สำหรับใครที่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ เน้นรถเก๋ง ในปี 2566 นี้ ด้วยงบประมาณ 50,000-70,000 บาท ก็มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ บทความนี้ก็จะมาแชร์ประสบการณ์จากการเคยซื้อ ซ่อม การใช้งาน และขายต่อ มีอะไรบ้างที่ควรจะต้องรู้ โดยเฉพาะคนที่เน้นใช้งานในระยะเวลาสั้นๆ จะได้ไม่ผิดพลาด เพราะรถเก่านั้นมีแต่เสียกับเสีย เสียเงิน เสียเวลาซ่อม เสียอารมณ์เวลารถเสีย
ในงบประมาณนี้ รถเก๋งมือสอง ก็มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ สำหรับใครที่มีความจำเป็นต้องใช้รถ อย่างผู้เขียน ช่วงนี้ก็มีเหตุให้ต้องใช้รถ เผื่อการเดินทางมาทำธุระต่างจังหวัด เป็นความจำเป็นที่ยากจะหลีกเลี่ยง จึงมองรถราคาแค่นี้ก็พอแล้ว เพราะเมื่อหมดภาระที่ต้องดูแลก็จะขายทิ้ง ในระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี นี้รถเก่าเหล่านี้ใช้งานได้สบายๆ จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องไปซื้อรถที่แพงกว่านี้ ให้เสียเงินเปล่าๆ
ตัวอย่างรถเก๋งมือสองที่ลงประกาศขาย
สำหรับรถเก๋งมือสองที่ลงประกาศขายมีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น แต่ตัวเลือกมีไม่มาก จึงเลือกไม่ยากเลย โดยเน้นรุ่นที่ยังหาอะไหล่ได้ง่าย ขายต่อง่าย หรือจะเก็บไว้ใช้ต่อ ก็ไม่จุกจิกอะไรมาก เว็บไซต์ซื้อขายรถมือสองมีหลายที่ ผู้เขียนได้เข้าไปสำรวจที่ kaidee.com
วิธีค้นหาข้อมูลรถมือสองผ่านมือถือ
1. ตัวอย่างการค้นหาข้อมูลรถมือสองผ่านมือถือที่เว็บไซต์ kaidee.com ให้เปิดแอป Chrome
2. แตะและพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ kaidee.com แล้วแตะ ->
3. แตะ ยอมรับ คุกกี้
4. จะเข้าหน้าเว็บไซต์ kaidee แตะ รถมือสอง
5. ค้นหารถมือสอง ราคาประมาณ 50,000 - 70,000 บาท โดยแตะ ตัวกรองรถ
6. ค้นหาข้อมูลรถ โดยแตะเลือกค่าต่างๆ เช่น
- ยี่ห้อรถ เช่น Honda, Toyota
- ประเภทรถ เก๋ง กระบะ ตู้ MPV
- ปีรถ ตั้งแต่ปี ... ถึง ปี ...
