Sponsored Ads

บทความนี้จะมาแนะนำวิธีเปลี่ยนประโยค Direct Speech เป็นประโยคแบบ Indirect Speech โดยใช้กริยา ask แบบต่างๆ ในประโยคคำถาม และประโยคขอร้อง ตัวอย่างเช่น Tom says to me, What is your name?" / Tom asks me what my name is.

 

การใช้ ask แบบต่างๆ เมื่อเปลี่ยนประโยค Direct Speech เป็น Indirect Speech

การใช้ ask ในประโยค Direct Speech ที่มีคำแสดงคำถาม

คำแสดงคำถาม เช่น What, Who, Where, When, Why, Which และ How การใช้ ask จะมีโครงสร้างประโยคดังนี้
ask + กรรม + What, Who, Where, When, Why, Which หรือ How + ประโยค

คำแสดงคำถาม เช่น What ในประโยค Direct Speech

Direct Speech : Tom says to me, "What is it?" ทอมพูดกับฉัน, "มันคืออะไร?"

Indirect Speech : Tom asks me what it is. ทอมถามฉันว่า มันคืออะไร

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำ เป็น Prestent Tense ไม่ต้องเปลี่ยน Tense จึงใช้ is เหมือนเดิม

 

Direct Speech : Tom said to me, "What is it?" ทอมพูดกับฉัน, "มันคืออะไร?"

Indirect Speech : Tom asked me what it was. ทอมถามฉันว่า มันคืออะไร

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำเป็น Past Tense จึงต้องเปลี่ยน Tense เป็น Past Tense ใช้ was

 

คำแสดงคำถาม เช่น Who ในประโยค Direct Speech

Direct Speech :Tom said to me, "Who is Sara?" ทอมพูดกับฉัน, "ซาร่าเป็นใคร?"

Indirect Speech :Tom asked me who Sara was. ทอมถามฉันว่า ซาร่าเป็นใคร

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำเป็น Past Tense จึงต้องเปลี่ยน Tense เป็น Past Tense ใช้ was

 

คำแสดงคำถาม เช่น Where ในประโยค Direct Speech

Direct Speech :Tom said to me, "Where is Sara?" ทอมพูดกับฉัน, "ซาร่าอยู่ที่ไหน?"

Indirect Speech : Tom asked me where Sara was. ทอมถามฉันว่า ซาร่าอยู่ที่ไหน

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำเป็น Past Tense จึงต้องเปลี่ยน Tense เป็น Past Tense ใช้ was

 

คำแสดงคำถาม เช่น When ในประโยค Direct Speech

Direct Speech : Tom said to me, "When will Sara arrive?" ทอมพูดกับฉัน, "ซาร่าจะมาถึงเมื่อไร?"

Indirect Speech : Tom asked me when Sara would arrive. ทอมถามฉันว่า ซาร่าจะมาถึงเมื่อไร

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำเป็น Past Tense จึงต้องเปลี่ยน Tense เป็น Past Tense ใช้ would

 

คำแสดงคำถาม เช่น Why ในประโยค Direct Speech

Direct Speech : Tom said to me, "Why do you go with him?" ทอมพูดกับฉัน, "ทำไมฉันไปกับเขา?"

Indirect Speech : Tom asked me why I went with him. ทอมถามฉันว่า ทำไมฉันไปกับเขา

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำเป็น Past Tense จึงต้องเปลี่ยน Tense เป็น Past Tense ใช้ went (กริยาช่อง 2 ของ go) แทน go

 

คำแสดงคำถาม เช่น Which ในประโยค Direct Speech

>Direct Speech : Tom said to me, "Which is your car?" ทอมพูดกับฉัน, "คันไหนเป็นรถของคุณ?"

