บทความนี้จะมาแนะนำวิธีตรวจดูระบบระบายความร้อน หรือระบบหม้อน้ำของรถยนต์มือสองก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อประมาณค่าซ่อมเบื้องต้น เช่น ดูท่อน้ำ หม้อน้ำ น้ำในหม้อน้ำ รอยรั่ว คราบน้ำ คราบของเหลวต่างๆ ตามข้อต่อ หรือ ชิ้นส่วนที่น้ำไหลผ่าน เพื่อระบายความร้อน นอกจากนี้หากรู้ถึงสภาพของระบบหม้อน้ำ หากตัดสินใจซื้อ จะได้รู้ว่า ควรจะขับแบบใด ในช่วงแรก หรืออย่างน้อยก็ขับรถกลับบ้านให้ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
รายการอะไหล่ ชิ้นส่วนเกี่ยวกับระบบหม้อน้ำ
การดูน้ำในหม้อน้ำและหม้อพัก ก็พอจะบอกรายละเอียดของระบบระบายความร้อนได้ว่า ข้างในมีอะไรบ้าง ที่น่าจะต้องทำ ต้องซ่อมบ้าง ซึ่งชิ้นส่วนทั้งหมดที่มีโอกาสต้องเปลี่ยนเช่น
1. ฝาหม้อน้ำ สภาพเน่าๆ แบบนี้ ถ้าสปริงเสีย หรือ ขึ้นสนิมมากแล้ว ก็ต้องเปลี่ยน ราคา 100 กว่าบาทขึ้นไป
2. น้ำในหม้อน้ำ สีสนิมแบบนี้ ต้องล้างหม้อน้ำ แต่หากอุดตันเกินกว่าจะซ่อมได้ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนประมาณ 4000 บาทขึ้นไป
3. ท่อน้ำหากแตก มีคราบน้ำเคยรั่วซึม ก็ต้องเปลี่ยน
4. วาล์วน้ำ จะอยู่ภายในกระปุกหน้าตาแบบนี้ หากน้ำในหม้อน้ำ ฝาหม้อน้ำขึ้นสนิมแล้ว วาล์วน้ำ ก็ไม่น่ารอด ควรเปลี่ยนทั้งหมด
5. ปั๊มน้ำ ถ้าน้ำในหม้อน้ำ ฝาหม้อน้ำ ปั๊มน้ำขึ้นสนิม หรือหมดสภาพการใช้งานแล้ว ปั๊มน้ำ ก็ไม่น่ารอด อาจจะผุ กรอนในลักษณะนี้ ซึ่งการไหลเวียนของน้ำเพื่อระบายความร้อน ก็ย่อมจะทำได้ไม่ดี เพราะใบพัดผุมากแล้ว
7. น้ำยาฟรีปั๊มหรือน้ำยาเพิ่มความหนืดให้พัดลม สำหรับรถที่ใช้พัดลมหน้าเครื่องแบบนี้ เช่น รถกระบะรุ่นเก่า
8. หม้อพักน้ำสำรอง ไม่แตก ไม่รั่ว จะเป็นที่พักน้ำสำรอง
9. น้ำยาเติมหม้อน้ำ หรือคูลแล้น เติมในหม้อน้ำเพื่อป้องกันสนิมในระบบหม้อน้ำ
ระบบระบายความร้อน หม้อน้ำ หรือหล่อเย็น
ระบบระบายความร้อน หม้อน้ำ หรือหล่อเย็น เป็นระบบที่สำคัญที่ช่วยระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ ส่วนนี้ดูไม่ยากว่าจะมีรายการซ่อมชุดใหญ่ตามมาหรือไม่ โดยดูที่สีของน้ำในหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ นั่นเอง
1. ดูรูปถ่ายหม้อน้ำ ให้เปิดฝา ดูข้างในหากมีตะกรัน น้ำในหม้อน้ำเป็นสีแดง สีสนิม ก็ต้องล้างหม้อหน้ำค่าใช้จ่ายหลักร้อยบาท หากหม้อน้ำรั่ว ตัน อาการหนักถึงขั้นต้องเปลี่ยนใหม่ มีรายจ่าย 4,000 บาทขึ้นไป
2. หม้อพักน้ำ สีออกแดง เป็นสีของสนิม แสดงว่า หม้อน้ำอาจมีปัญหาแล้ว ข้างในผุมีสนิม หรือชิ้นส่วนอื่นอย่างวาล์วน้ำ
3. ข้อต่อ ท่อน้ำตัวนี้อนาคตจะมีปัญหา มีคราบน้ำที่รั่วออกมา เป็นตำแหน่งของวาล์วน้ำ หาข้อมูลค่าซ่อม เพราะต้องเปลี่ยนทั้งวาล์วน้ำและหัวท่อต่อ เป็นท่อจากหม้อน้ำเข้าเครื่องยนต์ ซึ่งจะมีวาวล์น้ำทำหน้าที่เป็นประตูเปิดหรือปิดน้ำ วาล์วน้ำประมาณ 500 บาทขึ้นไป
4. ดูท่อต่างๆ ต้องไม่มีแตกหรือรั่ว หากแตกหรือรั่วกรณีเป็นคราบสีขาวแบบนี้จะเป็นนี้ จุดนี้มีท่อน้ำรั่ว 1 จุด คอท่อก็มีปัญหา ต้องเปลี่ยนด้วย
5. ดูฝาหม้อน้ำ หากมีคราบสนิมสีแดง สปริงกดแล้วไม่ยุบ จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ ประมาณ 100 กว่าบาทขึ้นไป
6. ส่วนรถที่เติมน้ำยากันสนิมในหม้อน้ำ น้ำสีเขียว ก็จะป้องกันชิ้นส่วนภายในเป็นสนิม หม้อน้ำก็ไม่เป็นสนิม กรณีนี้ สบายใจในระดับหนึ่ง แต่หากไม่มีการเติมน้ำยา รับรองว่าข้างในเป็นสนิมแน่นอน วาล์วน้ำ ปั๊มน้ำ ต้องเปลี่ยน
7. ปั๊มน้ำ ต้องเปลี่ยนหรือไม่ ให้ดูที่สีน้ำในหม้อน้ำ สภาพหม้อน้ำ หากฝาหม้อน้ำ หม้อน้ำ มีสนิม วาล์วน้ำผุ ขึ้นสนิม ตัวปั๊มน้ำ ก็ไม่น่ารอด จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งระบบ
8. การดูว่าเครื่องยนต์นั้นมีความสมบูรณ์เพียงใด ให้ดูฟองน้ำในหม้อน้ำ แต่ก็ต้องดูว่าเจ้าของจะยินยอมหรือไม่ โดยก่อนอื่นให้เปิดฝาหม้อน้ำไว้ก่อน แล้วโดยสตาร์ตเรื่องทิ้งไว้จนเครื่องร้อน จากนั้นก็ดูว่า มีฟองน้ำผุดขึ้นมาจากหม้อน้ำหรือไม่ หากมีฟองน้ำก็แสดงว่า เครื่องเริ่มไม่ดีแล้ว อาจจะเคยมีปัญหาความร้อนมาก่อน