สำหรับปี 2566 นี้ มือถือแอนดรอยด์รุ่นเก่ามีหลายรุ่นที่ถูกปล่อยออกมาจำหน่ายโดยจะเป็นเครื่องมือสอง บางรุ่นแม้จะเก่าแล้ว แต่ยังใช้ได้ ซึ่งราคาก็จะอยู่ประมาณไม่เกิน 1,000 บาท สเป็คเครื่องจะเป็นแรม 1 Gb รอมหรือพื้นที่เก็บข้อมูลภายในประมาณ 8 - 16 GB มือถือเหล่านี้อาจจะยังใช้งานได้สำหรับบางคน ที่มีความรู้ แต่สำหรับบางคนที่เห็นว่าเครื่องมีราคาถูก ก็ต้องศึกษาให้รอบด้านเสียก่อน เพราะคุณสมบัติต่างๆ นั้น อาจจะใช้ได้เพียงบางอย่างเท่านั้น
มือถือราคาไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อและรุ่นต่างๆ
มือถือในราคาประมาณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นมือถือมือสอง ส่วนมือถือมือหนึ่ง เครื่องใหม่ก็มีบางยี่ห้อ แต่มือถือยี่ห้อดีๆ มีความทนทานมากกว่า แม้จะใช้งานมานานกว่า เพราะคุณภาพวัสดุดีกว่า
1. Samsung Galaxy Grand Prime ราคาประมาณ 600 บาท
หน้าจอ 5.0 นิ้ว กล้องหน้า 8 + 5 MP RAM 1 GB ROM 8 GB แบตเตอรี่ 2,600 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 4 เปิดตัวปี 2557
2. Samsung Galaxy J1 ราคาประมาณ 500 บาท
หน้าจอ 4.5 นิ้ว กล้องหน้า 5 + 2 MP RAM 1 GB ROM 8 GB แบตเตอรี่ 2,050 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 เปิดตัวปี 2016
3. Samsung Galaxy Core Prime ราคาประมาณ 600 บาท
หน้าจอ 4.5 นิ้ว กล้องหน้า 5 + 2 MP RAM 1 GB ROM 8 GB แบตเตอรี่ 2,000 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 เปิดตัวปี 2015
4. Samsung Galaxy J2 ราคาประมาณ 600 บาท
หน้าจอ 4.7 นิ้ว กล้องหน้า 5 + 2 MP RAM 1 GB ROM 8 GB แบตเตอรี่ 2,000 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 เปิดตัวปี 2015
5. Samsung Ace S5830 ราคาประมาณ 200 บาท
หน้าจอ 3.5 นิ้ว กล้องหน้า 8 + 5 MP RAM 158 MB ROM 278 MB แบตเตอรี่ 1,350 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 2.3 เปิดตัวปี 2011
6. Wiko Sunny 4 ราคาประมาณ 550 บาท
หน้าจอ 5 นิ้ว กล้องหน้า 5 + 5 MP RAM 1 GB ROM 16 GB แบตเตอรี่ 2,200 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 8 เปิดตัวปี 2019
7. Wiko Sunny 3 Plus ราคาประมาณ 550 บาท
หน้าจอ 5.45 นิ้ว กล้องหน้า 5 + 2 MP RAM 1 MB ROM 8 GB แบตเตอรี่ 2,200 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 8 เปิดตัวปี 2018
8. Wiko Jerry 3 ราคาประมาณ 600 บาท
หน้าจอ 5.45 นิ้ว กล้องหน้า 5 + 5 MP RAM 1 MB ROM 16 GB แบตเตอรี่ 2,500 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 เปิดตัวปี 2018
9. Oppo A37 ราคาประมาณ 900 บาท
หน้าจอ 5 นิ้ว กล้องหน้า 8 + 5 MP RAM 2 MB ROM 16 GB แบตเตอรี่ 2,630 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 เปิดตัวปี 2560
10. Oppo Joy 5 ราคาประมาณ 600 บาท
หน้าจอ 4.5 นิ้ว กล้องหน้า 8 + 2 MP RAM 1 MB ROM 16 GB แบตเตอรี่ 2,000 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 เปิดตัวปี 2016
