เรื่องนี้สำคัญมาก ที่คนมีรถ มือใหม่ กำลังจะหารถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์เอาไว้ใช้งานสักคัน การวัดอัตราบริโภคน้ำมันของรถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ มีหลายแบบหลายวิธี เพราะค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับน้ำมันเชื้อเพลิง จะเป็นรายจ่ายที่มากที่สุด แพงกว่าราคารถ หากเน้นซื้อรถมาเพื่อใช้ทำมาหากินด้วยแล้ว ยิ่งต้องคำนวณอย่างรอบคอบ สร้างหนี้ไปแล้ว แก้ไขยากกก!!!
รถยนต์เป็นพาหนะที่มีความจำเป็น อาจจะเพื่อความสะดวกสะบายในการเดินทาง หรือ เพื่อใช้ประกอบอาชีพ ขนส่ง ค้าขาย ฯลฯ สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์ มาไว้ใช้งาน จะเป็นรถใหม่หรือรถมือสองก็ตาม จำเป็นต้องคำนวณอัตราบริโภคน้ำมันให้ดี ก่อนตัดสินใจซื้อ อย่าซื้อเพราะถูกใจ สวย เสริมภาพลักษณ์ ฯลฯ เพื่อจะได้เลือกหารถมาไว้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า โดยเฉพาะคนที่ต้องขับรถมากในแต่ละวัน วิธีนี้จะไม่ช้ำใจภายหลัง ได้รถมาแล้ว หนี้ก็เป็นแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ก็จะใช้รถอย่างไม่มีความสุข
ความสำคัญที่ต้องรู้อัตราบริโภคน้ำมัน
ค่าน้ำมันรถยนต์หรือจักรยานยนต์มักจะเป็นรายจ่ายที่มากที่สุด ดังนั้น
1. การเลือกรถที่ประหยัดน้ำมัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ จักรยานยนต์ขนาดเล็ก ก็จะช่วยประหยัดเงินทั้งค่าตัวรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน และเมื่อถึงเวลาต้องขายต่อ ราคาขายของรถเหล่านี้จะไม่ตกมาก เงินจึงหมดไปน้อยกว่ารถกินน้ำมัน หากขับรถมาก ใช้รถมาก ใช้รถเพื่อช่วยทำมาหากิน ต้องเน้นรถเล็ก ประหยัดน้ำมัน เท่านั้นนนนน
2. การเลือกรถที่กินน้ำมัน จะมีรายจ่ายมากกว่า เช่น ค่าตัวรถ ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงเครื่องยนต์เพื่อให้ใช้กับเชื้อเพลิงทางเลือกได้ แต่เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนรถ ขายรถ ราคาจะตกมาก เงินหายไปมาก ขายยาก การใช้รถในชีวิตประจำวันจะสร้างปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย หากขับรถมาก ต้องเดินทางบ่อย
คำนวณเกี่ยวกับการเดินทาง ต่อวัน ต่อเดือน ต่อปี
สำหรับใครที่กำลังจะซื้อรถคัน ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง ทั้งรถยนต์ และ จักรยานยนต์ สิ่งแรกที่จะต้องรู้ก็คือ ข้อมูลการเดินทางของตัวเองอย่างละเอียด
