มือถือ iPhone จะมีจุดเด่นในเรื่องการถ่ายวิดีโอ คุณภาพเสียง คุณภาพวิดีโอ ที่ดี แม้จะเป็น iPhone iOS15 รุ่นเก่า ก็ตาม แต่ในเรื่องของ ไมค์จำเป็นต้องศึกษาและเลือกเผื่อไว้ในอนาคตด้วย โดยเฉพาะมือใหม่เริ่มต้นถ่ายวิดีโอใช้ไมค์ราคาประหยัด ใน iPhone รุ่นเก่าจะ ใช้กับไมค์ที่ใช้แจ็ค 3.5 มม. ได้ แต่ iPhone 7 จนถึงรุ่นใหม่ๆ จะใช้ไมค์ที่ใช้พอร์ต Lightning หรือต้องมีตัวแปลง

 

iPhone iOS 15 ซึ่งจะเป็นรุ่น iPhone SE รุ่นแรก iPhone 6s, 6s Plus, 7 และ 7 Plus ใครที่ยังใช้รุ่นนี้อยู่ แม้จะอัปเดตเป็น iOS 16 ไม่ได้ ก็สามารถใช้งานได้อีกนานนนน ปัจจุบันแนะนำขั้นต่ำ ก็คือ iPhone 7/7 Plus ขึ้นไป เพราะมีระบบกันสั่นขณะถ่ายวิดีโอ ภาพไม่สั่น เผื่อทำวิดีโอไว้ขายของ ลง Tiktok Youtube ฯลฯ

 

 iPhone 6s  iPhone 6s Plus  |  iPhone SE1  |   iPhone 7  |  iPhone 7 Plus 

  

 

อุปกรณ์เสริมของ iPhone จะมีราคาค่อนข้างสูง หลักร้อยถึงหลักพันบาท การจะเลือกใช้แบบใดจึงต้องศึกษา รวมทั้งไมค์สำหรับ ใช้บันทึกเสียง ถ่ายวิดีโอด้วยเช่นกัน คุณภาพที่พอใช้ได้ ราคาเริ่มต้นก็หลักหลายร้อยบาทขึ้นไป ซึ่งอาจจะแยกเป็น 3 แบบด้วยกัน
1. ใน iPhone รุ่นเก่าตั้งแต่รุ่นแรกๆ จนถึงรุ่น 6sPlus จะมีรูเสียบแจ็ค 3.5 มม. ซึ่งจะรองรับไมค์ที่ใช้แจ็คแบบนี้


2. ส่วนใน iPhone 7 เป็นต้นมาถึงรุ่นปัจจุบัน (ตุลาคม 2564) รูเสียบแจ็ค 3.5 มม. ได้ถูดตัดออกไปแล้ว ไม่มีอีกแล้ว จึงต้องใช้ ไมค์แบบ Lightning หรือ ตัวแปลง Lightning เป็น 3.5 mm

 

เลือกไมค์แบบใดจึงจะใช้งานได้อย่างคุ้มค่า?

การจะเลือกไมค์แบบใด นอกจากราคาแล้วจะต้องพิจารณาถึงความยืดหยุ่นในการใช้งานตัวอย่าง
1. ไมค์ใช้ตัวต่อแบบ Lightning โดยเฉพาะจะใช้งานกับ iPhone ได้ยี่ห้อเดียวเท่านั้น และจะมีราคาค่อนข้างสูง รุ่นราคาถูกอย่างตัวนี้ ก็ประมาณ 300 บาท เข้าไปแล้ว ส่วนยี่ห้อที่ไว้ใจได้ในเรื่องคุณภาพการบันทึกเสียง จะมีราคาหลักพันบาท


2. การใช้ตัวแปลง Lightning เป็น 3.5 ก็จะสามารถใช้กับไมค์ที่ใช้แจ็ค 3.5 ได้ ซึ่งไมค์แบบนี้จะมีให้เลือกเยอะมาก มีหลายแบบให้ เลือกใช้ และยังสามารถนำไปใช้งานกับมือถือยี่ห้ออื่น หรือ อุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วย แต่สายนี้ค่อนข้างแพง ประมาณ 300 บาท

 

 

คุณภาพเสียงต่างกันไหม?

