การ์ดเสียงเป็นอุปกรณ์อีเล็คทรอนิค ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถสร้างเสียงต่างๆ ได้ การ์ดเสียงมีหลายแบบ เช่น
แบบ Fm จะเป็นการ์ดเสียงที่ใช้กันทั่วๆ ไป มีราคาถูก เหมาะสำหรับการเล่นเกม ฟังเพลง จากแผ่นซีดีเพลง สามารถเล่นไฟล์ เสียงประเภท Wav, Voc ได้ดี


แบบ Wavetable เป็นการ์ดเสียงคุณภาพสูง เหมาะสำหรับงานดนตรี แต่งเพลง ปัจจุบัน มีการสร้างเป็นไฟล์แบบ Midi หรือเป็นเพลงบรรเลง ซึ่งจะช่วยให้สามารถ ร้องเพลงคาราโอเกะกับ คอมพิวเตอร์ได้ เช่น ใช้โปรแกรม NCN คาราโอเกะ คุณภาพเสียงที่ได้จะดีว่าการ์ดแบบ FM แต่การ์ด แบบนี้ไม่เหมาะจะนำไปเล่นเกม เพราะจะให้เสียงที่ไม่ค่อยดีและราคาค่อนข้างแพงกว่าแบบ Fm การ์ดดีๆ ตัวเป็นหมื่น


แบบผสม มีการ์ดในปัจจุบันหลายยี่ห้อเป็นแบบผสม ทั้ง Fm และ Wavetable เข้าด้วยกัน ช่วยให้สามารถเล่นเกมได้เสียงสมจริง และฟังเพลงได้อรรถรส เป็นรูป แบบการ์ดที่ขายกันในปัจจุบัน

 

ที่ตัวการ์ดเสียงจะมีตำแหน่งสำหรับต่อสายลำโพง (SPK หรือ Speaker Out หรือ Audio Out) ช่องต่อไมค์ (Mic) ช่องต่อสัญญาญเข้า (Line In) สำหรับนำ สัญญาณจากที่อื่นเข้ามาช่อง Line Out สำหรับนำสัญญาณออกไปเข้าเครื่องขยายและพอร์ตสำหรับต่อจอยสติ๊กหรือเครื่องดนตรี เช่น คีย์บอร์ดแบบ General Midi


นอกจากนี้อาจแยกลักษณะของการ์ดเสียงได้อีกแบบ คือการ์ดเสียงแบบการ์ดขยาย เป็นการ์ด ส่วนใหญ่ในท้องตลาด เป็นการ์ดเดี่ยวๆ สำหรับนำไปเสียบกับสล็อต บนเมนบอร์ด และอีกแบบหนึ่ง ก็คือการ์ดเสียงออนบอร์ด โดยจะมีการระบุข้อความต่างๆ ในการโฆษณา เช่น Sound Wavetable AC' 9, Audio AC97 Onboard หรือ Sound on board ซึ่งจะถูกออกแบบให้ติดอยู่กับเมนบอร์ด สะดวก ดีเหมือนกัน ไม่ต้องเสียเงินซื้อการ์ดแยกต่างหาก

 

การเลือกซื้อการ์ดเสียง
ถ้ามีงบมากสักหน่อย เลือกของ Creative Sound blaster สักรุ่น พร้อมลำโพง แบบ 4.1 ลำโพงเล็ก 4 ตัว ซับวูฟเฟอร์ 1 ตัว ความสุนทรี ก็เกือบเทียบเท่าอยู่ในโรงหนัง ที่มีระบบเสียง Dolby System ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม รับรองว่าได้สัมผัสทุกรสของเสียง
ถ้ามีงบน้อยๆ ก็เลือกการ์ดเสียงที่มีคุณสมบัติ Wavetable ในตัว ไว้ร้องเพลงคาราโอเกะ NCN หรือ Nick Karaoke ก็พอฟังได้ ต่อเข้าเครื่องขยายก็ดังสนั่น พอได้ อารมณ์เหมือนกัน