11. Huawei Y6 II ราคาประมาณ 900 บาท
หน้าจอ 5.5 นิ้ว กล้องหน้า 13 + 8 MP RAM 2 MB ROM 16 GB แบตเตอรี่ 3,000 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 เปิดตัวปี 2016
12. Huawei Y5 Prime 2018 ราคาประมาณ 900 บาท
หน้าจอ 5.45 นิ้ว กล้องหน้า 13 + 5 MP RAM 2 MB ROM 16 GB แบตเตอรี่ 3,020 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 8 เปิดตัวปี 2018
13. Huawei Y3 II ราคาประมาณ 900 บาท
หน้าจอ 4.5 นิ้ว กล้องหน้า 5 + 2 MP RAM 1 MB ROM 8 GB แบตเตอรี่ 2,100 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 เปิดตัวปี 2016
14. Yivo Y53 ราคาประมาณ 900 บาท
หน้าจอ 5 นิ้ว กล้องหน้า 8 + 5 MP RAM 2 MB ROM 16 GB แบตเตอรี่ 2,500 mAh ระบบปฏิบัติการ Android 6 เปิดตัวปี 2017
มือถือรุ่นเก่าเหล่านี้ยังใช้ทำอะไรได้บ้าง
มือถือเหล่านี้ราคาถูกเพราะผลิตมานานแล้ว บางรุ่นอาจจะเกิน 7 ปี ปัจจุบันจะเป็นเครื่องมือสอง บางเครื่องราคาถูกมาก ไม่ถึง 500 บาท ก็มี คุณสมบัติต่างๆ หรือสิ่งที่มือถือรุ่นเก่าเหล่านี้ยังสามารถใช้งานได้ เช่น
1. แชร์เน็ต ไวไฟฮอตสปอต กระจายสัญญาณเน็ตให้มือถือเครื่องอื่น วิธีนี้ช่วยให้เครื่องหลักไม่เปลืองแบตเตอรี่ แต่เรื่องที่จะต้องรู้สำหรับใครที่วางแผนจะซื้อมาเพื่อใช้งานแบบนี้ ก็คือ แบตเตอรี่ในมือถือจะหมดเร็ว ต้องชาร์จบ่อย มือถือเหล่านี้แบตเตอรี่และรูชาร์จก็ใช้งานมานานแล้ว มีโอกาสเสื่อม ใช้งานไม่ได้ ค่าซ่อมจะไม่คุ้ม ใช้ พ็อกเก็ตไวไฟใส่ซิมจะดีกว่า
2. ดู Youtube ผ่าน Google Chrome หรือ Opera ใครที่ชอบดูวิดีโอ แทนที่จะใช้มือถือหลัก ก็ถนอมไว้ เพื่อให้ใช้งานได้นานๆ ก็ซื้อมือถือราคาถูกเหล่านี้มาไว้ใช้งานด้านนี้โดยเฉพาะ แต่ควรเลือกรุ่นที่ให้แรม 2 GB ส่วนรุ่นที่ใช้แรม 1 GB จำเป็นต้องสอบถามให้ดีก่อนซื้อ ควรให้เจ้าของเครื่อง ถ่ายวิดีโอ ขณะใช้งาน Youtube ประกอบการตัดสินใจ ว่าช้ามากแค่ไหน
3. เก็บข้อมูล การใช้มือถือเก่าเหล่านี้เก็บข้อมูล ก็จะต้องซื้อเมมโมรีการ์ด เพราะส่วนใหญ่มีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อยมาก 8/16/32 GB ใช้งานจริงๆ เหลือไม่กี่ GB เท่านั้นเอง
4. ฟังเพลง ดูวิดีโอ การใช้มือถือเหล่านี้เอาไว้ฟังเพลง ถือว่าคุ้ม นอกจากฟังเพลงแล้ว อาจจะเอาไว้ฟังธรรมะ เรื่องเล่า ต่างๆ
5. ดู Tiktok มือถือรุ่นเก่าเหล่านี้ มีหลายรุ่นไม่รองรับแอปนี้ สเปคเครื่องต่ำเกินไปเล่นไม่ได้ จึงควรสอบถามผู้ขายก่อนตัดสินใจซื้อ ว่าใช้ได้หรือไม่
6. ใช้แอป Line การใช้แอป LINE ในเมือถือรุ่นเก่า จำเป็นจะต้องติดตั้งแอป LINE ให้ตรงรุ่นของแอนดรอยด์ในเครื่อง การติดตั้ง LINE รุ่นล่าสุดอาจจะไม่รองรับ หากซื้อจากร้านค้า ก็ควรให้ทางร้านติดตั้งแอปนี้มาให้เรียบร้อย
7. ใช้เป็นมือถือสำรอง ก็ดีกว่ามือถือปุ่มกด เพราะใช้ประโยชน์ได้มากกว่า มือถือหลักแบตเตอรี่หมดก่อนวันก็ยังใช้ได้
8. ไว้ให้เด็กๆ ใช้ ดูหนัง ดูการ์ตูน ไม่ต้องกลัวเครื่องพัง การใช้งานของเด็ก มีโอกาสหลุดมือ ตก จอแตก ซื้อเครื่องแพงไม่คุ้ม
