เรียนจบสูง ปริญญาตรี ปริญญาโทหรือเอกก็ตาม แต่มาเป็นพ่อค้า แม่ค้า อาจจะเป็นเรื่องที่ยอมรับยากในสังคมไทย โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ปู่ยาตายาย เพราะยังให้ความสำคัญในเรื่องตำแหน่ง หน้าที่การงาน ชื่อเสียง ชอบข้าราชการ หรือหากทำงานบริษัทก็ต้องมีตำแหน่งงานที่ดี เงินเดือนสูง ซึ่งผู้ที่เรียนจบสูง มีโอกาสได้งานดีกว่า แต่เมื่อมาทำงานที่ดูธรรมดามาก จึงอาจจะไม่เป็นที่ยอมรับของคนใกล้ตัว
เรื่องนี้ก็เหมือนจะเป็นปัญหากับหลายคนเลยทีเดียว บางทีแม้จะทำกิจการไปได้ดีมาก มีรายได้มาก แต่เชื่อไหมว่า บางครอบครัวถึงกับขอร้องแกมบังคับให้ลูกหยุดทำงานนั้นทั้งที่มีรายได้เดือนหลักแสนบาท และมาทำงานเป็นครูอัตราจ้างก็ยังดี ได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่น ด้วยเหตุผลเพราะ เป็นอาชีพที่มีหน้ามีตา มีตำแหน่งในสังคม ไม่เหมือนพ่อค้า แม่ค้า
ข้อดีของการงานส่วนตัว เป็น พ่อค้า แม่ค้า
การขยายกิจการ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้
หากตัดเรื่องตำแหน่งทางสังคม ลาภ ยศ ชื่อเสียง สรรเสริญ ออกไปแล้ว ในเรื่องรายได้และความสุขในการทำงาน คงจะสู้พ่อค้า แม่ค้าไม่ได้อย่างแน่นอน ยิ่งพ่อค้า แม่ค้าที่เรียนจบสูงๆ ยิ่งได้เปรียบ เพราะมีวิธีคิด มีความรู้ในด้านต่างๆ ย่อมได้เปรียบ โดยเฉพาะในยุคไอทีแบบนี้ ได้เปรียบอย่างชัดเจน มีช่องทางขยายกิจการได้เร็วกว่ามาก ไม่ใช่แค่เปิดร้านค้าหน้าบ้าน หรือในตลาด เท่านั้น แต่ยังสามารถเปิดร้านค้าผ่านเฟสบุ๊ค เว็บไซต์ เพิ่มช่องทางขายผ่านโซเชียลต่างๆ การใช้ภาษาสากลได้จึงสามารถติดต่อกับชาวต่างประเทศได้ ขายสินค้าไปได้ทั่วโลก อย่าง Amazon หรือ eBay สั่งสินค้าจาก Alibaba มาขาย เป็นต้น
ความรู้สูงได้เปรียบ
เรียนจบสูง มาเป็นพ่อค้า แม่ค้า ผู้เขียนกลับมองว่า นี่คือคู่แข่งที่น่ากลัว สำหรับพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป และด้วยความรู้ วิธีคิด ที่ร่ำเรียนมา ย่อมจะมีโอกาสสร้างกิจการงานได้ดีกว่าแน่นอน มีโอกาสหาเงินได้มากกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่า
น้องสาวของผู้เขียนเรียนจบปริญญาโทร แต่มาเปิดร้านของตัวเอง ไม่ได้ไปทำงานในสายงานที่ร่ำเรียนมา เพราะหากมองในแง่รายได้ต่อเดือนแล้ว รายรับเพียงเดือนเดียว ก็มากกว่างานประจำทั้งปี ในเมื่อมีโอกาสดีๆ เข้ามาแบบนี้ ก็ต้องคว้าไว้ก่อน
มีโอกาศสร้างความมั่นคงของชีวิตในบั้นปลายเร็วขึ้น