1. การคำนวณระยะทางที่ตัวเองต้องเดินทางในแต่ละวัน แต่ละเดือน กี่กิโลเมตร ตรวจสอบได้โดยการใช้แอป Google แผนที่ ช่วยวัดระยะทาง สมมุติว่า เดินทางวันละ 100 กิโลเมตร
2. สถานที่ในการเดินทาง ในเมือง หรือ นอกเมือง
- ในเมือง การจราจรติดขัด รถเคลื่อนตัวไม่สะดวก รถจะค่อนข้างกินน้ำมัน และจะต้องจ่ายค่าน้ำมันมากขึ้น ถ้าเดินทางค่อนข้างไกลในแต่ละวัน
- นอกเมือง รถไม่ติด ไม่ติดไฟแดงมากนัก ถนนโล่งๆ รถจะค่อนข้างประหยัดน้ำมัน
3. จำนวนผู้โดยสาร มากหรือน้อย
- ผู้โดยสาร 1-2 คน รถเปล่า ไม่ได้บรรทุกสิ่งของ รถจะไม่กินน้ำมันมากนัก
- ผู้โดยสาร 3-4 คน หรือบรรทุกหนัก รถจะกินน้ำมันมากขึ้น และจะกินน้ำมันมากขึ้นไปอีกหากใช้รถในเมือง วิ่ง หยุด ชะลอรถ ติดไฟแดงบ่อย และจะต้องจ่ายค่าน้ำมันมากขึ้น ถ้าเดินทางค่อนข้างไกลในแต่ละวัน
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถรุ่นที่ตัวเองสนใจ
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ จักรยานยนต์ยี่ห้อ รุ่น ที่ตัวเองสนใจ เพื่อนำไปคำนวณหาอัตราบริโภคน้ำมัน ตัวอย่างเช่น
1. ดูยี่ห้อ รุ่นรถ ปีรถ เช่น ผู้เขียนต้องการรถมือสอง Suzuki Celerio รุ่นแรกสุดปี 2557/ 2014
2. ค้นหาอัตราการกินน้ำมัน จากผู้ใช้รถจริงในเน็ต ในเมือง กี่กิโลเมตรต่อลิตร และนอกเมือง กี่กิโลเมตรต่อลิตร
3. ประเภทน้ำมันที่ใช้ และปัจจุบันลิตรละกี่บาท
วิธีคำนวณกรณีไม่มีรถเป็นของตัวเอง
กรณีไม่มีรถเป็นของตัวเอง แต่กำลังจะซื้อรถสักคัน อาจคำนวณด้วยวิธีนี้ (อาจไม่ตรงหรือไม่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง)
1. ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถรุ่นนั้นๆ เช่น Suzuki celerio กินน้ำมันกิโลเมตรละกี่บาท
2. ในผลการค้นหา ดูวันเดือนปี ที่มีการเผยแพร่ข้อมูล เช่น ปี 2557/2014
3. อัตราสิ้นเปลืองเช่น 20.31 กิโลเมตรต่อลิตร
4. ประเภทน้ำมันที่ใช้เป็นแบบใด ปัจจุบันราคาลิตรละกี่บาท สมมุติว่า 40 บาท
5. การคำนวณ ก็ใช้วิธีคิดง่ายๆ
- ระยะทางที่ได้ 20.31 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 1 ลิตรๆ ละ 40 บาท
- ระยะทาง 1 กิโลเมตร จะใช้น้ำมันกี่บาท
- นำ 40 บาท หารด้วยระยะทาง 20.31 จะได้ประมาณ 1.9 หรือประมาณ 2 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร
6. หากเดินทางวันละ 100 กิโลเมตร ก็จะต้องจ่ายค่าน้ำมันประมาณ 100 คูณ 2 ได้ 200 บาท ต่อวัน
- ค่าน้ำมันต่อเดือน นำ 200 คูณกับ 30 วัน = 6,000 บาท
- ค่าต่อปี นำ 200 คูณกับ 365 วัน = 73,000 บาท
หมายเหตุ