Indirect Speech : Tom asked me which car was my car. หรือ Tom asked me which car was mine. ทอมถามฉันว่า คัน ไหนเป็นรถของฉัน

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำเป็น Past Tense จึงต้องเปลี่ยน Tense เป็น Past Tense ใช้ was

 

คำแสดงคำถาม เช่น How ในประโยค Direct Speech

Direct Speech :Tom said to me, "How are You?" ทอมพูดกับฉัน, "คุณเป็นอย่างไรบ้าง?"

Indirect Speech :Tom asked me how I was. ทอมถามฉันว่า ฉันเป็นอย่างไรบ้าง

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำเป็น Past Tense จึงต้องเปลี่ยน Tense เป็น Past Tense ใช้ was

 

การใช้ ask ในประโยค Direct Speech ที่มีคำแสดงคำถาม

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม เช่น Is, Am, Are, Was, Were, Do, Does, Did, Can, Could, May, Have, Has, Had, Must ในประโยค Direct Speech จะมีโครงสร้างประโยค 2 แบบ จะใช้แบบใดก็ได้
1. ask + กรรม + if + ประโยค
2. ask + กรรม + whether + ประโยค

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Is

Direct Speech :Tom said to me, "Is Sara singing a song?" ทอมพูดกับฉัน, "ซาร่ากำลังร้องเพลงใช่หรือไม่?"

Indirect Speech : Tom asked me if Sara was singing a song.ทอมถามฉันว่า ซาร่ากำลังร้องเพลงใช่หรือไม่

คำอธิบายเพิ่มเติม : ใช้โครงสร้างประโยค ask + กรรม + if + ประโยค ส่วนกริยาเปลี่ยนเป็น was singing เพราะกริยานำ Tom said เป็น Past Tense

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Is

Direct Speech :Tom said to me, "Is Sara singing a song?" ทอมพูดกับฉัน, "ซาร่ากำลังร้องเพลงใช่หรือไม่?"

Indirect Speech : Tom asked me whether Sara was singing a song. ทอมถามฉันว่า ซาร่ากำลังร้องเพลงใช่หรือไม่

คำอธิบายเพิ่มเติม :ใช้โครงสร้างประโยค ask + กรรม + whether + ประโยค ส่วนกริยาเปลี่ยนเป็น was singing เพราะกริยานำ Tom said เป็น Past Tense

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Are

Direct Speech : Tom said to me, "Are they the teacher.?" ทอมพูดกับฉัน, "พวกเขาเป็นครูใช่หรือไม่?"

Indirect Speech : Tom asked me if they were the teacher. ทอมถามฉันว่า พวกเขาเป็นครูใช่หรือไม่

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยาเปลี่ยนเป็น were เพราะกริยานำ Tom said เป็น Past Tense

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Does

Direct Speech :Tom said to me, "Does Sara like Thai food?" ทอมพูดกับฉัน, "ซาร่าชอบอาหารไทยไหม?"

Indirect Speech : Tom asked me if Sara liked Thai food. ทอมถามฉันว่า ซาร่าชอบอาหารไทยไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยาเปลี่ยนเป็น like เติม ed หรือกริยาช่องที่ 2 ของ Like เพราะกริยานำ Tom said เป็น Past Tense

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Do

Direct Speech : Tom said to me, "Do you like Thai food?" ทอมพูดกับฉัน, "คุณชอบอาหารไทยไหม?"

Indirect Speech : Tom asked me if I liked Thai food. ทอมถามฉันว่า ฉันชอบอาหารไทยไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยาเปลี่ยนเป็น like เติม ed หรือกริยาช่องที่ 2 ของ Like เพราะกริยานำ Tom said เป็น Past Tense

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Have

Direct Speech : Tom said to me, "Have you taken a bath?" ทอมพูดกับฉัน, "คุณอาบน้ำหรือยัง?"

Indirect Speech : Tom asked me if I had taken a bath. ทอมถามฉันว่า ฉันอาบน้ำหรือยัง

คำอธิบายเพิ่มเติม : Have ใช้กับประธาน I, You, We, They หรือประธานหลายคน

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Has

Direct Speech : Tom said to me, "Has Sara taken a bath?" ทอมพูดกับฉัน, "ซาร่าอาบน้ำหรือยัง?"