บางคนอาจจะมองในเรื่องเงินบำนาญ หรือสวัสดิการที่จะได้รับ แต่การทำงานส่วนตัว เป็นพ่อค้า แม่ค้า หากรู้จักบริหารเงิน ก็ไม่จำเป็นต้องรอหลังเกษียณ บางคนสามารถตั้งตัวได้เร็ว และเกษียณตัวเองได้เร็วกว่านั้น มีชีวิตบั้นปลายที่สบายเร็วขึ้น เช่น ซื้อสลากออกสิน ตราสารหนี้ ซื้อหุ้น หรือลงทุนด้านอื่น ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนทุกเดือน เป็นเหมือนบำนาญมีเงินให้ใช้ตลอดชีวิต
หากรู้จักบริหารเงิน ก็จะมีเงินใช้ตลอดชีวิตได้เช่นกัน ไม่ได้ต่างอะไรจากการทำงานข้าราชการแต่อย่างใด ผู้เขียนมีเพื่อนที่ลงทุนกับหุ้นมานาน เฉพาะรายรับจากเงินปันผลแต่ละปี ก็มากพอรายจ่ายแต่ละเดือนแล้ว ไม่ต้องทำอะไร ชีวิตหลังเกษียณ ถอดหัวโขนแล้ว ก็ไม่ได้ต่างกันเลย แค่เคยมีอดีตทำงานตำแหน่งใหญ่ๆ โตๆ เท่านั้นเอง
สำหรับบางคนที่เคยเป็นช้าราชการระดับสูง เมื่อเกษียณออกมาแล้ว แม้จะมีบำนาญใช้อย่างสบายใจ แต่ความที่เคยมีชื่อเสียง มีคนรู้จักมาก ก็คงยากในการหนีภาษีสังคม บางคนยังมีรายจ่ายเรื่องซองเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทเลยทีเดียว
ช่องทางค้าขายค่อนข้างกว้าง มีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น
ทุกวันนี้ช่องทางค้าขายเปิดกว้างมากกว่าเมื่อก่อน การค้าขายจึงมีช่องทางที่หลากหลาย เช่น กรณีมีหน้าบ้านที่มีผู้คนสัญจรผ่านไปมา ก็สามารถขายของหน้าบ้านได้สบายๆ และอาจจะเปิดร้านค้าผ่าน Facebook หรือผ่านเว็บไซต์ไปพร้อมกัน มีโอกาสรับลูกค้าทั้งจากหน้าร้านและออนไลน์ ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เข้าถึงจุดมุ่งหมายของชีวิตได้เร็วกว่า
แต่ละคนก็มีจุดหมายชีวิตที่ต่างกันไป การเป็น พ่อค้า แม่ค้า ก็ต้องดูว่า ขายอะไร แบบไหน เพราะบางอย่างอาจจะมีรายได้มาก สร้างความร่ำร่วยได้เร็วกว่า เข้าถึงจุดหมายของชีวิตที่ต้องการได้เร็วกว่า
ข้อเสียของการ เรียนจบสูง มาเป็นพ่อค้า แม่ค้า
ปัญหาการคัดค้านของคนรอบตัว
การเป็นพ่อค้า แม่ค้า หรือเปิดร้านต่างๆ ร้านขายของ ร้านกาแฟ ขายอาหาร การทำกิจการส่วนตัวในลักษณะนี้ หากกิจการยังเล็ก เพิ่งจะเริ่มต้น มักจะมีปัญหากับบรรดาญาติสนิท มิตรสหายรอบตัว โดยเฉพาะคนในครอบครัว ที่มักจะต้องการให้ลูกหลานมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่เป็นหน้าเป็นตา เวลาคุยกับใคร ก็จะสามารถโอ้อวดได้เต็มที่ ไม่ใช่เป็นพ่อค้าแม่ค้า ดูไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีราคา ซึ่งคนรุ่นเก่าจะมองแบบนั้น
นอกจากนี้กรณีเจ็บป่วยก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ นี่คือมุมมองของคนรุ่นเก่า แต่เรื่องนี้ก็ไม่เสมอไป เพราะความเจ็บป่วยบางอย่างนั้น ต้องการอาหารหรือการรักษาวิธีพิเศษที่โรงพยาบาลรัฐไม่สามารถรักษาได้ ค่าใช้จ่ายจึงไม่สามารถเบิกได้ คนในครอบครัวต้องช่วยกันจ่าย หากไม่มีเงินก็รักษาไม่ได้ บางคนป่วยเป็นโรคที่อยู่ร่วมกับคนไข้ในโรงพยาบาลไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นตายเร็วแน่นอน ก็ต้องมารักษาตัวที่บ้าน กรณีนี้ จะไปเบิกอะไรกับใครได้ แม้จะเป็นข้าราชการก็ตาม