ผู้เขียนมีโอกาสได้ทดลองแค่ 2 แบบ อย่างยี่ห้อในรูป ได้ทดลองกับ iPhone 7 คุณภาพเสียงที่ได้ ก็ใกล้เคียงกับไมค์ BOYA BY M1, BOYA BY A100 ถือว่าสามารถใช้งานได้ แต่จะมีเสียง ซา ดังกว่าเล็กน้อย ถ้าตัดสินใจจะเลือกแบบนี้ ก็แนะนำเลือกยี่ห้อดี คุณภาพเสียงไว้ใจได้ไปเลยจะดีกว่า เช่น BOYA BY M2 ใช้พอร์ต Lightning คุณภาพเสียงดีกว่าแน่นอน ตัวเดียวใช้ได้แทบทุกงาน ไม่ ต้องวุ่นวายกับสายพ่วง แต่ต้องศึกษาให้ดีว่า เหมาะกับงานที่จะต้องถ่ายทำวิดีโอหรือไม่

 

 

การใช้สายแปลง Lightning เพื่อใช้กับไมค์ที่ใช้แจ็ค 3.5 อย่างเช่นของ UGREEN คุณภาพเสียงที่ได้ จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของไมค์ การใช้ตัวแปลงไม่ส่งผลทำให้เกิดเสียงรบกวน ไมค์ BOYA ทั้งสองแบบให้เสียงดีกว่าไมค์ใช้พอร์ต Lightning แบบแรก

 

แต่การเลือกแนวทางนี้ จะมีค่าใช้จ่ายสูง เฉพาะสายแปลงประมาณ 300 บาท ไมค์ BOYA 2 แบบนี้ รวมกันประมาณ 1000 กว่า บาท แพงกว่า BOYA BY M2 เล็กน้อย แต่ใช้ประโยชน์ได้ 2 แบบ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น ส่วนคุณภาพเสียง ก็มั่นใจว่า ไม่ต่างกันมาก

 

กรณีตั้งวงสนทนากัน เล่นกีตาร์ ร้องเพลง การใช้ไมค์ BOYA BY A100 (ประมาณ 400 บาท) ตั้งกลางวงตัวเดียว ก็เก็บเสียงได้ ทั้งหมด รับเสียงดี รอบทิศทาง

 

ส่วนไมค์ BOYA BY M1 (ประมาณ 300 บาท) เป็นไมค์แบบหนีบ กรณีรีวิวสินค้า ขายสินค้า ไลฟ์สด สัมภาษณ์ ใช้การหนีบไมค์ ที่อกเสื้อ คอเสื้อ เหมาะสำหรับการใช้งานคนเดียว

 

แอปช่วยปรับแต่งเสียง

ไมค์ทั้งหมดที่กล่าวมา ในการบันทึกเสียงจะยังคงมีเสียง ซ่า เบาๆ ไม่เงียบสนิท หากต้องการให้เงียบสนิทหรือเงียบที่สุด จำเป็น จะต้องใช้แอปช่วยปรับแต่งเสียง ซึ่งแอปที่ใช้งานง่ายที่สุด แนะนำให้ใช้ Dolby On บันทึกเสียง หรือถ่ายวิดีโอได้ แอปนี้จะสามารถ ปรับแต่งเสียงที่บันทึก หรือเสียงในวิดีโอให้ดีขึ้นได้

 

 

ตัวอย่างวิดีโอถ่ายทำ ตัดต่อด้วย iPhone บันทึกเสียงด้วยแอป Dolby on ใช้ตัวแปลง UGREEN Lightning to 3.5 กับไมค์ BOYA BY A100 พร้อมปรับแต่งลดเสียงรบกวน นำมาตัดต่อด้วยแอป iMovie ทั้งหมดทำใน iPhone 7 เสียบไมค์ไว้แบบนี้ วางไมค์ห่างตัว ประมาณ 60 ซม.

*** ทันทีที่อัปโหลดเข้าช่อง Youtube สำเร็จแล้ว จะมาอัปเดทบทความนี้อีกทีครับ *** 

 

สรุป

สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาไมค์มาใช้กับ iPhone รุ่นใหม่ใช้พอร์ต Lightning ไม่มีรูเสียบแจ็ค 3.5 มม. ผู้เขียนแนะนำให้ใช้ตัว แปลงจะดีกว่า เพราะเราจะสามารถหาซื้อไมค์ได้หลายแบบ หลายคุณภาพมาใช้งานเฉพาะสถานการณ์ได้ตามที่เราต้องการ จะอัด เสียงร้องเล่นกีตาร์ก็ใช้ไมค์คอนเดนเซอร์ สัมภาษณ์นอกสถานที่ใช้ไมค์หนีบ เป็นต้น