- จังหวัด
- ราคา ตั้งแต่ราคา ... ถึง ... บาท
- เลขไมล์ รถ
- สีรถ
- เชื้อเพลง ดีเซล เบนซิน
- แก๊ส
7. ตัวอย่างการค้นหาตามประเภทรถ เลือกรถเก๋ง
8. ตัวอย่างการค้นหาตามราคารถ เลือก ราคาต่ำสุด 0 และ ราคาสูงสุด 70,000 บาท แล้วแตะ ตกลง
9. ในผลการค้นหา แตะเลือกรถที่ต้องการ เช่น คันนี้ 55,000
10. แตะเลื่อนบนล่าง ซ้ายขวา ดูรายละเอียด แล้วย้อนกลับไปดูในผลการค้นหาอีกครั้ง เพื่อดูคันอื่นๆ ต่อไป
รถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย
รถราคาประมาณ 50,000 - 70,000 มีหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ก็จะมาแชร์ประสบการณ์และความรู้จากที่เคยใช้รถบางรุ่น เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจ โดยแยกเป็นกลุ่ม รถเครื่องยนต์ใหญ่ 2000 CC ขึ้นไป / 1600-1800 cc ต่ำกว่า 1600 CC
รถเครื่องยนต์ใหญ่ 2000 CC ขึ้นไป
รถเก๋งเครื่องยนต์ใหญ่ 2000 CC ขึ้นไป ตัวอย่างรถกลุ่มนี้ เช่น Honda Accord, Toyata Camry, Volvo, Nissan Cefiro
หากแยกแยะไม่ออก เพราะไม่คุ้น หรือ เกิดไม่ทันก็ดูที่ตัวเลข CC เช่น 2.0 ก็คือ 2000 CC หรือ 2.2 ก็คือ 2200 cc
ข้อดีของรถประเภทนี้
1. แสดงออกถึงความมีหน้ามีตา ขับแล้วดูดี มีสกุล ในอดีตเมื่อยังเป็นรถใหม่ จึงเหมาะสำหรับคนรวย คนทำงานระดับสูง บริษัทมีค่าน้ำมันให้ คนมีเงิน
2. การทรงตัวดี ตัวถังแข็งแรง ปลอดภัยยามเกิดอุบัติเหตุ
3. นั่งสบาย เดินทางไกล ขับรถทางไกล ไม่ปวดเมื่อย
4. เครื่องใหญ่ แรงดี เร่งแซง ขึ้นเขาลงเขา ไปไหนสบาย
ข้อเสียของรถประเภทนี้
1. รถเหล่านี้ดูดี เสริมภาพลักษณ์สำหรับเจ้าของ แต่คนไม่มีเงินทองมากพอ ไม่ควรไปยุ่ง เพราะแม้จะเป็นรถเก่าราคาถูก แต่ค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าน้ำมัน กลับแพงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการซ่อม ก็ไม่ได้ถูกลง เช่นกัน ราคารถถูกลงอย่างเดียวเท่านั้นเอง
2. กินน้ำมันมาก สมมุติถ้ารถกินน้ำมันประมาณ 5-7 กิโลเมตรต่อลิตร
3. สมมุติว่า รถคันนั้นใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 91 ลิตรละ 35 บาท การกินน้ำมันก็จะอยู่ที่ 35 หาร 5 = 7 บาทต่อ 1 กิโลเมตร ถ้าขับรถไปกลับที่ทำงานวันละ 100 กิโลเมตร ก็จะต้องเติมน้ำมัน 100 คูณ 7 = 700 บาท วันต่อวัน พระเจ้าช่วย!!!
4. ซื้อมาแล้วขายต่อยาก เพราะค่าน้ำมันแพง ต้องคนใจรักจริงๆ เท่านั้น จึงจะซื้อ แล้วคนแบบนี้จะมีสักกี่คน รถเหล่านี้จึงไม่เหมาะสำหรับคนไม่มีเงิน