ตัวแปรที่ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้น ไม่ถึง 20.31 กิโลเมตรต่อลิตร
1. เลขไมค์รถ เลขไมล์มาก ก็กินน้ำม้ันมาก
2. การจราจรติดขัด ขับรถในเมือง กินน้ำมันมากขึ้น
3. ความเร็วที่ใช้ เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป จะกินน้ำมันมากขึ้น
4. น้ำหนักบรรทุก จำนวนผู้โดยสาร
จากประสบการณ์ตรงที่เคยใช้รถยนต์ตั้งแต่ป้ายแดง และใช้ไปหลายปี ขับไป 160,000 กิโลเมตร
1. รถป้ายแดง เครื่องยนต์ 1500 cc ขับไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่างจังหวัด ไม่มีผู้โดยสาร น้ำมัน 1 ถัง ทำได้ 650-700 กิโลเมตร
2. เลขไมค์รถผ่านไป 150,000 กิโลเมตร ขับแบบเดียวกัน ไม่มีผู้โดยสาร ต่างจังหวัด น้ำมัน 1 ถัง จะทำได้ไม่เกิน 550 กิโลเมตร
ดังนั้นหากเป็นรถใหม่ป้ายแดง ความประหยัดน้ำมันจะใกล้เคียงผลการทดสอบ แต่หากเป็นรถยนต์มือสอง ถ้าเลขไมล์เกินแสนกิโลเมตรขึ้นไปแล้ว ความประหยัดน้ำมันจะลดลง จาก 20.31 กิโลเมตรต่อลิตร อาจจะเหลือ 16-17 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นต้น
กรณีเป็นการซื้อรถมือสอง การทดสอบเรื่องการประหยัดน้ำมันอาจจะเป็นเรื่องยาก เจ้าของรถอาจจะไม่บอกความจริง หรือ บอกไม่หมด หรือ ไม่รู้ว่าจะต้องทดสอบอย่างไร ดังนั้น ก็ต้องเผื่อตัวเลขให้น้อยลง
ลองคำนวณอัตรากินน้ำมันรถยนต์เครื่องยนต์ใหญ่ 2000 cc
รถเหล่านี้ เมื่อเป็นรถยนต์มือสอง จะมีราคาถูก แต่หากไม่รวยจริง อย่าไปหลวมตัวซื้อมาใช้อย่างเด็ดขาด เช่น Honda Accord, Toyota Camri, Nissan Cefiro รถใหญ่ดูดี เสริมบารมี อย่าไปเชื่อคนยกยอปอปั้น เพราะกินน้ำมันมาก น้ำมัน 1 ลิตร ในเมืองอาจจะวิ่งได้ 6-8 กิโลเมตร เท่านั้น ลองคำนวณกันเล่นๆ
1. ระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 1 ลิตรๆ ละ 35 บาท
2. ระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 35 หาร 7 = 5 บาท กิโลเมตรละ 5 บาท
3. มีเงิน 500 บาท ขับรถไปได้ประมาณ 100 กิโลเมตร รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นแก่รถราคาถูก คิดว่าดี ไปซื้อมาใช้ เงินก็จะไม่เหลือ ขับก็ไม่ได้ ไม่มีเงินเติมน้ำมัน ขายต่อก็ยาก กว่าจะเจอคนที่ชอบจริงๆ และตัดสินใจซื้อ ไม่ง่ายเลย
วิธีคำนวณอัตราบริโภคน้ำมัน กรณีมีรถเป็นของตัวเอง
กรณีนี้จะค่อนข้างง่าย เพราะมีรถให้ทดสอบ ในรถอาจจะมีตัววัดอัตราบริโภคน้ำมัน แต่ก็ลองคำนวณเองดูว่า ใกล้เคียงกันหรือไม่ สมมุติว่าเป็นรถมอเตอร์ไซต์ ครอบครัวขนาดเล็กสักคัน