9. ถ่ายเอกสาร หน้าหนังสือ เอาไว้อ่านผ่านหน้าจอมือถือ เหมาะสำหรับมือถือจอใหญ่สักหน่อย 5 นิ้วขึ้นไป
จะเลือกอย่างไรดี
เนื่องจากคุณสมบัติหรือความสามารถของมือถือรุ่นเก่าเหล่านี้ จะใช้งานได้เฉพาะอย่างเท่านั้น จึงต้องดูว่า
1. จะเอามาใช้ทำอะไรบ้าง เช่น เป็นคนชอบดู Youtube หรือ Tiktok ก็ซื้อมาใช้งานด้านนี้เป็นการเฉพาะ ไม่ใช้เครื่องหลัก เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ไม่ให้หมดเร็ว ต้องชาร์จบ่อยๆ ก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ถนอมไว้ใช้นานๆ เป็นต้น 2. เน้นรุ่นที่เปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้ง่ายๆ เช่น แกะฝาหลังก็เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ทันที
3. เลื่อกรุ่นที่แกะเครื่องได้ง่ายๆ การซ่อมเองจะทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องพึ่งพาช่าง
4. สำรวจอะไหล่ที่สำคัญต่อไปนี้ก่อน ถ้าไม่มี ไม่ควรเสี่ยง เช่น สายแพร์ชาร์จ ลำโพง จอ แบตเตอรี่
ข้อเสียที่ต้องรู้
มือถือรุ่นเก่าเหล่านี้จะมีเรื่องที่จะต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น
1. เครื่องเก่าแล้ว เป็นมือสอง ใช้งานมานาน ไม่รู้ว่าจะพังเมื่อไร
2. รูชาร์จ สายแพร์ชาร์จ ในเครื่องยี่ห้อไม่ดัง จะใช้ของไม่ดี มีโอกาสเสีย ดังนั้นชิ้นส่วนนี้จึงมีโอกาสกลับบ้านเก่าเร็ว อาจจะมาพังที่เราก็ได้ จึงควรหาข้อมูล อะไหล่ ก่อนตัดสินใจซื้อ เข้า Google พิมพ์ สายแพร์ชาร์ + ยี่ห้อ รุ่นของมือถือที่ต้องการค้นหา
3. แบตเตอรี่ อาจจะใช้งานได้ไม่นาน เพราะมือถือเหล่านี้ ก็เก่ามากแล้ว จึงควรหาข้อมูลก่อน ราคาแบตเตอรี่กี่บาท?
4. มือถือรุ่นเก่าเหล่านี้ แรมน้อย และเริ่มทำงานช้ามาก จะใช้แอปอะไร ต้องสอบถาม และหาข้อมูลให้ดี จะไม่รำคาญขณะใช้งาน
5. ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ หรือ แอปต่างๆ อัปเดตไม่ได้แล้ว จึงต้องหลีกเลี่ยงเครื่องที่ไม่ใช้แอนดรอยด์แบบเพียวๆ ไม่ครอบด้วยแอปของตัวเอง การรีเซ็ตเครื่องจะสร้างปัญหา
การขายต่อ
เมื่อได้เครื่องมาแล้ว ควรดูและให้ดี อย่าให้มีรอย เผื่อไว้ขายต่อ โดยจะทำได้ 2 แบบคือ
1. ขายต่อในสภาพสมบูรณ์ หรือเครื่องยังใช้งานได้ ราคาก็ขึ้นอยู่กับสภาพ ความสวยงาม ดังนั้นควรซื้อเคสฝาพับมาใช้ เพื่อป้องกันหน้าจอ โอกาสเกิดริ้วรอย
2. เครื่องพังแล้ว ใช้งานไม่ได้แล้ว ก็ขายเป็นอะไหล่ อย่างน้อยก็หลักร้อย ผู้เขียนอยู่หอพัก มีนักศึกษาเอาเครื่องพังแล้วไปทิ้งถังขยะ ก็ยังเอาไปลงประกาศขายได้ ใน Pantipmarket, Kaidee ได้ 200 รวมค่าส่งฟรี ก็ยังได้ ค่าขนม
สรุป
มือถือรุ่นเก่าเหล่านี้อาจจะยังใช้ประโยชน์ได้ แต่เฉพาะบางอย่าง เช่น เอาไว้ดู Youtube/Tiktok ประหยัดแบตเตอรี่แทนการใช้มือถือหลัก ซึ่งอาจจะซื้อมาในราคาแพง เป็นต้น ส่วนใครที่เน้นใช้งานนานๆ ก็เก็บเงินและหาเครื่องรุ่นใหม่กว่านั้น เลือกแรมอย่างน้อย 3 GB ขึ้นไป จะยังคงใช้งานได้อีกสัก 2 ปี เครื่องก็จะเริ่มช้าลง ก็เปลี่ยนรุ่นใหม่