รถเครื่องยนต์1600-1800 cc
รถเก๋งเครื่องยนต์ใหญ่ 1600 CC-1800 cc ตัวอย่างรถกลุ่มนี้เช่น Honda Civic, Toyota Altis, mitsubishi Lancer, Toyota Corolla 1.6, Nissan Sunny Neo 1.6
ข้อดีของรถประเภทนี้
1. นั่งสบาย ผู้โดยสารนั่งเต็มคัน ก็มีกำลังแรงพอในการเดินทางไกล
2. กินน้ำมันน้อยกว่ารถใหญ่ เช่น Honda Civic 1.6 สมมุติว่า กินน้ำมัน 8 กิโลเมตรต่อลิตร
3. สมมุติว่า รถคันนั้นใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 91 ลิตรละ 35 บาท การกินน้ำมันก็จะอยู่ที่ 35 หาร 8 = 4.3 บาทต่อ 1 กิโลเมตร ถ้าขับรถไปกลับที่ทำงานวันละ 100 กิโลเมตร ก็จะต้องเติมน้ำมัน 100 คูณ 4.3 = 430 บาท วันต่อวัน
4. ซื้อมาแล้วขายต่อไม่ถึงกับยาก แต่หากค่าน้ำมันแพงขึ้นๆ ก็ไม่แน่ รถเหล่านี้จึงพอจะใช้งานได้ หากไม่มีปัญหาเรื่องเงิน และเน้นภาพลักษณ์อยู่บ้าง
ข้อเสียของรถประเภทนี้
1. การขายต่ออาจจะไม่ง่าย สำหรับรถบางยี่ห้อบางรุ่น จึงควรเน้นยี่ห้อและรุ่นยอดนิยมไว้ก่อน
2. รุ่นเครื่องยนต์ 1800 cc การกินน้ำมันก็จะมากขึ้น การขายต่อจึงอาจจะไม่ง่าย
รถเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1600 CC
รถยนต์ในกลุ่มนี้ราคาประมาณ 50,000-70,000 บาท จะมีเครื่องยนต์ตั้งแต่รุ่นเครื่องยนต์ 1300 cc - 1500 cc เช่น Honda City รุ่นแรก เครื่องยนต์ 1.3 / 1.5, Chevrolet Aveo 1.4, Toyota Soluna 1.5, Mitsubishi Lancer Ecar 1.5, Toyota Corolla 1.5,
ข้อดีของรถประเภทนี้
1. รถเล็กประหยัดน้ำมัน กินน้ำมันน้อยกว่ารถใหญ่ เช่น Honda City 1.5 สมมุติว่า กินน้ำมัน 12 กิโลเมตรต่อลิตร
3. สมมุติว่า รถคันนั้นใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 91 ลิตรละ 35 บาท การกินน้ำมันก็จะอยู่ที่ 35 หาร 12 = 2.9 บาทต่อ 1 กิโลเมตร ถ้าขับรถไปกลับที่ทำงานวันละ 100 กิโลเมตร ก็จะต้องเติมน้ำมัน 100 คูณ 2.9 = 290 บาท วันต่อวัน
4. ซื้อมาแล้วขายต่อง่ายกว่า และขาดทุนไม่มาก เงินเหลือมากกว่ารถใหญ่ ซึ่งขายยาก และ ราคาตกมาก
5. อะไหล่ราคาไม่แพงเหมือนรถใหญ่
ข้อเสียของรถประเภทนี้
1. การทรงตัวจะไม่ดี ไม่นิ่งเหมือนรถยนต์ใหญ่ แต่ก็สามารถปรับแต่งได้ ด้วยการเปลี่ยนโช้ค ยาง ดีๆ
2. ความมีหน้ามีตา อาจจะไม่เท่หรือรถใหญ่ อย่างพวก Accord, Camry ไม่มีหน้ามีตา แต่มีตังค์เหลือ เพราะประหยัดค่าน้ำมัน
แล้วจะเลือกคันไหนดี?
