กำลังตั้งตัว ถ้ามีงบประมาณ 5-6 หมื่นบาท และมีความจำเป็นจะต้องใช้รถ ก็มีทางเลือกหลายทาง เลือกมอเตอร์ไซค์ใหม่ จบไม่ต้องทำอะไร มอเตอร์ไซค์มือสองมีค่าซ่อมแต่มีเงินเหลือ หรือรถยนต์มือสองกรณีนี้งบบานปลาย ได้ความสะดวกสบาย แต่รายจ่ายเยอะที่สุด แต่ถ้าเอาทั้งสองอย่าง มีตัวเลือกต้นเดือนเงินมาก อยากสบายก็ใช้รถยนต์ ปลายเดือนเริ่มแย่ เงินเริ่มจะหมด ก็ใช้รถมอเตอร์ไซค์
การมีเงินในงบประมาณนี้ จะสามารถซื้อรถได้หลายแบบ ในบทความนี้ก็จะเป็นมุมมองส่วนตัวของผู้เขียน ที่กำลังมองหารถเอาไว้ใช้งาน เผื่อใครกำลังประสบปัญหาแบบเดียวกัน จะได้นำไปประยุกต์ใช้ได้ ตัวอย่างเช่น
การซื้อรถมอเตอร์ไซต์มือสอง
กรณีแรกนี้ มีเงินน้อยมาก อาจจะแค่ 1-2 หมื่น ก็หารถมือสองสภาพดีมาไว้ใช้ได้ เน้นรถเกียร์ธรรมดา ทนกว่า อย่าเลือกออโต้อาจจะมีค่าซ่อมหลักพัน ก็ค่อยๆ ซ่อมไปทีละจุดหรืออาจจะซ่อมใหญ่เลยเพื่อความมั่นใจ เป็นพาหนะพื้นฐานที่ช่วยให้สะดวกในการเดินทาง เพียงแต่ต้องรู้ว่าจะเดินทางไกล้ไกลแค่ไหน เส้นทางที่จะไปใช้มอเตอร์ไซต์สะดวกไหม แต่ละวันขับรถกี่กิโลเมตร จะได้เลือกรถให้เหมาะสมและประหยัดค่าน้ำมัน
สำหรับคันนี้ผู้เขียนซื้อมาไม่ถึงหมื่นบาท รวมค่าซ่อม ค่าตัวรถ ค่าน้ำมัน ภาษี พ.ร.บ ประกันภัย รวมค่าใช้จ่ายที่จดๆ เอาไว้ ก็เกือบ 4 หมื่นบาทแล้วในเวลาประมาณ 5 ปี มูลค่ารถยังเหลือประมาณ 10000 บาท เป็นราคาซื้อขายขณะนี้ ดังนั้นเงินที่หมดไปกับรถจริงๆ ในระยะเวลาประมาณ 5 ปีมานี้ก็ยังไม่เกิน 30,000 บาท
ถ้าเริ่มต้นด้วยการเลือกรถมือสองแบบนี้ งบประมาณ 5-6 หมื่นบาท ก็จะเหลือไม่น้อยกว่า 30000 กว่าบาท เก็บเงินต่อไปเรื่อยๆ ก็หาซื้อรถยนต์เพิ่มอีกสักคันในอนาคตได้สบาย เอาไว้ใช้ร่วมกัน ใช้รถยนต์เมื่อต้องเดินทางไกล ต้องรับส่งสมาชิกในครอบครัว หรือ การขนของชิ้นใหญ่
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมา
การมีรถมอเตอร์ไซค์มือสอง 1 คัน จะมีรายจ่ายต่อปีไม่มากนัก เช่น
1. ค่าน้ำมัน แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถก็คือ รถรุ่นนั้น กินน้ำมันกี่กิโลเมตรต่อลิตร และในแต่ละวันต้องขับรถวันละกี่กิโลเมตร ไปกลับที่ทำงาน หรือทำธุระต่างๆ ต้องคำนวณค่าน้ำมันต่อวัน ต่อเดือนให้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อ
2. ค่าภาษี พรบ ประกันภัย ประมาณ 500 บาทต่อปี
3. ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทาง
4. อุปกรณ์ตกแต่งรถ อุปกรณ์เสริมสำหรับรถ ในส่วนนี้แล้วแต่ความจำเป็น
สิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์มือสอง ไม่ว่ายี่ห้อ หรือ รุ่นใด ต้องดูศูนย์ให้บริการใกล้บ้าน พารถเข้าศูนย์ จะดีกว่าเข้าร้านซ่อมทั่วไป ค่าซ่อมถูกกว่า เพราะมักจะมีการบวกเพิ่มราคาอะไหล่ที่แพงกว่าเข้าศูนย์ และบางทีก็ไม่มีอะไหล่แท้ อย่างน้ำมันเครื่องแพงกว่า แต่ไม่ได้คุณภาพ ผู้เขียนเลือก Suzuki เพราะเชื่อมั่นในเรื่องความทนทานของรถ และด้วยเหตุผลส่วนตัวในเรื่องคุณสมบัติของรถ เช่น
1. เครื่องยนต์ 125 CC มีกำลังเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล ข้ามจังหวัด ข้อเสียก็คือกินน้ำมัน แต่ใช้รถน้อยมากเดือนละประมาณ 150-200 กิโลเมตรเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาเรื่องค่าน้ำมัน
