ปัญหาความร้อนที่มักจะเกิดกับเครื่องยนต์และสร้างความเสียหายกับเครื่องยนต์จนตามมาด้วยค่าซ่อมหลักพันหลักหมื่นบาท สามารถป้องกันได้ด้วยอุปกรณ์ราคาหลักร้อย อย่างอุปกรณ์วัดความร้อนรถยนต์ โดยจะส่งเสียงเตือนให้รู้เมื่อเครื่องยนต์ร้อนมาก ในขณะที่เข็มวัดความร้อนบนหน้าปัทม์ที่ขยับขึ้นจะต้องใช้การมองด้วยตาเท่านั้น ถึงจะรู้ จึงมีโอกาสพลาดได้หากไม่มองหน้าปัทม์ตลอดเวลา
รถยนต์ส่วนใหญ่แม้จะมีตัวช่วยวัดความร้อน แต่เชื่อเถอะว่าน้อยคนจะมองหน้าปัทม์รถยนต์และมองเข็มวัดความร้อนบ่อยๆ จนกว่าจะมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น เครื่องร้อนจนดับกลางอากาศ ซึ่งอาจจะไม่ทันการแล้ว เครื่องยนต์ร้อนจัดจนดับขณะขับ อาการอย่างนี้มักจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายตามมาด้วด้วยค่าซ่อมหลักหมื่นได้ทันที
รถยนต์ส่วนใหญ่จะไม่มีระบบตัดการทำงานหรือดับเครื่องยนต์เมื่อเครื่องยนต์ร้อนจัด เหมือนรถยุโรปบางรุ่น ผู้เขียนเคยใช้ FIAT 132 จะมีระบบดับเครื่องยนต์เมื่อร้อนมาก พร้อมกับไฟกระพริบเตือนความร้อน ซึ่งคันที่ใช้อยู่นั้น มีปัญหาความร้อน เพราะเครื่องเคยฮีตมาก่อน เมื่อร้อนมากๆ ก็จะดับไปเอง พอเครื่องเย็นก็สตาร์ทติดแล้วขับต่อได้
โอกาสเกิดปัญหาความร้อนเครื่องยนต์ในรถยนต์ใหม่
สำหรับรถยนต์ใหม่ ชิ้นส่วนต่างๆ ยังทำงานได้ดี โอกาสเกิดปัญหากับความร้อนรถยนต์จึงมักจะมาจากสาเหตุภายนอก เช่น
1. การขับตามรถใหญ่ แซงรถใหญ่ บนถนนที่มีก้อนหิน ลูกหิน และก้อนหินเหล่านั้นถูกดีดจากล้อรถใหญ่ ไปโดนหม้อน้ำ ทำให้หม้อน้ำแตก รั่ว ดังนั้นการใช้รถร่วมกับรถใหญ่ที่ขับบนพื้นถนนที่มีก้อนหินจึงต้องระวัง เมื่อขับผ่านแล้วก็หมั่นดูเข็มวัดความร้อนบ่อยๆ
2. การขับรถขึ้นเขาสูง ทางชันยาวๆ อย่างดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง รถยนต์ออกใหม่ป้ายแดง บรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน ความร้อนขึ้นแน่นอน เพราะเครื่องยนต์ใช้งานค่อนข้างหนัก ผู้เขียนขับรถขึ้นคนเดียว ยังไปดับเอาบนยอดเลย
ปัญหาอื่นนอกจากนี้ ไม่น่าจะมี วิธีป้องกันก็ติดตะแกรง หรือ รังผึ้ง หน้าหม้อน้ำ ป้องกันไว้ก่อน ถ้าโดนลูกหินดีดใส่ก็จะมีตะแกรงป้องกันก่อนชั้นหนึ่ง ส่วนเรื่องการขับรถขึ้นเขาลงเขา ต้องรู้วิธีขับ เช่น ปิดแอร์ จำนวณผู้โดยสาร การใช้เกียร์ และต้องหยุดพักเป็นระยะ ไม่ไหวอย่าฝืน ขับรถลงอย่าดันทุรังขึ้นไป การขึ้นไม่ยาก แต่การลงยากกว่า เพราะใช้เบรคค่อนข้างมาก เบรคไม่เป็น ผ้าเบรคไหม้ อาจจะต้องเรียกรถสไลด์ไปรับ มีค่าใช้จ่ายหลักพันหลักหมื่นรออยู่นะจ๊ะ
โอกาสเกิดปัญหาความร้อนเครื่องยนต์ในรถยนต์เก่า
ส่วนในรถยนต์รุ่นเก่า รถมือสองที่มีอายุการใช้งานนานหลายปีหรือเกินสิบปี จะมีโอกาสเกิดความร้อนกับเครื่องยนต์ได้หลายสาเหตุด้วยกัน เช่น
1. สาเหตุเดียวกับรถยนต์ใหม่ ก็คือ การขับรถตามรถใหญ่ แล้วโดนก้อนหิน ลูกหิน ดีดเข้าไปในช่องดักลมด้านหน้า ไปโดนหม้อน้ำแตก รั่ว ทะลุ
2. รถไม่เคยตรวจเช็คระบบระบายความร้อน เช่น ฝาหม้อน้ำถ้าขึ้นสนิมขนาดนี้ ก็แสดงว่าข้างในระบบน่าจะมีสนิม และมีโอกาสเกิดการอุดตันจากสนิม ทำให้น้ำไหลไม่สะดวก มีโอกาสทำให้เครื่องยนต์ร้อน กรณีขับเร็ว เร่งเครื่องมาก ขับขึ้นทางชัน ขึ้นเนิน ขึ้นเขายาวๆ
