างๆ ฯลฯ
ก่อนที่จะให้เด็กเรียนโปรแกรมอะไรบ้างนั้น อาจพิจารณาตัดสินจากปัจจัยต่างๆ เช่น
คุณตั้งความหวังให้เด็กอยากเป็นอะไร ศึกษาคอมพิวเตอร์ไปเพื่ออะไร
1. ต้องการให้เด็กสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ เพื่อไว้ช่วยงานไม่เน้นให้เอาดีทางนี้ ก็ขอให้ วิเคราะห์เจาะลึกถึงความจำเป็นและแนวทาง ที่เด็กจะนำความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็อาจให้ ลงเรียนวิชาต่างๆ ดังนี้
- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การเปิดปิดเครื่อง การใช้งานขั้นพื้นฐาน โปรแกรม Windows 98 หรือ ME การดูหนังฟังเพลง การพิมพ์ดีด
- การใช้โปรแกรมพิมพ์เอกสาร เช่น Microsoft Word เพื่อประโยชน์ในการพิมพ์รายงานของเด็ก และการใช้งานของคุณเอง เพราะอาจมีงานค้างจากที่ทำงานบ้างให้ เด็กได้ทำ ได้พิมพ์อยู่บ่อยๆ จะได้ไม่ลืม เพราะสิ่งนี้เป็นความสามารถที่เด็กต้องใช้ไปอีกนาน ทั้งในเรื่องการเรียนและการทำงานในอนาคตข้างหน้า
- การเล่นเกม ไม่ต้องสอนมากหาเกมมาแล้วสอนนิดๆ หน่อยๆ หรือหาหนังสือมาให้อ่านเดี๋ยว เป็นเอง นี่เป็นความสามารถพิเศษของเด็ก
- การใช้อินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูล ก็เช่นเดียวกัน หาอะไรมาล่อหลอก เช่น รายชื่อ เว็บไซท์เกี่ยวกับกีฬาที่เด็กชอบการ์ตูน การ์ดอวยพร อาจเป็น หนังสือ
รวมเว็บไซท์ ประเดี๋ยวก็จะเป็นเอง เพราะถ้าเด็กเกิดความอยากรู้เมื่อไร ไม่ต้องบังคับ แกจะอ่านของแกเอง ซึ่งเป็นการฝึกที่ถูกต้อง การ เล่นคอมพิวเตอร์จะต้องฝึก การค้นคว้าด้วยตัวเองถึงจะรุ่ง การรับอย่างเดียวไม่รอด แต่คุณเองก็ต้อง ทำตัวเป็นโค้ชที่ดีด้วย คอยกระตุ้นและส่งเสริมให้ถูกทาง
เมื่อเด็กเริ่มเป็นแล้ว ใช้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างที่เขาต้องการได้ คุณก็เพียงแค่คอยสอดส่อง ดูแลเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ของเขาห่างๆ เขาเล่นโปรแกรม อะไรบ้าง ยังอยู่ในกรอบดีหรือไม่ หรือ เริ่มออกนอกลู่นอกทาง ก็เข้ามาเตือนสักครั้ง และก็ควรหากิจกรรมที่คุณและเด็กจะได้เล่นร่วมกัน
2. ต้องการให้เด็กเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นอาชีพในอนาคต เป็นการกำหนดจุดหมายที่น่าจะ สมบูรณ์ที่สุด (แต่เด็กต้องชอบด้วยนะ) เพราะในอนาคตเด็กจะ เอาไปใช้งานได้จริง และเด็กวัยประมาณ ป.5 ขึ้นไปจะเริ่มมีแรงขับเคลื่อนภายในเยอะ ความคิดความอ่านเริ่มแล่น อาจให้เรียนหลักสูตรต่างๆ ในระดับพื้นฐานใน ข้อแรก จากนั้นก็ให้ลงเรียนโปรแกรมต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ และยังไม่ ต้องให้เรียนโปรแกรมอะไรต่อมิอะไรหลากหลายนัก เน้นเพียงบางอย่าง เช่น การ เขียนโปรแกรม ให้ เด็กได้เรียนและทำอย่างสม่ำเสมอ การซ่อมประกอบเครื่อง การเขียนเว็บเพจโฮมเพจ ส่วน โปรแกรมสำเร็จรูป เน้นให้ศึกษาเฉพาะบางตัวที่เด็ก จะเอามาใช้ประโยชน์ในขณะนั้นได้ เช่น Word ไว้พิมพ์รายงาน Photoshop ไว้แต่งภาพ
เหตุผลสำคัญที่ไม่เน้นให้เรียนโปรแกรมสำเร็จรูปหรือโปรแกรมเสริมมากเกินไปเพราะจะเกิน ความจำเป็นอย่าลืมว่างานหลักของเด็ก คือการเรียน ไม่ใช่ทำงาน เป็นพนักงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เรียนแล้วไม่ได้ใช้ก็ลืม และโปรแกรมเสริมส่วนใหญ่จะเรียนรู้ไม่ยากถ้า เด็กสามารถใช้โปรแกรมขั้น พื้นฐาน ได้แล้วก็สามารถ เรียนรู้เองได้ หาหนังสือมาตั้งไว้ก็พอ ไม่ต้องรีบร้อน ถึงแม้เด็กจะเก่งในตอนนี้ แล้วคุณจะให้แกออกไปทำงานหาเงิน รับงานหรือเปล่า ถ้าคิดว่าจะให้เด็กได้เริ่มทำ งานพิเศษเพื่อหาเงิน ใช้เอง ให้ได้รู้คุณค่าของเงิน ถ้าอย่างนี้ก็ลุยเลย
