Sponsored Ads

การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple อย่าง iPhone/iPad/iPod/Mac จะต้องสร้าง Apple ID ขึ้นมาก่อน แล้วนำ ID ที่ได้ไป ตั้งค่าในอุปกรณ์เหล่านั้น จึงจะสามารถใช้งานได้ ติดตั้งแอปหรือใช้บริการต่างๆ ของ Apple ได้

การสร้าง Apple ID นับวันก็จะยิ่งสร้างปัญหาปวดหัวและเสียเงินให้คนใช้ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้ด้านไอทีมาก่อน ชาว บ้าน คนทำงานโรงงาน เด็กๆ คนสูงวัย ซึ่งก็อยากจะใช้มือถือดีๆ อย่าง iPhone หรือ iPad ต้องเสียเงินจ่ายให้ร้านมือถือซึ่ง รับทำ Apple ID คิด 100 บาท สมัคร Facebook 100 บาท สมัคร Line 100 บาท สมัครอีเมล์ 100 บาท และอื่นๆ อีก รวมๆ แล้วก็หลายร้อย

บทความนี้ก็จะขอแนะนำวิธีการสร้าง Apple ID เพื่อไว้ใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ซึ่งจะมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1. เตรียมซิมที่สามารถต่อเน็ตได้ ใส่ในมือถือหรือแท็บเล็ตให้เรียบร้อย หรือเปิดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน WiFi
2. ต้องมีอีเมล์ ให้สมัครอีเมล์ Gmail ไว้ให้เรียบร้อย
3. ลงทะเบียน Apple ID และยืนยันตัวตน

 

ซิมสำหรับต่อเน็ตหรือ WiFi

ก่อนอื่นให้เตรียมการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตให้พร้อม ถ้าไม่มี WiFi ก็ต้องใช้ซิมที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ เพราะ การสมัคร Apple ID ต้องทำการเชื่อมต่อ

 

สมัครอีเมล์ Gmail ไว้สมัคร Apple ID

ที่แนะนำอีเมล์ของ Gmail เพราะมีบริการเสริมพ่วงมาด้วยที่น่าสนใจ และทุกวันนี้ Google แทบจะครองโลกไอที บริการดีๆ มากมาย เป็นของ Google จึงจำเป็นต้องมีอีเมล์ Gmail นั่นเอง อ่านวิธีสมัครอีเมล์ Gmail ได้ที่นี่

ขั้นตอนการสมัคร Apple ID

ก่อนจะสมัครนั้น เราสามารถทำผ่านมือถือ iPhone หรือ iPad ได้เลย ให้เข้าเว็บ http://gmail.com แล้วเข้าระบบอีเมล์ Gmail รอไว้เลย จากนั้นจึงทำการสมัคร