1. ขับรถไปที่ปั๊ม จดเลขไมล์รถไว้ก่อน เช่น 23,000 กิโลเมตร
2. เติมน้ำมันต้องเต็มถังเท่านั้น ทันทีที่หัวจ่ายน้ำมันตัด ต้องหยุดเติมทันที จดตัวเลขจำนวนลิตร ราคาน้ำมันต่อลิตร และ จำนวนเงิน เอาไว้ สมมุติว่า
- จำนวนลิตรได้ 2.5 ลิตร
- น้ำมันลิตรละ 40 บาท
- จำนวนเงินทั้งหมด 120 บาท
*** ข้อมูลส่วนนี้จะไม่นำไปคำนวณ **
3. ขับรถไปจนกว่าน้ำมันใกล้จะหมด นำรถมาเติมน้ำมันอีกครั้ง จดเลขไมค์ไว้ เช่น ขับไปได้ 23,100 กิโลเมตร
4. เติมที่หัวจ่ายเดิม และเติมแบบเดิม หัวจ่ายน้ำมันตัดแล้วก็หยุดทันที จดตัวเลขจำนวนลิตร ราคาน้ำมันต่อลิตร และ จำนวนเงิน เช่น ได้ข้อมูลตามนี้
- จำนวนลิตร 2 ลิตร
- น้ำมันลิตรละ 40 บาท
- จำนวนเงิน 80 บาท
5. สรุปข้อมูลที่ได้ สำหรับนำมาคำนวณอัตราบริโภคน้ำมัน
- ระยะทางที่ได้ 23,100 - 23,000 = 100 กิโลเมตร
- เติมน้ำมันไปกลับเข้าไป 2 ลิตร จำนวนเงิน 80 บาท
6. คำนวณ อัตราบริโภคน้ำมัน 1 ลิตร รถจะวิ่งไปได้กี่กิโลเมตร
- น้ำมัน 2 ลิตร รถขับไปได้ 100 กิโลเมตร
- น้ำมัน 1 ลิตร รถขับไปได้ 100 หาร 2 ลิตร = 50 กิโลเมตร
- สรุป น้ำมัน 1 ลิตร รถแล่นได้ 50 กิโลเมตร ถ้าเดินทางวันละ 100 กิโลเมตร ก็จะใช้น้ำมันวันละ 2 ลิตร วันละ 80 บาท
7. คำนวณ อัตราบริโภคน้ำมัน ทุก 1 กิโลเมตร ต้องจ่ายเงินกี่บาท
- รถวิ่งได้ 50 กิโลเมตร ใช้น้ำมัน 1 ลิตรๆ ละ 40 บาท
- รถวิ่งได้ 1 กิโลเมตร ใช้น้ำมันกี่บาท น้ำมันลิตรละ 40 บาท หาร 50 กิโลเมตร = 0.8 บาท หรือ ประมาณ 80 สตางค์
- สรุป ระยะทาง 1 กิโลเมตร จ่าย 0.80 บาท เดินทางวันละ 100 กิโลเมตร จ่ายค่าน้ำมันวันละ 100 x 0.80 = 80 บาท
8. เปรียบเทียบขับรถในเมือง นอกเมือง ขับรถในเมือง รถติด และ ขับรถนอกเมือง ไปต่างจังหวัด รถไม่ติด จดตัวเลขมาคำนวณ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ตัวเลขจะต่างกัน ตัวอย่าง รถมอเตอร์ไซค์บางรุ่น ในเมืองจะวิ่งได้ประมาณ 33 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร แต่ขับต่างจังหวัด รถไม่ติดจะวิ่งได้ประมาณ 45 กิโลเมตร ต่อ 1 ลิตร
9. รถยนต์เองก็เช่นกัน ขับในเมือง นอกเมือง ในเมืองจะกินน้ำมันมากกว่า หากบรรทุกผู้โดยสาร หรือสิ่งของมาก จะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น
วิธีใช้เครื่องคิดเลขคำนวณง่ายๆ ด่วนๆ
วิธีคำนวณที่ง่าย ก็ต้องใช้เครื่องคิดเลข แต่ต้องมีข้อมูลตัวเลขต่อไปนี้ (คำนวณค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์)
1. เลขไมล์รถมื่อเติมเต็มถัง เช่น 23,000 กิโลเมตร
