ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนผี ผีไม่มีศาล ไม่มีที่สิงสถิตย์ ไม่มีบ้านอยู่ เร่รอนไปเรือยๆ คนแบบนี้ในเมืองไทยมีอยู่ไม่น้อย ตะลอนอยู่ตามอุทยานแห่งชาติ หนีร้อน
ตัวอย่าง :
การทำตัวเป็นคนเร่รอนในเมืองไทย สามารถทำได้ ทำตัวเป็น ผีไม่มีศาล ไม่ต้องมีบ้านให้เป็นห่วง หารถตู้สักคันมาตกแต่งเป็นบ้านเคลื่อนที่ ก็สามารถตะลอนไปได้ทั่วประเทศ พักอยู่ตามอุทยานแห่งชาติ ซึ่งบางคนก็ทำบ้านไว้รองรับเพื่อนฝูง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีบ้านสักช่วงเวลาหนึ่ง
การมีบ้าน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการมีบ้านมีที่ดิน มีประโยชน์หลายด้าน ช่วยลดรายจ่ายเรื่องค่าเช่าบ้าน หากมีพื้นที่รอบบ้านก็จะสามารถปลูกพืชผักไว้เป็นอาหารได้ ช่วยประหยัดค่าอาหารได้อีกเช่นกัน ก็จะได้รับความน่าเชื่อถือ ดังนั้นเมื่อได้ทำงาน มีรายได้ สิ่งแรกที่ควรคิดถึงก็คือ บ้าน อย่าทำตัวเป็น ผีไม่มีศาล เหมือนคนไม่มีบ้าน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เพราะการมีบ้านนั้น เป็นทรัพย์สินที่มีราคาเพิ่มขึ้นทุกปี ปล่อยให้เช่าได้ หรือจะขายทำกำไรก็ได้
ในทางพุทธศาสนาเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ตายแล้วหากยังไม่ได้ไปเกิด ก็จะเป็นผี เป็นวิญญาณแร่รอน เป็นผีไม่มีบ้าน ผีไม่มีศาล ลำบากเรือง เพราะมีความหิวโหย เนื่องจากเมื่อครั้งที่มีชีวิตอยู่นัน ไม่ได้ทำบุญสร้างกุศลไว้ และไม่มีใครทำบุญไปให้ จึงได้รับความลำบาก เรื่องนี้พิสูจน์ได้ แต่อย่าไปถามใน pantip, เฟสบุ๊ค หรือ Youtube ให้ตามหาพระธุดงค์สายปฏิบัติ แล้วไปขอฝึกวิชาจากพระเหล่านี้ ก็จะพบความจริงด้วยตัวท่านเอง