1. ในหน้าจอหลักมือถือ iPhone หรือ iPad ให้แตะไอคอน App Store
2. เลือกแอปฟรี แอปอะไรก็ได้ แตะเพื่อติดตั้ง
3. จะปรากฏกรอบข้อความเล็กๆ ให้เข้าระบบ ให้เลือก Create New Apple ID สร้าง Apple ID ใหม่
- Use Existing Apple ID ใช้ Apple ID ที่มีอยู่
- Create New Apple ID สร้าง Apple ID ใหม่
4. สร้างบัญชีใหม่ โดยป้อนข้อมูลต่างๆ เช่น Country แตะติ๊กถูกเลือก Thailand แล้วแตะ Next หรือ ถัดไป
5. จะแสดงข้อตกลงในการใช้งาน ให้แตะ Agree หรือ ยินยอม และกด ยินยอมอีกครั้ง
6. ป้อนข้อมูลเกี่ยวกับ Apple ID และรหัสผ่าน Apple ID ให้ป้อนอีเมล์ Gmail ลงไป 7. ป้อนรหัสผ่านต้องมีอย่างน้อย 8 ตัว ต้องมีตัวอักษร ตัวเลขผสมกัน เช่น R5Ktje4D8kW7ss จดไว้ด้วย ห้ามลืมอย่างเด็ด ขาด สำคัญมาก
8. ป้อนข้อมูลที่เหลือทั้งหมด เลือกคำถามและตอบคำถาม จดไว้ด้วยว่าทำอะไรไปบ้าง ไว้ตอบคำถามกรณีลืมรหัสผ่าน
9. ป้อนอีเมล์สำรอง เผื่อกรณีลืมรหัสผ่าน ถ้าไม่มีก็ข้ามไป หรือจะใช้ของคนสนิทก็ได้
10. ป้อนข้อมูล วัน เดือน ปี เกิด สิ่งสำคัญก็คือ ปีเกิด จะต้องป้อนเป็นค.ศ.และถ้าผู้อ่านอายุไม่ถึง 18 ต้องระวัง ให้ป้อนให้ อายุมากกว่านั้น ไม่เช่นนั้นจะสมัครไม่ได้ การแปลงปีเกิดจาก พ.ศ. เป็น ค.ศ ให้เอา 543 ไปลบกับปีเกิด เช่น ผู้เขียนเกิดปี 2515 - 543 = 1972 จะได้ ค.ค. 1972
11, ตรวจทางความถูกต้องของข้อมูลแล้ว แตะ ถัดไป 12. สำหรับข้อมูลบัตรเครดิตจะมีตัวเลือก Visa, MasterCard, Amex และ None ให้เลือก None ไม่มี บัตรเครดิตร ให้เลือกค่า นี้
13. กรอกข้อมูลชื่อที่อยู่ให้เรียบร้อย กรอกเป็นภาษาอังกฤษ สำคัญมากก็คือรหัสไปรษณีย์ต้องตรงกับที่อยู่จริงจะป้อนมั่วๆ ไม่ได้ เบอร์มือถือต้องใส่ตามจริงๆ เผื่อไว้ยืนยันตัวตน กรณีจำรหัสผ่านไม่ได้ ให้ตัดเลขตัวแรกออกไป เช่น 081 234-6571เวลากรอกให้พิมพ์แค่ 81 234-6571
14. ตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว แตะ ถัดไป
15. จะให้ยืนยันการสมัคร ก็แตะ เสร็จ เพื่อให้ Apple ส่งอีเมล์ให้เรายืนยัน ก็จะปรากฏหน้าจอให้เข้าระบบ Apple ID ให้ข้าม ไปก่อน เราต้องไปยืนยันก่อน
16. จากนั้นให้เข้าไปอ่านอีเมล์ ใน Gmail ที่ได้เปิดรอไว้แล้ว เพราะระบบของ Apple จะส่งข้อมูลไปในอีเมล์ดังกล่าว แล้วแตะ เปิดจดหมาย ตรวจสอบยืนยัน Apple ID ของคุณ 17. ในจดหมายให้แตะ ตรวจสอบการยืนยันตอนนี้ เพื่อยืนยันการสมัคร Apple ID
18. พิมพ์ Apple ID และ รหัสผ่านเพื่อยืนยันการสมัคร เป็นอันเสร็จสิ้นการสมัคร Apple ID
19. หลังจากยืนยันตัวตน โดยแตะ เสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมี Apple ID เป็นของตัวเอง สามารถติดตั้งแอปใน App Store ได้

 

ตั้งค่า Apple ID ใน iPhone/iPad/iPod/Mac

เมื่อได้สร้าง Apple ID เรียบร้อยแล้ว ก็จะนำ Apple ID ไปตั้งค่าในอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ที่เราใช้งาน
1. เข้าการตั้งค่า หรือ Settigs
2. เลือก iTunes Store และ App Store
3. ลงชื่อเข้าใช้งาน ให้เรียบร้อย คราวนี้ก็จะสามารถติดตั้งแอปต่างๆ ใน App Store ได้

 

เมื่อสร้าง Apple ID ห้ามลืมรหัสผ่านอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะการใช้งานแอปบางตัวอย่าง iClound หากจำไม่ได้ เครื่องก็ จะล็อก iPhone ของเรา ทำให้ใช้งานไม่ได้ สำคัญมาก หากให้ทางร้านทำให้ ก็ให้จดรหัสผ่านลงกระดาษและถ่ายรูปเก็บไว้

 

บทความเนื้อหาใกล้เคียงกัน :