1. หากเป็นรถคันแรกในชีวิต หรือ คันแรกในบ้าน ก็เลือกรถเล็กเครื่องยนต์ 1300 - 1500 cc เอาไว้ก่อน เน้นรถที่ประหยัดน้ำมัน เพราะจะสามารถใช้งานได้ทุกวัน โดยไม่กังวลกับค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมัน เผื่อจะต้องขับรถไปทำงาน ใช้รถช่วยทำมาหากิน ส่งของ ขายของ ฯลฯ
2. ไม่เน้นรถที่มีระบบไฟฟ้า หรือ ระบบพิเศษอะไรมากนัก การมีอุปกรณ์มาก ก็จะหมายถึงค่าซ่อมในอนาคตที่จะตามมามาก
3. เน้นรถยี่ห้อยอดนิยมเท่านั้น เช่น Honda, Toyota รถยี่ห้อไม่นิยม แม้จะราคาจะถูก ก็ไม่ควรซื้อ อาจจะปวดหัวในภายหลัง ทั้งการซ่อม การหาซื้ออะไหล่ อู่เฉพาะ ปวดหัว และเสียเวลา
4. หาข้อมูลอะไหล่ก่อนจะซื้อรถ เช่น สอบถามร้านขายอะไหล่รถยนต์ในตัวเมือง มีอะไหล่ขายหรือไม่ ในการซ่อมก็เน้นไปซื้ออะไหล่เอง แล้วหาอู่ซ่อมให้เหมาค่าซ่อมอีกที วิธีนี้ประหยัดเงินกว่าแน่นอน ตัวอย่างผู้เขียนเคยเปลี่ยนวาล์วน้ำของ Honda City ราคาตามร้านอะไหล่ 550 อู่คิดค่า 1000 บาท เป็นต้น อะไหล่รถยนต์มีหลายชิ้นต้องเปลี่ยนดังนั้น โดนหนักแน่นอน หากไม่ซื้ออะไหล่เอง
5. เน้นรถสภาพเดิมๆ ไม่แต่ง ล้อแม็กยางใหญ่ อย่าไปยุ่ง อนาคตจะมีค่าเปลี่ยนยางที่แพงตามมา เลือกเจ้าของมีเงิน มีที่จอดรถ ก็จะถนอมรถมากกว่ารถวัยรุ่น วัยสร้างตัว มีเงินซ่อมบ้าง ไม่มีบ้าง รถจะไม่อยู่ในสภาพดีนัก
6. เลขไมล์รถสามารถปรับได้ ดังนั้นต้องดูภายในรถกับเลขไมล์ ควรจะไปด้วยกัน สภาพรถภายในค่อนข้างเก่า แต่เลขไมล์น้อยก็ดูจะเป็นเรื่องผิดปกติ
สรุป
รถยนต์แม้จะเป็นรถเก่า มือสอง อายุใช้งานนานหลายปี แต่หากได้มาแล้ว รู้จักซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ที่หมดสภาพ ให้หมด รถก็กลับมาสมบูรณ์สามารถขับได้ตามปกติ เพราะอะไหล่ที่เปลี่ยนเป็นของใหม่ ของแท้ แต่ที่รถเก่ามีปัญหาอย่างที่หลายคนกลัว ก็คือ ซ่อมไม่เป็น ซ่อมตามอาการ ขับไปซ่อมไป แบบนั้นไม่จบแน่ ตัวอย่างเช่น การซ่อมระบบระบายความร้อน หม้อน้ำ ก็จะมีชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็คือ หม้อน้ำต้องล้าง ฝาหม้อน้ำต้องเปลี่ยน วาล์วน้ำก็ต้องเปลี่ยน ปั๊มน้ำควรถอดมาตรวจสอบด้วย หากต้องการความมั่นใจก็เปลี่ยนให้หมด นี่เป็นตัวอย่างการซ่อมทั้งระบบ รถก็จะไม่มีปัญหา
ตัวอย่างเช่น การซ่อมระบบระบายความร้อน หม้อน้ำ ก็จะมีชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็คือ หม้อน้ำต้องล้าง ฝาหม้อน้ำต้องเปลี่ยน วาล์วน้ำก็ต้องเปลี่ยน ปั๊มน้ำควรถอดมาตรวจสอบด้วย หากต้องการความมั่นใจก็เปลี่ยนให้หมด นี่เป็นตัวอย่างการซ่อมทั้งระบบ รถก็จะไม่มีปัญหา แต่หลายคนไม่ซ่อมแบบนี้ อาจจะซ่อมแค่บางจุด เช่น วาล์วน้ำเสีย ก็เปลี่ยนแค่นั้น ไม่ดูปั๊มน้ำด้วย ประเดี๋ยวก็ได้ซ่อมกันอีก เสียเงินหลายรอบ กับค่าแรงช่าง แทนที่จะทำครั้งเดียว