2. มีระบบบาลานซ์เครื่องยนต์ เครื่องไม่สั่น การขับทางไกล มือไม่ชามาก แม้จะบิดคันเร่งไว้ตลอดเวลา
3. น้ำหนักตัวรถ และตัดลมดี ทรงตัวดี รถค่อนข้างนิ่ง ขับทางไกลจะไม่ค่อยเหนื่อยมาก
ซื้อรถมอเตอร์ไซต์ใหม่
ในงบประมาณ 5-6 หมื่นบาท การซื้อรถมอเตอร์ใหม่ ของใหม่จะใช้งานได้อย่างสบายใจ แม้ราคาจะสูง แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียข้างทาง เน้นยี่ห้อนิยม หรือ ยี่ห้อ รุ่นที่มีความทนทาน มีศูนย์บริการใกล้บ้าน ดูในเรื่องอัตราการกินน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ระยะทางการเดินทางในแต่ละวัน แนวทางนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีภาระต้องดูแลใคร แต่ดูแลรถให้ดี เน้นสภาพเดิม เพื่อให้ใช้งานได้นานๆ
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมา
รถใหม่ ประหยัดในเรื่องค่าซ่อม หากดูแลดี อย่างน้อยเข้าศูนย์ตามกำหนด ในระยะเวลา 5 ปี ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน แต่ก็มีรายจ่ายเหมือนกัน เช่น
1. ค่าน้ำมัน แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อรถก็คือ รถรุ่นนั้น กินน้ำมันกี่กิโลเมตรต่อลิตร และในแต่ละวันต้องขับรถวันละกี่กิโลเมตร ไปกลับที่ทำงาน หรือทำธุระต่างๆ ต้องคำนวณค่าน้ำมันต่อวัน ต่อเดือนให้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อ
2. ค่าภาษี พรบ ประกันภัย ประมาณ 500 บาทต่อปี
3. ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทาง
4. อุปกรณ์ตกแต่งรถ อุปกรณ์เสริมสำหรับรถ ในส่วนนี้แล้วแต่ความจำเป็น
การซื้อรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ ให้หลีกเลี่ยงการดาวน์น้อยๆ หรือ ฟรีดาวน์ เพราะจะมีค่าผ่อน รวมดอกเบี้ยแพงมาก อาจจะซื้อรถรุ่นนั้นได้ถึง 2 คันเลยทีเดียว การผ่อนก็ดีอย่าง จะมีเงินเหลือ เก็บต่อไปเรื่อยๆ ก็หารถยนต์มือสองเพิ่มอีกคันได้สบาย เอาไว้สลับกันใช้ เผื่อเดินทางไกล ขนของ พาสมาชิกในบ้านไปกันหลายคน ก็ใช้รถยนต์ เดินทางคนเดียวเน้นประหยัด ก็ใช้รถมอเตอร์ไซค์
การซื้อรถใหม่ สิ่งสำคัญก็คือ ควรเน้นรถตลาดเอาไว้ก่อน ถ้าหากว่าในอนาคต อาจจะขาย เปลี่ยนรถ อย่ายุ่งกับรถยี่ห้อไม่นิยม เวลาขายราคาไม่ตกมาก และปัญหาน้อย เน้นรักษารถให้อยู่ในสภาพเดิม เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเข้าศูนย์ตามกำหนด หรือตามและระยะทางในแต่ละเดือน ทำได้ตามนี้ รถจะมีอายุการใช้งานหลักแสนกิโลเมตรแน่นอน
ซื้อรถยนต์มือสองในงบประมาณ 5-6 หมื่นบาท
ในงบประมาณ 5-6 หมื่น รถยนต์มือสอง โดยเฉพาะรถเก๋ง มีหลายรุ่นให้เลือก เช่น Honda City, Toyota Soluna, Toyota Altis โดยเน้นรถที่มีคุณสมบัติต่อไปนี้เป็นลำดับแรก
1. ตัวอย่างรถมือสอง รถเก๋งราคาไม่แพง อยู่ในงบประมาณไม่เกิน 6 หมื่นบาท
2. ให้ทำความเข้าใจตัวเองให้ดีเสียก่อน ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ เช่น
- มีความจำเป็นจะต้องใช้รถยนต์มากน้อยแค่ไหน เช่น มีพ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลานป่วย หรือต้องเดินทางไกล ใช้มอเตอร์ไซต์ไม่ไหว กรณีนี้ก็ควรซื้อ
