Sponsored Ads

ในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษเพื่อสนทนากัน การใช้สรรพนามว่า คุณ หรือ you เป็นคำที่ค่อนข้างบ่อย รวมทั้งคำสรรพนามที่ เกี่ยวโยงกันด้วย อย่าง your, yours และ yourselvesf ในบทความนี้จะพยายามรวบรวมตัวอย่างประโยคแบบต่างๆ ที่ใช้สรรพนาม you สร้างประโยค โดยจะมีทั้งคำอ่านและคำแปล เพื่อให้ทุกท่านสามารถเรียนเองได้ แม้ไม่มีพื้นฐานมาก่อน

ประโยคภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นด้วย you หรือ คุณ... มีเยอะมาก และเวลาคุยกัน เราก็มักจะใช้ประโยค you/คุณ.. และ you/คุณ ตัวอย่างประโยคต่อไปนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เพราะสามารถนำไปดัดแปลงเพื่อการสนทนากับชาวต่างชาติได้ไม่ยาก

 

การใช้ You/ยู/คุณ เบื้องต้น

การแต่งประโยคขึ้นต้นด้วย you/ยู หรือคุณ จะเป็นประโยคที่ต้องใช้อยู่บ่อยๆ ในการสนทนา คำว่า you เป็นคำสรรพนามแทนชื่อคู่ สนทนาของเราหรือแทนชื่อผู้ที่เรากำลังคุยด้วย เช่น คุณสบายดีไหม

 

การใช้ you/ยู/คุณ เบื้องต้น

การแต่งประโยคขึ้นต้นด้วย you/ยู/คุณ จะเป็นประโยคที่ต้องใช้อยู่บ่อยๆ ในการสนทนา คำว่า you เป็นคำสรรพนามแทนชื่อผู้ที่เรา สนทนาด้วย เช่น คุณต้องไปแล้วนะ

 

วิธีใช้งาน You พื้นฐาน จะใช้ You + กริยาที่ต้องการ เช่น
You walk along this road.
ยู วอล์ก อะลอง ดิส โร้ด
คุณเดินไปตามถนนเส้นนี้

You are here now.
ยู อาร์ เฮีย นาว
คุณอยู่ตรงนี้ในขณะนี้

 

คำกริยามีเยอะมาก เช่น กิน เดิน วิ่ง กระโดด อาบน้ำ นอน คลาน ไป พบ ทิ้ง ตะโกน ฯ,ฯ อยากจะใช้คำว่าอะไร ก็จับมาใส่หลังคำว่า You เพื่อแต่งประโยคได้ตามใจชอบ แต่ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย You จะมีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นประโยคคำถามมากกว่า แต่ใน บทความนี้จะเน้นประโยคธรรมดา ซึ่งจะมีความหมายในเชิงให้ทำมากกว่า เป็นประโยคขอร้องหรือบังคับ ขึ้นอยู่กับว่า น้ำเสียงอ่อนหรือ เข้ม ถ้าเสียงอ่อนก็เป็นการอ้อน ถ้าเสียงเข้มก็เป็นการสั่ง

 

ทุกวันนี้เราใช้มือถือกันเป็นส่วนมาก แนะนำให้ติดตั้งแอป ดิกชันนารี อังกฤษ-ไทย Thai English Dictionary Bravolol - Language Learning แอปนี้ดีมากๆ เราสามารถค้นหาคำที่ต้องการ เช่น เรียนหรือ learn/เลิน ก็จะมีทั้งตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษและการออก เสียง ซึ่งสามารถแต่งประโยคได้ง่ายๆ ด้วยการนำมาต่อหลัง You อย่าง
You learn cooking.
ยู เลิน คุ๊กกิ้ง
คุณ เรียน ทำอาหาร เป็นต้น

 

การใช้ You ตาม Tense /เท้นสฺ

การแต่งประโยคขึ้นต้นด้วย You หรือ คุณ ตามกาลหรือ Tense/เท้นสฺ ซึ่งจะแยกเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต การพูดถึงเรื่องราว ในอดีต ก็ต้องแต่งโปรโยคโดยใช้คำกริยาให้ถูกต้อง ซึ่งคำกริยาจะมี 3 แบบ หรือเรียกว่า 3 ช่องที่จะต้องใช้ให้ถูกต้อง เช่น

 

อดีต You learned coooking
You เลินดฺ คุ้กกิ้ง
พูดถึงเรื่องในอดีต ว่าคุณเคยเรียนทำอาหาร แต่ปัจจุบันไม่ได้เรียนแล้ว จบคอร์สแล้ว

 

ปัจจุบัน You learn cooking.
ยู เลิน คุ๊กกิ้ง
คุณ เรียน ทำอาหาร พูดถึงเรื่องในปัจจุบัน อาจจะวันนี้ เวลานี้ ยังทำอยู่

 

อนาคต You will learn cooking.
ยู วิล เลิน คุ๊กกิ้ง
คุณ จะ เรียน ทำอาหาร พูดถึงสิ่งที่จะทำในอนาคต อาจจะพรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า ปีหน้า

 

