ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
การศึกษาด้วยตนเอง เป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อใจพร้อม อุปสรรคใดๆ ก็ยากขวางกั้น อาจศึกษา จากหนังสือหรือซีดีสอน สอบถามเพื่อน ถามผู้รู้ แต่การเป็นผู้ใฝ่ศึกษา ค้นคว้าด้วยตนเองจะเป็นการ ปลูกฝังนิสัยที่ดี เพราะศาสตร์ด้านนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำตัวเป็นมนุษย์คำถาม ถามตลอด ไม่เคยคิดจะศึกษาค้นคว้าเอง ไม่มีทางเจริญแน่ แต่ทั้งนี้เนื้อหาที่จะศึกษานั้นควรเป็นเนื้อหาที่สามารถ ศึกษาด้วยตนเองได้ เช่น การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ แต่หากเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างยาก และไม่ค่อย มีใครเขาเป็นกัน เช่น การติดตั้งระบบเน็ตเวิร์ค การแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่อง ฯลฯ อย่างนี้ถามไปเถอะ ไม่เป็นไร เพราะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยมีในตำหรับ ตำราสักเท่าไหร่นัก ไม่ถามก็คงค้นกันตาเหลือกเหมือนกัน กว่าจะได้คำตอบ เพราะบางปัญหาร้อยวันพันปีจะเจอสักครั้ง แล้วก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ ผู้เขียนเองก็เคยเป็น บางครั้งทำเครื่องพัง อ่านหนังสือแทบหมดห้องสมุดกว่าจะได้คำตอบเพียงคำตอบ เดียวเท่านั้น สะใจ!!! ดี

ศึกษากับสถาบันสอนคอมพิวเตอร์
ศึกษาจากสถาบัน เหมาะสำหรับเนื้อหาที่ค่อนข้างยาก และต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เช่น การ พัฒนาโปรแกรม การเรียนเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์ค ซึ่งต้องมีเครื่อง คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์เกี่ยวกับการเชื่อมต่อหรือการซ่อมประกอบเครื่อง เป็นต้น เนื้อหาเหล่านี้การเลือกเรียน กับสถาบันต่างๆ จะได้ผล มากกว่า ประกอบกับการอ่านหนังสือเพิ่มเติมด้วย ก็จะยิ่งได้ผลดีมากยิ่งขึ้น แต่หากมีเงินเหลือ ก็ไปเลือกซื้ออุปกรณ์มือสองมาลองเอง ไม่ยากหรอกครับ ผู้เขียนเอง ไม่เคยไปเรียน คอมพิวเตอร์ที่สถาบันไหนเลย ซื้อเครื่องมาตั้งแล้วก็ลูบๆ คลำๆ จนพบทางสว่าง ก็เก่งได้เหมือนกัน ขอเพียงมีความพยายาม

สรุปสิ่งที่จะต้องเรียนรู้
ก่อนที่จะสรุปว่า มีอะไรบ้างที่คุณควรเรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ก็คงต้องพิจารณาเกี่ยวกับ งานของคุณก่อนว่า มีโอกาสในการใช้หรือมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ งานด้านใดบ้าง หรือน่าจะนำ คอมพิวเตอร์มาช่วยพัฒนางานให้สะดวกและรวดเร็วมากกว่าเดิม หรือตัวคุณเองมีความสนใจด้าน คอมพิวเตอร์หรือไม่ และบุตร หลานของคุณต้องเรียนด้านคอมพิวเตอร์หรือไม่ คราวนี้ก็มาดูกันว่ามีอะไร บ้างที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งในที่นี้จะแบ่งเป็น 2 ประเภท

1. สรุปสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในระดับพื้นฐาน
เป็นการศึกษาเพื่อให้มีความรู้ระดับพื้นฐานเท่านั้น เช่น ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทั่วๆ ไป Word, Excel, PowerPoint, Windows 98/ME, โปรแกรมดูหนังฟังเพลง, โปรแกรมเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต Internet Explorer หรือ Netscape , Pirch, mIRC, Winzip เป็นต้น (ไล่ไปไล่ มาก็ไม่ใช้น้อยๆ เลยนะเนี่ย เอาน่า สู้หน่อย อุจจาระสุกร อุจาระสุนัข ก็ขอให้รู้แต่เพียงว่าคอมพิวเตอร์ใช้ทำอะไรได้บ้าง ก็พอแล้ว เวลาที่ลูกๆ หรือเพื่อนๆ เขาพูดถึง คอมฯ จะได้มีเรื่องคุยกับเขาบ้าง )

2. สรุปสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในระดับสูง
เป็นการศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติม เพื่อความชำนาญเฉพาะทางหรือให้ชำนาญ แทบทุกทางเท่าที่ สามารถจะทำได้ เพื่อประโยชน์ของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นการนำความรู้ ไปประกอบอาชีพหรือไปพัฒนา หน่วยงาน ฯลฯ

คำแนะนำเพิ่มเติม
1. ใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อน เพราะความรู้ด้านนี้ไม่สามารถเก่งได้ภายในเวลาไม่ กี่วัน ไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี และคุณก็คงไม่อัจฉริยะขนาดนั้น ต้อง อาศัยประสบการณ์หรือชั่วโมงบิน พอสมควร
ในเรื่องของความเก่ง ก็อาจแบ่งได้ 3 แบบ ตัดสินใจเลือกเอาเอง

เก่งแบบแรก
ศึกษาเกี่ยวกับภาพรวมด้านคอมพิวเตอร์ทุกแขนง ทุกอย่าง เท่าที่จะทำได้ ไม่ต้องเจาะลึกศึกษา เพียงเปลือกนอก แต่เน้นการมองหาช่องทางทำธุรกิจเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ทุกทาง ให้มากที่สุดเท่าที่ จะคิดได้ วิเคราะห์ลักษณะงานนั้นๆ เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ในด้านใดสาขาใด คราวนี้ก็เริ่มศึกษา แบบเจาะลึก หรืออาจ จ้างผู้มีความเชี่ยวชาญด้านนั้นๆ มาจัดการและท้ายทึ่สุด ก็ผลิตผลงานหรือบริการ ออกสู่สาธารณชน
ด้านนี้จะเป็นมุมมองของนายทุนมากกว่า เป็นความสามารถเฉพาะตัว ในโรงเรียนไม่มีสอนและ ก็ไม่พยายามจะสอนสักเท่าไร อาจเป็นเพราะครูอาจารย์ส่วนใหญ่ ไม่ ได้เป็นนักธุรกิจ จึงไม่รู้ว่า จะต้อง ดำเนินการสอนไปด้านใด จบแล้วจึงเป็นลูกจ้างมากกว่าการเป็นนายของตัวเอง

เก่งแบบที่ 2
ศึกษาด้านคอมพิวเตอร์จนมีความเก่งกาจ แต่ขาดกึ๋นทางธุรกิจ เป็นได้ก็แค่ลูกจ้าง ใครที่คิด จะเก่งแบบนี้ขอให้ทบทวนความคิดเสียใหม่ อย่าเน้นศึกษาเจาะลึกอย่าง เดียว เจาะด้านธุรกิจด้วย ศึกษา ด้านอื่นๆ ด้วย เป็นรูปแบบความเก่งที่น่านับถือ แต่ไม่คุ้มค่าเท่าไรกับการทุ่มเท ทุ่มทุนเพื่อศึกษา

เก่งแบบที่ 3
เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เก่งแบบที่หนึ่งและสองรวมกัน คุณควรจะเป็นแบบนี้ จึงจะ สามารถเอาตัวรอดได้ ว่างๆ ก็อ่านหนังสือ เกี่ยวกับคนเก่งๆ ที่ประสบ ความสำเร็จด้านนี้ ศึกษารูปแบบ การทำธุรกิจของคนเหล่านี้ ก็จะช่วยให้เห็นแนวทาง เห็นช่องทางในการทำธุรกิจ

2. กำหนดจุดมุ่งหมายให้แน่นอน เลือกแนวทางที่ตัวเองถนัด หรือรีบหาจุดหมายให้พบว่า จะศึกษาคอมพิวเตอร์ไปเพื่อทำอะไร จะได้รีบฝึกฝนให้เกิดความ ชำนาญ และยึดเป็นอาชีพได้ ไม่ใช่เอา แต่แช็ต จีบสาวอยู่นั่นแหละ