Sponsored Ads

ขับรถประหยัดน้ำมัน มีหลายวิธี ซึ่งควรทดสอบกับรถของเรา เพื่อให้รู้ว่า วิธีไหนช่วยประหยัดน้ำมันได้ดีกว่าวิธีอื่น เพื่อช่วยลดค่าน้ำมัน หรือใช้ในกรณีฉุกเฉิน น้ำมันใกล้จะหมด หรือกรณีที่ต้องการรัดเข็มขัดประหยัดเงินค่าใช้จ่าย เรื่องน้ำมันนั้นสำคัญ เพราะเป็นรายจ่ายที่มากที่สุด แพงกว่าค่าตัวรถ

ในการใช้งานรถยนต์นอกจากราคาค่าตัวรถแล้ว เรื่องน้ำมันจะเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายคนกังวล เพราะค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันเป็นค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์ 1 คัน หรือตราบที่ยังคงต้องขับรถอยู่ การขับรถให้ประหยัดน้ำมันในระยะยาวจะช่วยประหยัดเงินได้หลักแสนหลักล้านบาทเลยทีเดียว

 

การตรวจวัดอัตราบริโภคน้ำมัน

ก่อนจะทดลองขับรถประหยัดน้ำมันแบบต่างๆ จำเป็นจะต้องรู้วิธีตรวจวัดอัตราบริโภคน้ำมันกันก่อน ซึ่งมีวิธีง่ายๆ โดย
1. เติมน้ำมันให้เต็มถัง ซึ่งเกือบจะเต็มถัง หัวจ่ายจะตัดการจ่ายน้ำมัน ให้รีบจดตัวเลขต่างๆ เอาไว้ เช่น
- จดเลขไมล์
- กดรีเซตเลขไมล์เพื่อจับระยะทาง
- จดตัวเลขปริมาณน้ำมันที่ได้เติมเข้าไป กี่ลิตรให้จดไว้

ขับรถประหยัดน้ำมัน2

2. ขับรถไปสักระยะ แล้วกลับมาเติมน้ำมันอีกครั้ง เน้นปั๊มเดิม หัวจ่ายเดิม ทำเหมือนเดิม เมื่อหัวจ่ายตัดการจ่ายน้ำมัน ให้จดตัวเลขเอาไว้เช่นกัน ส่วนเด็กปั๊มจะเติมให้เต็มอย่างไรก็ปล่อยเค้าไป เพราะส่วนใหญ่จะไม่พอดี มีเศษ คำนวณยาก

3. คำนวณระยะทางที่ใช้ไป โดยนำตัวเลขระยะทางทั้งหมด ที่ใช้ไป เช่น ขับรถไป 360 กิโลเมตร มาหารด้วยจำนวนลิตรของน้ำมันที่ได้เติมลงไป เช่น 30 ลิตร 360 กิโลเมตร หาร 30 ลิตร เท่ากับ 12 กิโลเมตรต่อลิตร
ตัวอย่าง สมมุติว่าใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 95 ลิตรละ 36 บาท ค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรจะอยู่ที่ 36 หาร 12 เท่ากับ 3 บาท มีค่าน้ำมันรถกิโลเมตรละ 3 บาท

 

* ในรถยนต์รุ่นใหม่จะมีตัวช่วยคำนวณหาค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมัน แต่ไม่แม่น ต้องใช้วิธีนี้ดีที่สุด ใช้ไปเท่าไร ก็เติมกลับไป แล้วนำตัวเลขมาคำนวณ หลายคนจะคิดคำนวนง่าย เช่น ขับจากบ้านไปที่ทำงาน ใช้น้ำมันไปขีดเดียว หรือใช้น้ำมันครึ่งถัง วิธีคิดคำนวณแบบนี้ ใช้ไม่ได้ ไม่แม่น

 

ตัวอย่างการทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน แบบต่างๆ

วิธีขับรถประหยัดน้ำมันมีหลายแบบ จำเป็นต้องทดลอง ทดสอบ เพื่อให้รู้ว่ารถของเรานั้นต้องขับแบบใดจึงจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ดีที่สุด แต่กว่าจะได้ผลตามต้องการ จะต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะวิธีทดสอบมีหลายวิธี

 