Indirect Speech : Tom asked me if Sara had teken a bath. ทอมถามฉันว่า ซาร่าอาบน้ำหรือยัง

คำอธิบายเพิ่มเติม : Has ใช้กับประธาน He, She, It หรือประธานคนเดียว อันเดียว สิ่งเดียว

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Can

Direct Speech : Tom said to me, "Can you drive the car?" ทอมพูดกับฉัน, "คุณขับรถเป็นไหม?"

Indirect Speech : Tom asked me if I could drive the car. ทอมถามฉันว่า ฉันขับรถเป็นไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำ Tom said เป็น Past Tense กริยาตามให้เปลี่ยนเป็น could

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม May

Direct Speech : Tom said to me, "May I eat fruit?" ทอมพูดกับฉัน, "ฉันขอกินผลไม้ได้ไหม?"

Indirect Speech :Tom asked me if he might eat fruit. ทอมถามฉันว่า เขาขอกินผลไม้ได้ไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำ Tom said เป็น Past Tense กริยาตามให้เปลี่ยนเป็น might

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Shall

Direct Speech : Tom said to me, "Shall I help Sara?" ทอมพูดกับฉัน, "ฉันจะช่วยซาร่าได้ไหม?"

Indirect Speech : Tom asked me if he should help Sara. ทอมถามฉันว่า เขาจะช่วยซาร่าได้ไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม : กริยานำ Tom said เป็น Past Tense กริยาตามให้เปลี่ยนเป็น should

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม Will

Direct Speech : Tom said to me, "Will you drink coffee?" ทอมพูดกับฉัน, "คุณจะดื่มกาแฟไหม?"

Indirect Speech : Tom asked me if I would drink coffee. ทอมถามกับฉันว่า ฉันจะดื่มกาแฟไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม :
กริยานำ Tom said เป็น Past Tense กริยาตามให้เปลี่ยนเป็น would

 

ประโยคคำถามที่ใช้คำไม่แสดงคำถาม must

Direct Speech : Tom said to me, "Must I work on Sunday?" ทอมพูดกับฉัน, "ฉันต้องทำงานวันอาทิตย์ไหม?"

Indirect Speech : Tom asked me if he had to work on Sunday. ทอมถามฉันว่า เขาต้องทำงานวันอาทิตย์ไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม :
กริยานำ Tom said เป็น Past Tense กริยาตามให้เปลี่ยนเป็น had to

 

การใช้ ask ในประโยค Direct Speech ที่เป็นประโยคขอร้อง

การใช้ ask ในประโยคขอร้อง จะมีความหมายเป็นการขอร้องให้ผู้หนึ่งผู้ใดให้ความช่วยเหลือ หรือทำบางอย่าง จะมีโครงสร้างประโยคดังนี้
ask + กรรม + to + กริยาที่ขอร้องให้ช่วย ใช้กริยาช่องที่ 1

 

Direct Speech :Sara asks me, "Please help me." ซาร่าขอร้องฉัน, "โปรดช่วยฉันด้วย"

Indirect Speech : Sara asks me to help her. ซาร่าขอร้องฉันว่า โปรดช่วยเธอด้วย

 

Direct Speech :Sara asked me, "Please help me." ซาร่าขอร้องฉัน, "โปรดช่วยฉันด้วย"

Indirect Speech : Sara asked me to help her. ซาร่าของร้องฉันว่า โปรดช่วยเธอด้วย

 

สำหรับบทความนี้ก็หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ที่กำลังศึกษาภาษาอังกฤษด้วยตนเอง เกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนประโยค Direct Speech เป็นประโยคแบบ Indirect Speech โดยใช้กริยา ask แบบต่างๆ