ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงคนที่ทำงานหนักมากหรือทำกิจกรรมบางอย่าง จนเหงื่อออกท่วมตัวเหมือน อาบเหงื่อต่างน้ำ อาบน้ำด้วยเหงื่อของตัวเอง ทำงานหนักมากจริงๆ หรืออาจจะมีเหงื่อออกเพราะสาเหตุอื่นก็ได้

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงความรู้ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดอย่างเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเช่นกัน คนที่เคยผ่านมาก่อนหรือ อาบน้ำร้อนมาก่อน ก็ย่อมมีความรู้มากกว่า และมองออกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างจากการกระทำในเรื่องนั้น ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาดีหรือไม่ดี ย่อมจะมองออกและอาจหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายตามมาได้

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดถึงวิธีใช้เงินของคนเราบางครั้งก็เป็นไปในลักษณะ อัฐยายซื้อขนมยาย คนที่ให้เงินเรามานั้น เราก็นำเงินที่ได้ไปซื้อสิ่งของ ซื้อสินค้าของคนผู้นั้น คนที่ให้เงินก็จะได้เงินของตัวเองกลับคืนไป ส่วนคนซื้อก็ไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลย

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้สอนเรื่องการคบคน อย่าไว้ใจคน อย่าไว้ใจผู้อื่นเชื่อใจผู้อื่นมากจนเกินไปนัก เพราะอาจสร้างปัญหาใหญ่หลวงตามมา จนหาทางออกไม่ได้ อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคนจะจนใจเอง ซึ่งเรื่องแบบนี้ ก็อาจเกิดกับบางคนโดยเฉพาะในเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง การหยิบยืมทรัพย์สินเงินทองหรือผลประโยชน์ แล้วไม่ยอมคืน ซึ่งมักจะกลายเป็นปัญหาที่สร้างความปวดหัวมากที่สุด

ความหมาย : สำนวนนี้มักจะใช้พูดเพื่อเตือนสติ ในการกระทำบางอย่างที่อาจนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง อย่างการมีปัญหาทะเลาะวิวาทหรือขัดแย้งกับผู้ใดก็ต้องดูให้ดีว่าคุ้มหรือไม่ ที่จะลดตัวไปทะเลาะด้วย อย่าเอาทองไปลู่กระเบื้อง อย่าลดตัวไปมีเรื่องกับคนไม่ดี ทองนั้น มีราคามากกว่ากระเบื้อง แต่ความแข็งน้อยกว่า หากกระทบกระทั่งกัน ก็จะเป็นทองที่จะเกิดความเสียหายมากกว่า เช่นเดียวกัน หากไปมีเรื่องกับคนไม่ดี ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองได้รับความเสียหายหรือเสื่อมเสีย มากกว่า