สำหรับใครที่เติมน้ำมันเดือนละครั้ง อาจจะใช้เวลาเป็นปี ไม่เช่นนั้นก็ต้องแนวร่วมช่วยกันทดสอบ โดยเข้าชมรมรถยี่ห้อนั้นๆ แล้วแบ่งกันช่วยทดสอบ ใครจะลองแบบไหน เลือกได้ตามใจชอบ อาจจะใช้เวลาไม่กี่วัน ก็น่าจะได้ผลการทดสอบตามต้องการแน่นอน

 

1. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยเพิ่มลมยางให้แข็งหรือเติมลมยางให้เหมาะสม

เริ่มด้วยการทดสอบวิธีแรก ให้เริ่มด้วยการเติมลมยางให้เหมาะสม โดยใช้ค่ามาตรฐานตามที่รถยนต์รุ่นนั้นๆ กำหนดไว้ ซึ่งจะติดสติ๊กเกอร์ไว้ฝั่งประตูคนขับ ใต้เบาะคนขับ ให้ทดสอบโดยเปรียบเทียบกับการเติมลมยากให้แข็งกว่าค่ามาตรฐาน เช่น ค่ามาตรฐานกำหนดไว้ 28 อาจจะเติม 35 เป็นต้น จากนั้นก็ขับรถทดสอบ

ขับรถประหยัดน้ำมัน3

2. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยใช้ความเร็วที่ต่างกัน

วิธีนี้ให้ทดสอบโดยขับรถที่ความเร็วต่างๆ เช่น ไม่เกิน 80, ไม่เกิน 100, หรือมากกว่า 100 มากกว่า 120 เพื่อให้รู้ว่าความเร็วที่เหมาะสม ใช้ความเร็วคงที่ อย่างการประคองไว้ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดน้ำมันมากที่สุดจะต้องใช้ความเร็วเท่าไร ทั้งนี้ก็ต้องทดสอบโดยเติมลมยางด้วยเช่นกัน ใช้ลมยางมาตรฐาน กับการเติมลมยางให้มากกว่ามาตรฐาน

ขับรถประหยัดน้ำมัน4

3. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยการขับแบบ แรง และ ราบเรียบ ไปเรื่อยๆ

ทดสอบการขับรถแบบ แรงๆ ออกตัวแรง และขับแบบ เรียบๆ ค่อยๆ ออกรถ ไม่เร่งรีบ เพื่อดูความแตกต่างของน้ำมันที่ใช้ไปกับการขับรถทั้งสองแบบ ว่ากินน้ำมันมากน้อยกว่ากันเพียงใด

 

4. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยใช้น้ำหนักบรรทุก

น้ำหนักบรรทุกมีผลโดยตรงกับอัตราบริโภคน้ำมัน การบรรทุกของหรือผู้โดยสารเต็มคัน ปกติจะใช้น้ำมันกว่ากว่านั่งรถ 1-2 คน และหากต้องชะลอหรือหยุดรถ ติดไฟแดง หรือเจอโค้งต้องชะลอรถเพื่อเลี้ยวบ่อยๆ จะเปลืองน้ำมันมากกว่าการขับทางไกลยาวๆ ไม่มีการชะลอรถ จากที่เคยทดสอบใน Honda City Type Z นั่งเต็มคัน ผู้ใหญ่ 5 คน ขับเกิน 100 ขับจนเข็มอยู่ที่ตัว E จะได้ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตรเท่านั้น หรือน้อยกว่า แต่การนั่งคนเดียวจะได้เกิน 600 กิโลเมตรขึ้นไป

 

5. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยใช้ยางขนาดต่างๆ

ขนาดของยางรถยนต์ หน้ายางมีผลต่อปริมาณน้ำมันที่ใช้เช่นกัน การทดสอบแบบนี้ค่อนข้างยาก การหายางมาทดสอบมีค่าใช้จ่าย จำเป็นจะต้องเข้าชมรมรถยี่ห้อนั้นๆ แล้วหาแนวร่วมช่วยทดสอบ ใครใช้ล้อและยางแบบใด ก็มาร่วมด้วยช่วยกันทดสอบ เช่น ใช้ล้อและยางขนาดมาตรฐานติดรถ ใช้ล้อใหญ่กว่ามาตรฐาน เป็นต้น

 

