ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการดิ้นรนต่อสู้ครั้งสุดท้าย เป็น เฮือกสุดท้าย เป็นการ หายใจเฮือกสุดท้าย เพื่อลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง ชี้เป็นชี้ตาย ตัดสินความอยู่รอด หากสามารถทำได้สำเร็จ ก็จะหมายถึงผลประโยชน์หรือสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต ทำให้ชีวิตดีขึ้น

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือในเรื่องที่ได้เกิดขึ้น เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อาจจะไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเพราะกลัวจะนำความเดือดร้อนมาให้ตนเองหรือเพราะเห็นว่าเป็นพวกเดียวกันจึงแกล้งปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่สนใจ ทำอย่างแนบเนียนคนอื่นก็ตำหนิตนเองไม่ได้

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงพฤติกรรมหรือการกระทำที่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองเหมือนการ เอามือซุกหีบ แล้วอาจจะโดนฝาหีบปิดทับลงมาย่อมจะสร้างความเจ็บปวด มืออาจจะติดดึงไม่ออก โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ซุกซนซึ่งมักจะทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวโดยคาดไม่ถึง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือแม้จะเป็นผู้ใหญ่ก็ตาม บางครั้งก็อาจจะทำบางอย่างที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว หาเรื่องใส่ตัว

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการแสดงออกแสดงความคิดเห็น แสดงความรู้ที่ไม่ฉลาดนักออกมา ท่ามกลางกลุ่มคนที่เก่งกว่าตนเอง ทั้งๆ ที่ยังมีความรู้ไม่มาก แต่บังอาจไปแสดงความไม่ฉลาดของตัวเองออกมา อย่างการ เอามะพร้าวมาขายสวน มะพร้าว ซึ่งคนทำสวนมะพร้าวย่อมมีความรู้ดีกว่า จะไปพูดอะไร แนะนำว่ามะพร้าวของตัวเองมีข้อดีข้อด้อยอย่างไร อีกฝ่ายก็ย่อมจะดูออก เพราะมีความรู้มากกว่า

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงการนำสิ่งที่ดีมีประโยชน์อย่างพิมเสน หรืออาจจะเป็นของมีค่าอย่างอื่นก็ตามแต่ ไปแลกกับสิ่งที่ด้อยค่ากว่า อย่างการ เอาพิมเสนไปแลกเกลือ ซึ่งบางครั้ง อาจถูกหลอกให้ทำเช่นนั้น หรือกระทำลงไปโดยไม่มีความรู้ บางคนไม่รู้ว่าสิ่งของที่ตัวเองครอบครองอยู่นั้นมีค่ามากเพียงใด จึงนำไปแลกกับบางสิ่ง ที่มีค่าน้อยกว่าโดยไม่รู้ตัว