ส่วนเนื้อหาด้านการเขียนโปรแกรม การพัฒนาโปรแกรม การซ่อมประกอบเครื่อง วางระบบ เน็ตเวิร์ค เนื้อหาเหล่านี้ ที่เน้นให้ลงเรียน เพราะค่อนข้างยาก และ เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่เหมือนกับการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูป เพราะการเขียนโปรแกรม จะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาตลอดเวลา และต้องการระยะเวลาใน การฝึกฝนอย่างมาก ควรคุยกับผู้สอนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ใน การนำความ รู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมไปใช้งานจริง ให้ผู้สอนวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการ พัฒนาโปรแกรม ใช้ Visual Basic ดีหรือด้อยกว่า Delphi อย่างไร ภาษา C ควรเรียนหรือไม่ การพัฒนาเว็บไซต์ควรใช้ โปรแกรมอะไร เป็นต้น
มีหลายสถาบันที่มีคอร์สสอนเขียนโปรแกรมเปิดให้เด็กเรียน แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นเพียงให้เด็ก ฝึกกระบวนการคิด (การเขียนโปรแกรมจะเป็นการฝึกกระบวนการ คิดในเรื่องการแก้ปัญหา) และได้เรียน กับสถาบันไปนานๆ บางทีก็ยัดเยียดให้เรียนเขียนโปรแกรมนู้นโปรแกรมนี้ เพื่อจะได้มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ได้คิดจะปูทางให้ เด็กต่อไปในอนาคต เมื่อเรียนจบแล้วก็จบกัน สักพักก็ลืม ตรงจุดนี้ผู้ปกครองเอง ก็ต้องช่วยเด็กด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้สอน เราต้องรู้เท่าทันเด็ก แต่รู้ แบบกว้างๆ เช่น ให้เด็ก ลงเรียนโปรแกรม Visual Basic เราก็ควรจะศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมนี้ด้วยว่าทำอะไรได้บ้าง หาตัวอย่าง งานมาให้เด็กได้ลองฝึก อาจค้นหา จากอินเตอร์เน็ตหรือยกตัวอย่างงานง่ายๆ ให้เด็กได้พัฒนาเป็น โปรแกรมของเขาเอง หรือไม่ก็เอางานที่คุณทำนี่แหละมาเป็นตัวทดลอง ถามว่ายากเกินไปหรือไม่ ก็ ค่อน ข้างยาก แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเราหวังผลเพียงให้เด็กได้เรียนรู้ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ยังมีเวลาอีกมากที่จะ เรียนรู้และอีกนานกว่าจะได้ใช้งานจริง แต่ถ้าเขาทำได้ ก็ เตรียมติดต่อหาร้านเพื่อจำหน่ายได้เลย อย่างนี้ มีโอกาสรุ่ง
นอกจากการเรียนด้วยตนเองหรือลงเรียนกับสถาบันต่างๆ แล้ว ถ้าหากที่โรงเรียนมีชมรม คอมพิวเตอร์ ก็จะเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ของเด็ก เพราะเขามี เพื่อนที่ชอบสิ่งเดียวกัน ก็จะมีกำลังใจ ที่จะเรียนรู้ต่อไป และถ้าเด็กได้เลือกเรียนด้านคอมพิวเตอร์ด้วยแล้ว คุณก็สบายใจได้ ภาระของคุณ ใกล้จะหมดลงแล้ว ที่เหลือ ก็คอยติดตามความเป็นไปของการทำงานด้านคอมพิวเตอร์ ทิศทางน่าจะ เป็นไปอย่างไร คุณก็ต้องอ่านต้องติดตามด้วย เพื่อจะได้ชี้แนะเด็กได้ เป็นเพื่อนปรึกษาได้ ไม่เช่นนั้น เขาก็จะหันไปปรึกษาเพื่อน ซึ่งอาจจะไม่ได้ปรึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์เรื่องเดียว เขาเริ่มไกลตาคุณ แล้วต่อไป จะเป็นอย่างไร...
สรุปเกี่ยวกับการเรียนของเด็กในวัยนี้
ควรมีเครื่องตั้งไว้ที่บ้าน ให้เด็กได้เรียนรู้เนื้อหาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และด้านที่เด็ก ชอบ ไม่ควรปล่อยให้เด็กเล่นเกมและสนทนาในอินเตอร์เน็ตมากเกิน ไป สิ่งสำคัญในการเรียนของเด็ก ก็คือ คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องการให้เด็กเรียนไปเพื่ออะไร จุดมุ่งหมายอยู่ตรงไหนและตัวคุณเอง ก็ต้องคอยติดตามความ เคลื่อนไหวในวงการคอมพิวเตอร์ด้วย จะได้คุยกันรู้เรื่อง แนะนำได้