- มีเงินเหลือสำหรับค่าซ่อมหรือไม่ เตรียมงบไว้อีกประมาณ 2-3 หมื่น ซ่อมแบบเต็มที่ ก็จะได้รถที่มีความสมบูรณ์สามารถใช้งานได้ - ค่าน้ำมัน ขับทุกวันจะเป็นเงินประมาณเท่าไร ต้องคำนวณให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์
3. ศึกษาคุณสมบัติของรถยนต์ เช่น
- ปัญหาน้อยที่สุด ค่าบำรุงรักษาน้อยที่สุด เวลาเสียซ่อมง่าย เข้าอู่ทั่วไปได้ เน้นรถเกียร์ธรรมดาหากต้องการความประหยัดในการซ่อม การดูแล
- เน้นยี่ห้อยอดนิยม หาอะไหล่ง่าย และต้องซื้อะไหล่เอง จะช่วยประหยัดเงินไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
- น้ำมันที่ใช้รองรับแบบใด เบนซิน แก๊สโซฮอลล์ 91 หรือ 95 เป็นต้น
- รถรุ่นนั้น กินน้ำมันมากน้อยเพียงใด ในเมือง นอกเมือง กี่กิโลเมตรต่อลิตร ระยะทางที่ต้องเดินทางไปกลับในแต่ละวันกี่กิโลเมตร จะต้องคำนวณเป็นจำนวนเงินออกมาให้ได้ ก่อนจะซื้อรถ
ในงบประมาณ 5-6 หมื่นบาท ต้องเน้นเลือกรถที่ขายต่อง่ายๆ เครื่องยนต์เล็ก 1300-1500 cc ก็พอ เมื่อเก็บเงินได้มากขึ้น อยากขายต่อ ซื้อคันใหม่จะขายต่อง่าย การซื้อรถเครื่องยนต์ใหญ่กินน้ำมัน เช่น Honda Accord, Camry, Cefiro เป็นรถดีแต่จะเสียเงินโดยใช่เหตุ เพราะสุดท้ายรถจะรักเจ้าของมากกกกกก ขายไม่ออก ขายออกก็ขาดทุนมาก รถราคาไม่แพง แต่ซื้อมาแล้วขับไม่ได้ ค่าน้ำมันแพง เงินก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว จะยิ่งไปกันใหญ่ ขายต่อก็ไม่ได้ ยุ่งเลยคราวนี้ กำลังตั้งตัวต้องเลือกรถให้เหมาะสมกับกระเป๋าตัวเอง
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมา
การมีรถยนต์ 1 คัน แม้จะเป็นรถเก่าราคา 5-6 หมื่น หรือถูกกว่านี้ก็ตาม แต่ค่าใช้จ่าย ไม่ได้ลดลงไปตามราคารถ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายหลักๆ ตามนี้
1. ค่าน้ำมัน ต้องคำนวณ เรื่องนี้สำคัญมาก ให้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อรถ ตัวอย่างเช่น Honda City Type ปีประมาณ 1997-2002 กินน้ำมัน 10 กิโลลิตรในเมือง น้ำมันราคาลิตรละ 35 บาท คิดเป็นเงินกิโลเมตรละ 3.5 บาท ขับรถไปทำงานวันละ 50 กิโลเมตร รวมเป็นเงินค่าน้ำมันต่อวัน 50 x 3.5 = 175 บาท ถ้าทำงาน 25 วันต่อเดือน รวมเป็นเงินค่าน้ำมัน 25 x 175 = 4,375 บาท เป็นต้น
2. คำนวณค่าภาษีประจำปี พ.ร.บ. ประกันภัยทั้งปี รวมเงินแล้วหาร 12 เดือน นำไปรวมกับค่าน้ำมันอีก 4,375 บาท
3. ค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางทุก 10,000 กิโลเมตร รวมเงินแล้วหาร 12 เดือน นำไปรวมกับค่าน้ำมันอีก 4,375 บาท
4. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น การปรับแต่งรถ ใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ
หากพบว่า มีรายจ่ายค่อนข้างมาก และรับไม่ไหว แต่ก็มีความจำเป็นต้องใช้รถ ก็หาซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมาไว้ใช้ก่อน เก็บเงินเพิ่มให้ได้มากพอ ก็ซื้อรถยนต์เพิ่มอีกคัน เอาไว้สลับกันใช้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ เน้นรถที่ประหยัดน้ำมัน ตลาดนิยม และขายต่อง่ายๆ เท่านั้น