3. หม้อพักน้ำ มีสนิม อาการนี้ก็แสดงว่า ในระบบคงจะมีสนิมมาก ถึงได้มากับน้ำและมาตกตะกอนที่นี่ ดังนั้นมีโอกาสเกิดปัญหาความร้อน
4. รถไม่เคยถอดวาล์วน้ำออกมาตรวจเช็ค ก็มีโอกาสที่วาล์วน้ำจะไม่ทำงาน ทำให้เกิดปัญหาความร้อน ในรถเก่าจึงควรหาโอกาสเปิดดูและตรวจเช็คการทำงาน
5. ปั๊มน้ำในรถยนต์เก่า ซึ่งไม่เคยซ่อม และไม่รู้ประวัติความเป็นมา ก็มีโอกาสเสียได้ หรือ น้ำอาจจะรั่วออกบริเวณนี้ ทำให้น้ำแห้ง เครื่องยนต์ร้อนและพังได้
6. รถยนต์เก่าใช้พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำแบบติดกับเครื่องยนต์ เช่น รถกระบะ รถตู้ การขับรถลุยน้ำ กระแสน้ำจะหักเหใบพัด ไปโดนหม้อน้ำแตก ทะลุมีโอกาสทำให้น้ำในหม้อน้ำรั่ว เกิดปัญหาความร้อนตามมา
7. หม้อน้ำรถยนต์ที่มีอายุใช้งานนานมากแล้ว จะมีความบาง เพราะอาจจะมีสนิมภายใน การเร่งเครื่องแรงๆ แรงดันน้ำจะสูงมาก จนทำให้หม้อน้ำทะลุได้ เป็นประสบการณ์ตรงที่เจอกับตัวเอง
เข็มวัดความร้อนเตือนต้องใช้ตามอง ไม่มีเสียงเตือน
จากหัวข้อก่อนหน้า สาเหตุที่จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดในรถยนต์ใหม่ และ รถยนต์เก่า เราก็พอจะนึกออกกันแล้ว คราวนี้ไปดูการทำงานของเข็มวัดความร้อน กันก่อน
1. รถยนต์ปกติเข็มวัดความร้อนจะไม่เกินครึ่ง อยู่ระหว่างตัว H และตัว C
2. ถ้าขยับไปเกินครึ่ง ไปทาง H ก็แสดงว่า เครื่องเริ่มร้อน ก็ต้องดูสถานการณ์การขับรถขณะนั้น เช่น บรรทุกหนัก ขึ้นเขาทางชันยาวๆ ใช้
เกียร์ 1 2 ในรถเก่า เข็มวัดความร้อนอาจจะขยับขึ้น ให้ปิดแอร์ ถ้าไม่ลด ก็ต้องเตรียมหาที่จอด ส่วนการขับรถบนทางเรียบ หากเข็มวัดความร้อนขึ้นไปทาง H ก็แสดงว่า ระบบระบายความร้อนต้องมีปัญหา น้ำรั่ว หรือ ท่อน้ำอุดตัน หรือมีปัญหากับอะไรสักอย่าง ต้องหาที่จอดรถ รอให้เครื่องเย็นลง แล้วค่อยตรวจสอบ
3. อาการเครื่องร้อนนั้น หากไม่หมั่นสังเกตุ หรือ มองเข็มวัดความร้อนบ่อยๆ ก็จะไม่รู้ว่า รถมีปัญหาเรื่องความร้อน นี่จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องติดตั้งเกจวัดความร้อนที่สามารถส่งเสียงเตือนได้ เพื่อให้รู้ว่า เครื่องร้อนแล้วนะ
การติดตั้งเกจวัดความร้อน
อุปกรณ์ตัวนี้มีหลายแบบ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยบาทถึงหลักหมื่นบาท ในที่นี้แนะนำให้ใช้รุ่นธรรมดาแค่สามารถตรวจจับความร้อนได้ดี และ มีเสียงเตือนเมื่อความร้อนเครื่องยนต์สูงเกินไป ก็พอแล้ว ซึ่งปกติอุณหภูมิน้ำในหม้อน้ำจะอยู่ประมาณ 85-95 องศา
1. ตัวอย่างตัววัดความร้อนเครื่องยนต์โดยวัดจากความร้อนของน้ำในหม้อน้ำที่ออกจากเครื่องยนต์
2. ตัวอย่างวิดีโอสอนวิธีติดตั้งใน Youtube ซื้อมาแล้วให้ร้านหม้อน้ำใกล้บ้านจัดการให้ได้ ไม่ยาก
ใครควรติดตั้งเกจวัดความร้อนเครื่องยนต์
อุปกรณ์ตัวนี้ราคาไม่แพง ส่วนใครที่ควรจะติดตั้งนั้น ก็ตามงบประมาณ และความสบายใจ แต่รถยนต์เก่า ยังไม่ได้ซ่อมระบบหม้อน้ำให้ดี เพราะต้องรองบประมาณ เพราะมีส่วนต่างๆ ที่จะต้องตรวจสอบหลายพันบาท เช่น วาล์วน้ำ ปั๊มน้ำ ฝาหม้อน้ำ หม้อน้ำ ท่อน้ำ ก็ควรจะหามาติดตั้งไว้ก่อน ราคาหลักร้อยบาท แต่ช่วยได้มาก ช่วยส่งเสียงเตือนเมื่อระบบระบายน้ำมีปัญหา