2. ขับรถไปสักพัก แล้วมาเติมเต็มถังอีกรอบ เลขไมล์ที่ได้เพิ่มขึ้น เช่น 23,100 กิโลเมตร
3. ดูที่ตู้เติมน้ำมัน ถ่ายรูปหรือจดตัวเลขราคาน้ำมันลิตระ กี่บาท เช่น 40 บาท
4. จดปริมาณน้ำมันกี่ลิตร เช่น 2 ลิตร
5. จดราคารวมทั้งหมดกี่บาท เช่น 80 บาท
6. คราวนี้ก็เริ่มคำนวณ ระยะทางที่ได้ เริ่มจาก ระยะทางที่ขับไปกี่กิโลเมตรหลังจากเติมเต็มถัง
- 23,100 - 23,000 = 100 กิโลเมตร
7. คำนวณ น้ำมัน 1 ลิตร วิ่งไปได้กี่กิโมเมตร นำระยะทาง 100 กิโลเมตร หาร ปริมาณน้ำมัน 2 ลิตร
- 100 หาร 2 = 50 กิโลเมตร ต่อน้ำมัน 1 ลิตร
รถจะวิ่งไปได้ประมาณ 50 กิโลเมตร (ในเมือง ต่างจังหวัดจะไม่เท่ากัน)
8. คำนวณ ระยะทาง 1 กิโลเมตร ค่าน้ำมัน กี่บาท นำ ราคาน้ำมันลิตรละ 40 บาท หารด้วย ระยะทางที่วิ่งได้ 50 กิโลเมตร
- 40 หาร 50 = 0.8 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร
ระยะทางทุก 1 กิโลเมตร จ่ายค่าน้ำมัน 0.8 บาท รถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก ก็จะประมาณนี้ แต่ในเมืองกับนอกเมืองนั้นต่างกัน
ตัวแปรที่ส่งผลต่ออัตราบริโภคน้ำมันของรถยนต์ รถจักรยานยนต์
ตัวแปรเหล่านี้มีความสำคัญ ที่จะต้องรู้ แม้จะได้รถที่มีความประหยัด แม้จะคำนวณมาอย่างดี ก่อนตัดสินใจซื้อรถแล้วก็ตาม แต่หากมีตัวแปรบางอย่างไม่เหมาะสม ก็จะกลายเป็นรถกินน้ำมัน มีค่าใช้จ่ายสูงตามมาได้ทันที
1. ตัวแปรเรื่องรถระยะทาง แรกๆ ขับไปทำงาน หลังๆ ขับรถเที่ยว ไม่เพียงมีค่าน้ำมันเพิ่ม แต่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเข้ามา ค่าที่พัก อาหาร ของใช้ ฯลฯ
2. จำนวนผู้โดยสาร ถ้าผู้คนรอบตัวไม่มีรถ ใครมีรถ คนนั้นก็จะต้องรับผู้คนรอบตัวไปด้วย แต่จ่ายค่าน้ำมันคนเดียวนะ
3. น้ำหนักบรรทุก รถหนัก กินน้ำมัน ยิ่งเจอกับการจราจรติดขัด หยุด ชะลอรถบ่อยๆ ยิ่งกินน้ำมัน
4. รถเริ่มใช้งานมากขึ้น เครื่องยนต์สึกหรอ จะกินน้ำมันมากขึ้น การซื้อรถมือสอง เน้นรถที่ยังใช้งานไม่มากไว้ก่อน
สรุป
สำหรับมือใหม่อยากมีรถไว้ใช้งานสักคัน โดยเฉพาะรถคันแรก คันเดียวในบ้าน จะรถใหม่ หรือ รถมือสองก็ตาม ความรู้ในเรื่องการคำนวณอัตราบริโภคน้ำมันของรถรุ่นนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่าทำให้ความอยากได้อยากมี ทำให้ชีวิตต้องเป็นทุกข์ เน้นเลือกรถ รุ่นที่ประหยัดน้ำมันเท่านั้น แล้วจะใช้รถอย่างสบายกระเป๋า ใช้กันได้ยาวๆ แต่ทั้งนี้ก็อย่ามองข้ามคุณสมบัติด้านอื่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องประโยชน์ใช้สอย ต้องไปด้วยกันกับความประหยัด