6. ทดสอบโดยขับรถขึ้นเขา ขึ้นเนิน ลงเนิน

ขับรถขึ้นเขา ขึ้นเนิน ลงเนิน การทดสอบจะมีตัวแปรหลายอย่าง เช่นกัน เช่น ยางมาตรฐาน จำนวนผู้โดยสาร ความเร็วที่ใช้ ผู้เขียนเคยพากันไปเที่ยวต่างจังหวัด การขับรถขึ้นเขาที่มีผู้โดยสารเต็มคัน 5 คน สำหรับรถยนต์เล็ก จะกินน้ำมันมาก

 

7. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยปิดแอร์ เปิดแอร์

การปิดแอร์ หรือ เปิดแอร์ จะมีผลต่ออัตราบริโภคน้ำมันเช่นกัน การปิดแอร์จะช่วยประหยัดน้ำมัน หากทดสอบร่วมกับวิธีอื่นด้วย เช่น ขับไม่เกิน 80 ก็จะเห็นผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

8. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยเปลี่ยนชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง

น้ำมันเชื้อเพลิงแบบต่างๆ แก๊สโซฮอลล์ 91, แก๊สโซฮอลล์ 95 หรือน้ำมันเบนซิน 95 ส่งผลต่อต่ออัตราบริโภคน้ำมัน จึงต้องทดสอบเพื่อจะได้เลือกให้เหมาะสมกับรถยนต์ที่ใช้ นอกจากนี้ก็ต้องดูด้วยว่า ความแรงของรถเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับการใช้น้ำมันแต่ละชนิด

 

9. ทดสอบโดยใช้รถเกียร์ธรรมดาหรือออโต้

ในรถเกียร์ธรรมดาหรือออโต้จะมีอัตราบริโภคน้ำมันไม่เท่ากัน รถเกียร์ธรรมดารุ่นเก่าประหยัดกว่ารถเกียร์ออโต้ แต่รถรุ่นใหม่ รถเกียร์ออโต้มีแนวโน้มประหยัดน้ำมันมากกว่า เพราะระบบเกียร์ฉลาดกว่า เปลี่ยนเกียร์ได้เหมาะสมกว่าการเปลี่ยนเกียร์เอง เช่นเดียวกัน จำเป็นจะต้องทดสอบร่วมกับการทดสอบวิธีอื่น เช่น การเติมลมยาง ความเร็วที่ใช้ น้ำหนักบรรทุก จำนวนผู้โดยสาร การออกตัวเร็วแรงหรือเรื่อยๆ

 

10. ทดสอบการ เรื่องประหยัดน้ำมัน โดยใช้รถใหม่หรือรถมือสอง

รถยนต์ออกใหม่เครื่องยังฟิต จะประหยัดน้ำมันกว่ารถเก่าแล้ว ให้ทดสอบกับรถรุ่นเดียวกันเครื่องยนต์เหมือนกัน ก็จะได้ผลการทดสอบที่ตรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีสมาชิกชมรมรถ ช่วยกันทดสอบ

 

11. ทดสอบการ การประหยัดน้ำมัน โดยการขับรถในเมือง นอกเมือง

การขับรถในเมือง รถติด หยุดบ่อย จะใช้น้ำมันมากกว่า การขับรถนอกเมือง ถนนโล่ง ขับยาวๆ ไม่มีการจอด หยุด ชะลอ และใช้ความเร็วคงที่ รถยนต์เครื่องยนต์เล็ก ไม่เกิน 1500 cc ขับในเมืองประหยัดกว่ารถยนต์เครื่องยนต์ใหญ่ แต่หากขับทางไกล อาจจะใกล้เคียงกัน แต่ให้ความรู้สึกสบายไม่เหมือนกัน รถใหญ่ ปลอดภัย นั่งสบายกว่า

 

12. ทดสอบการ ขับรถประหยัดน้ำมัน โดยใช้รถที่ต่าง CC หรือชนิดเครื่องยนต์

การทดสอบแบบนี้ต้องมีรถหลายคัน ใช้เส้นทางเดียวกัน หรือต้องมีผู้ช่วยทดสอบหลายคน เพราะแต่ละคนย่อมจะมีรถที่ต่างกันไป บางคนใช้รถเล็กเครื่องยนต์ 1200 cc บางคนใช้รถกระบะ เครื่องยนต์ดีเซล