การซื้อทั้งรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซต์
การซื้อทั้งสองประเภททั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซต์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้รถยนต์บ้าง แต่อาจจะไม่บ่อย อาจจะพาพ่อแม่ ลูกหลาน ไปทำธุระ ไปโรงพยาบาล หรือต้องเดินทางไกลกลับบ้านข้ามจังหวะ และสถานที่ทำงานอยู่ไม่ไกล ใช้มอเตอร์ไซค์ได้
1. กรณีนี้ก็มีรถมอเตอร์ไซต์ราคาไม่ถึง 10,000 หลายรุ่นให้เลือก ใช้งบซ่อมบำรุงอีกหลักพันบาท ก็ใช้งานได้ แต่เน้นยี่ห้อ และรุ่นที่มีความทนทาน
2. นำเงินบางส่วนไปซื้อรถยนต์มือสองที่อาจจะมีปัญหา หรือเจ้าของไม่ค่อยดูแล เน้นสภาพเดิมๆ ไม่ปรับแต่ง เจ้าของอาจจะขายในราคาไม่แพง สภาพอาจไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่สามารถซ่อมได้ โดยเลือกรถที่มีสภาพตัวถังดี สีดี เครื่องยนต์ดี ส่วนอื่นอาจจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ คำนวณค่าซ่อมให้ดี วิธีนี้จะช่วยประหยัดเงินได้มาก อย่างซื้อรถมา 30000 บาท ซ่อมเต็มที่ไม่เกิน 30000 รวม 60000 ได้รถดีไว้ใช้งานก็ถือว่าคุ้ม แต่สิ่งสำคัญก็คือ ต้องหาซื้ออะไหล่เอง และหาอู่เล็กๆ เหมาค่าซ่อม วิธีนี้ค่าซ่อมจะไม่แพง เพราะอู่บวกเพิ่มราคาอะไหล่ไม่ได้
3. รถกระบะมือสองราคาแพงกว่ารถเก๋งมือสอง อาจจะเก็บเงินต่ออีกหน่อย เน้นรถกระบะ ที่สามารถบรรทุก ขนของได้ การนำรถไปซ่อมหลายวัน อาจจะยกรถมอเตอร์ไซต์ติดไปด้วยได้ เวลากลับไม่ลำบาก ใช้งานคู่กันได้ดีกว่ารถเก๋ง แต่สิ่งสำคัญก็เช่นเดียวกัน ต้องเน้นรถยี่ห้อตลาดนิยม ขายต่อง่าย
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมา
การเลือกซื้อทั้งรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซค์ จะเป็นตัวเลือกที่ดี มีตัวช่วยประหยัดน้ำมันก็คือ การสลับกันใช้งาน รถยนต์บ้าง มอเตอร์ไซค์บ้าง แต่จะมีรายจ่ายทั้งค่าน้ำมัน ภาษี พ.ร.บ ประกันภัย ค่าซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้ง 2 คัน แต่มอเตอร์ไซค์ก็ยังมีรายจ่ายน้อยกว่า รวมถึงหากเน้นใช้งานมอเตอร์ไซต์เป็นหลัก ในฝั่งรถยนต์ ก็จะมีค่าใช้จ่ายนอนลง
สรุป
บทความนี้ก็หวังว่า คงจะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ เพิ่งจบ เริ่มทำงาน กำลังตั้งตัว หรืออยากจะใช้รถให้คุ้ม ไม่อยากเสียเงินกับรถให้มากเกินไป อยากจะได้รถไว้ใช้งาน การเริ่มต้นกับรถมือสองจับคู่กันแบบนี้ มีข้อดีก็คือ มีเงินเหลือ ก็นำเงินส่วนนั้นไปหาช่องทางลงทุน เพื่อสร้างตัวให้เร็วขึ้น
แต่สิ่งสำคัญ การซื้อรถมอเตอร์ไซค์มือสอง หรือ รถยนต์มือสอง อย่าเลือกรถที่เก่าเกินไป อย่ายุ่งกับรถคลาสิก รถที่ตลาดไม่นิยม ห้ามอย่างเด็ดขาด จะเสียเวลาในการซ่อม การหาอะไหล่ และรถอาจจะไม่สามารถใช้งานได้ในชีวิตจริง ซ่อมไม่จบ
กำลังตั้งตัว เริ่มทำงาน เน้นผ่อนรถใหม่ เงินจะเหลือน้อย หรือไม่เหลือเลย กว่าจะตั้งตัวได้ ยากกว่า ช้ากว่าคนอื่น เพราะเงินหมดไปกับรถใหม่ คนเราจะรวยเร็วกว่าคนอื่น ถ้าพยายามนำเงินที่หามาได้ไปลงทุน ให้เกิดดอกผล ยังไม่ต้องรีบใช้เงินเพื่อสร้างความสุขสบายให้ตัวเอง อย่างการซื้อรถใหม่ เป็นแสนหรือหลักล้าน