ประสบการณ์น้อยมีโอกาสผิดพลาด
หากไม่เคยทำกิจการมาก่อน เรียนจบแล้วก็มาเป็น พ่อค้า แม่ค้าทันที โอกาสรอด รุ่ง โรจน์ คงจะยาก หลายคนมีแต่ความคิดว่าอยากจะทำ แต่ไม่มีความรู้ คิดว่าความสำเร็จนั้นสร้างได้ง่ายๆ หลายคนจึงผลาญสมบัติพ่อแม่ไปกันพอสมควร ด้วยการนำเงินมาลงทุนเปิดร้าน เพื่อป้องกันความผิดพลาด ควรจะทดลองขายสินค้าก่อนจะเปิดร้านเองหรือลงทุนลงเงินจำนวนมาก อย่างการขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต หรือการเริ่มจากการขายของเล็กๆ น้อยๆ เป็นการทดสอบตัวเองว่าชอบหรือแค่อยากลองทำ
ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จมากเพียงใด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พ่อแม่จะเห็นด้วย หากทางครอบครัว พ่อแม่ อยากจะให้เป็นอะไร ก็อย่าหวังว่าจะได้รับการยอมรับ แม้อาชีพพ่อค้า แม่ค้าจะสร้างรายได้ให้มากเพียงใดก็ตาม โดยเฉพาะคนรุ่นเก่าที่อยากให้ลูกเป็นข้าราชการ หรือทำงานที่มีตำแหน่งทางสังคม หากเจอแบบนี้ ก็อาจจะทะเลาะกันไปอีกนาน
อาชีพพ่อค้า แม่ค้า ไม่มั่นคง
ผู้คนมากขึ้น การแข่งขัน การเลียนแบบก็มากขึ้น การเป็นพ่อค้า แม่ค้าก็เช่นกัน สินค้าชนิดใดที่ขายดี ก็ย่อมจะถูกเลียนแบบ หรือคู่แข่ง หรืออาจจะมีเรื่องของดินฟ้าอากาศ บางคนขายสินค้าใกล้โรงเรียน ก็มีปัญหาในรายได้ในช่วงปิดเทอมใหญ่ อาชีพนี้จึงไม่มั่งคง ต้องเตรียมแผนรับมือไว้หลายแบบ บางร้านช่วงเปิดเทอมไปได้ดี พอปิดเทอมใหญ่ ปิดยาว เด็กเปิดเทอมแล้ว แต่ร้านก็ยังไม่เปิด ไปเปิดที่อื่น อยู่ไม่ได้ ไม่มีรายได้
การจะทำอาชีพพ่อค้า แม่ค้า หากไม่เคยทำมาก่อน หรือไม่ได้เป็นการรับช่วงกิจการต่อจากพ่อแม่ที่เคยทำอยู่แล้ว ต้องเริ่มนับ 0, 1, 2, 3 .... โอกาสประสบความสำเร็จไม่ง่ายนัก ดังนั้น จึงต้องศึกษา วางแผนให้ดี ทุกวันนี้ ข้อมูลต่างๆ ก็หาได้ไม่ยาก บางคนตั้งใจจะทำกิจการส่วนตัว ในระหว่างเรียนหนังสือหรือขณะทำงานประจำ ก็เริ่มลงมือทำไปพร้อมกัน จนอยู่ตัวแล้ว เรียนจบแล้วก็สานต่อเลยหรือไม่ก็ลาออกไปทำงานส่วนตัวอย่างเต็มที่
กรณีนี้จะมีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่า ยิ่ง เรียนจบสูง มาเป็นพ่อค้า แม่ค้า ยิ่งได้เปรียบ แน่นอน โดยเฉพาะหากครอบครัวไม่คัดค้านหรือให้ความช่วยเหลือ เพราะบางคนมีที่เป็นทรัพย์อยู่แล้ว บ้านติดถนน เปิดร้านค้าได้ โอกาสประสบความสำเร็จก็ย่อมสูงกว่า