 

13. การถ่ายน้ำมันเครื่อง กับการประหยัดน้ำมัน

หลังการถ่ายน้ำมันเครื่องให้ลองทดสอบในเรื่องความประหยัดน้ำมัน เปลี่ยนกรองอากาศ เช่น ถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตร ให้ทดสอบตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ถ่ายน้ำมันเครื่อง และช่วงที่ขับรถไปมากพอสมควรเกิน 9,000 กิโลเมตรไปแล้ว เพื่อดูว่า น้ำมันเครื่องเก่าแล้ว ใช้มานานแล้ว มีผลกับอัตราบริโภคน้ำมันมากน้อยเพียงใด

 

ตัวแปรอื่นๆ ที่ช่วยลดอัตราบริโภคน้ำมันได้

ในชีวิตจริง การขับรถจริงๆ ยังมีตัวแปรอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออัตราการบริโภคน้ำมัน เช่น สภาพถนน ทางตรงประหยัดกว่าทางโค้ง ที่ต้องชะลอบ่อย และเร่งเครื่องบ่อย

 

การวางแผนเส้นทางขับรถ

การวางแผนเส้นทางขับรถ

สำรวจเส้นทางก่อนการเดินทางจะช่วยประหยัดน้ำมัน ไม่หลงทาง ระยะทางก็จะสั้นลง ไม่เสียเวลาเช่นกัน การวางแผนการเดินทางทุกวันนี้ทำได้ง่ายมาก เพราะในมือถือจะสามารถดูเส้นทางได้อย่างละเอียด เสียสละเวลาสักนิด เพื่อสำรวจและเลือกเส้นทางจะประหยัดเวลา ประหยัดเงิน ถึงที่หมายเร็วกว่า ปลอดภัยกว่า

 

หลีกเลี่ยงเส้นทางคดเคี้ยว มีแยก มีไฟแดง

พยายามเลือกเส้นทางสายหลัก อย่าใช้สายลัด คดเคี้ยว มีแยก มีไฟแดง ซอยเยอะ เพราะการหยุด หรือชะลอรถบ่อยๆ จะทำให้เปลืองน้ำมัน โดยเฉพาะหากมีผู้โดยสารเต็มคัน รถยนต์เครื่องยนต์เล็ก ไม่เกิน 1500 cc จะเห็นผลอย่างชัดเจน ยิ่งต้องขึ้นเขา ลงเนินด้วยแล้ว จะเปลืองน้ำมันมาก

 

การเดินทางไปยังจุดหมายก่อนกำหนดเวลา

เวลาเริ่มงานปกติอาจเป็นเวลา 8:00 น. แต่การเดินทางไปให้เร็วกว่านั้น จะช่วยประหยัดเวลา และประหยัดน้ำมัน เพราะรถไม่ติด ถนนโล่ง เพียงแต่ต้องหากิจกรรมทำ ระหว่างรอให้ถึงเวลาทำงานหรือเวลาเรียน หรือกรณีมีนัดต่างๆ การเดินทางไปก่อนเวลา ก็ไม่ต้องเร่งรีบ ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่ต้องใช้ความเร็วสูง

 

การ ประหยัดน้ำมัน เป็นเรื่องดี ในระยะยาวแล้ว จะช่วยประหยัดเงินได้อย่างมาก แต่สิ่งสำคัญ ก็ต้องเลือกรถให้เหมาะสมกับตัวเองด้วยเช่นกัน ขับคนเดียว ใช้รถยนต์ขนาดเล็ก เครื่องยนต์เล็ก เป็นต้น

 

กรณีที่เป็นครอบครัวใหญ่ มีผู้โดยสารหลายคน หรือ ขับทางไกล ทางใกล้ในเมืองรถติด ต้องเลือกรถให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นแม้จะเป็นรถเล็ก แต่ก็ยากในการควบคุมเรื่อง การประหยัดน้ำมัน รถขนาดเล็ก รถอีโคคาร์ เครื่อง 1200 cc หากสมาชิกในบ้านมีหลายคน 4-6 คน นั่งคันเดียวไปไหนมาไหนกันบ่อยๆ กรณีนี้ไม่ประหยัดแน่นอน ควรใช้รถเครื่องยนต์ 1500 cc ขึ้นไป เป็นต้น