ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึ คนที่มีนิสัยไม่ดี กลิ้งกลอก หลอกลวง ไม่มีความจริงใจ หน้าไหว้ หลังหลอก ต่อหน้าพูดดี ยกมือไหว้นอบน้อม แต่ลับหลังกลับพูดให้ร้าย พูดให้เกิดความเสียหาย คนแบบนี้ไม่ควรคบค้าสมาคม ด้วย

ตัวอย่าง :

แต่ละคนก็ย่อมจะมีด้านที่ไม่ดี นิสัยไม่ดี ซึ่งบางทีเพื่อนฝูง ก็อดไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงหรือนินทาลับหลังบ้าง พอหอมปาก หอมคอเพราะพูดต่อหน้าไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงกับพูดจาให้ร้ายอะไรมากมายนัก เป็นแค่ข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งต่างจากคน หน้าไหว้ หลังหลอก คนประเภทนี้ มักจะเป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคนไม่ดี อยู่แล้วต่อหน้าพูดจาดี ให้ความเคารพแต่ลับหลังกลับนินทาว่าร้ายคน ประเภทนี้ต้องระวังตัวให้ดี เพราะอาจพูดยุแหย่ให้ผิดใจกันได้ คบกับใครก็จะไม่มีความจริงใจ อยู่ต่อหน้าอีกคนก็อาจว่าร้าย อีกคนเสี้ยมให้ทะเลาะกัน

ความอิจฉาริษยาของคนเรา มักทำให้เกิดเรื่องไม่ดีตามมาเสมอหรือมักทำให้เกิดนิสัยไม่ดีตามมา เพราะความอิจฉาที่ผู้อื่น ได้ดีกว่าตน บางคนจึงมีนิสัยกลับกลอกคบไม่ได้ ต่อหน้าพูดดีแต่ลับหลังมักชอบพูดให้ร้ายเป็นพวก หน้าไหว้หลังหลอก เพราะ ความอิจฉา จึงมักจะพูดจาให้ร้ายคนอื่นจนติดเป็นนิสัยเห็นคนอื่นดีกว่าตนไม่ได้ รับไม่ได้ ไม่ยอม

เมื่อคู่สนทนาของเราพูดถึงบุคคลที่ 3 ด้วยคำพูดที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่คนนั้นก็ไม่เคยให้ร้ายหรือทำอะไรให้ผู้พูดได้รับความเดือด ร้อนหรือไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน คนพูดจาในลักษณะนี้ ต้องระวังเพราะมักจะเป็นคนไม่ดี หน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าพูดดี ลับ หลัง อาจพูดให้ร้าย ขนาดบางคนที่ไม่เคยมีปัญหากับตนเองมาก่อนหรือไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน แต่ยังพูดถึง คนนั้นในทางไม่ดี ก็ต้องชั่งใจ ระมัดระวังตนในการคบค้าสมาคมด้วย อาจนำความเดือดร้อนมาให้