การใช้ You ตาม Tene / เท้นสฺ ไม่ยาก ต้องศึกษาการเปลี่ยนคำกริยาให้เป็นอดีตซึ่งจะใช้การเดิม ed และคำกริยา 3 ช่อง แต่หาก ไม่มีพื้นฐานมาก่อน จะใช้คำกริยาที่มีความหมายว่าปัจจุบัน ชาวต่างชาติก็พอจะเข้าใจ เพราะคนไทยเราไม่มีประโยคในลักษณะนี้ การ พูดว่า คุณเรียนทำอาหาร เราก็พูดเหมือนๆ กัน

 

ตัวอย่างการเติม ed สำหรับคำกริยา กรณีเป็นการเล่าเรื่องในอดีต เช่น
learn /เลิน/เรียนรู้ เป็นคำกริยาที่หมายถึงปัจจุบัน หรือเรียกว่า V1 คำกริยาช่องที่ 1
learned /เลินดฺ/เรียนรู้ เป็นคำกริยาที่หมายถึงอดีต หรือเรียกว่า V2 หรือ V3 เป็นคำกริยาช่องที่ 2 หรือช่องที่ 3

 

ศึกษาการแต่งประโยคภาษอังกฤษตามกาลหรือ Tense คลิกที่นี่

 

การใช้ you กับ Verb to Be คุณเป็น.. คุณอยู่.. คุณคือ...

Verb to be จะมีหลายแบบ เช่น is, am, are, was, were และ been สำหรับ คุณ/ You จะใช้กับ are/อาร์ และ were/เวอ
การใช้คุณหรือ you กับ Verb to Be /เวิร์บทูบี จะใช้บ่อยมาก โดยจะใช้ในความหมายดังนี้

การพูดถึงสิ่งที่เป็นปัจจุบันเรื่องในเวลานี้ ทุกวันนี้ ขณะนี้

คุณเป็น.. เช่น you are beautiful
ยู อาร์ บิวตี้ฟูล
คุณ เป็น คนสวย

 

คุณอยู่.. เช่น you are here on the map. ยู อาร์ เฮีย ออน เดอะ แมพ
คุณ อยู่ ตรงนี้ในแผนที่

 

คุณคือ...เช่น you are a new manager of this company.

 

ยู อาร์ อะ นิว เมเนเจอะ ออฟ ดิส คัมพานี
คุณคือผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทนี้ (ขณะนี้ก็ยังทำงานอยู่ เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน)

 

การพูดถึงเรื่องที่เป็นอดีตผ่านมาแล้ว ไม่ได้ทำอีกแล้ว

คุณเป็น.. เช่น you were a teacher.
ยู เวอ อะ ทีเช่อะ
คุณ เคย เป็น ครู เป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นแล้ว ลาออกแล้ว

 

คุณอยู่.. เช่น you were at home.
ยู เวอ แอท โฮม
คุณ ได้ อยู่ ที่ บ้าน เป็นเรื่องในอดีต อาจจะสนทนา เกี่ยวกับสิ่งที่ได้กระทำเมื่อวาน ใครทำอะไรอยู่ที่ไหน

คุณคือ...เช่น you were a new manager of this company.
ยู เวอ อะ นิว เมเนเจอะ ออฟ ดิส คัมพานี
คุณคือผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทนี้ เคยเป็น เคยทำงานที่บริษัทนี้ แต่ปัจจุบันลาออกไปทำงานที่บริษัทอื่นแล้วหรือเกษียณแล้ว

 

การใช้ you กับ Been/บีน จะใช้ในความหมายว่าเคย...

You have been there for 3 hours.
ยู แฮฟ บีน แดร์ ฟอร์ ทรี อาวเออะสฺ
คุณได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง
แต่ขณะที่พูดนั้น ไม่ได้อยู่แล้ว หากเทียบกับภาษาไทยเราแล้ว อาจจะเป็นการสนทนากันเกี่ยวกับการเดินทางไปสถานที่ใดๆ อาจจะเป็น การจัดงาน นิทรรศการ โดยอาจจะถามว่า ได้ไปงานนิทรรศการไหม คนตอบ อาจจะตอบว่า ไป คุณได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ก็จะ พูดด้วยประโยคในลักษณะนี้ แต่ขณะที่พูด ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว อาจจะเป็นช่วงเวลาก่อนเที่ยง

 

การใช้ you กับ Verb to Have คุณมี.. คุณได้..แล้ว

ประโยคขึ้นด้วยด้วย คุณ /you กับคำกริยา Have/แฮฟ หมายถึง คุณมี หรือคุณได้ .. เช่น

 

การใช้ you กับ have ในเรื่องที่เป็นปัจจุบัน

การใช้ในความหมายว่า คุณมี..
You have two cats.
ยู แฮพ ทู แคทซฺ
คุณมีแมวสองตัว

 

การใช้ในความหมายว่า คุณได้กระทำ กรณีนี้จะใช้ have เป็นกริยาช่วย จะไม่แปลว่า ได้มี
You have been there for 3 hours.
ยู แฮฟ บีน แดร์ ฟอร์ ทรี อาวเออะสฺ
คุณได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง
ในกรณีนี้จะแปลว่า คุณได้กระทำอะไร ซึ่งก็คือ คุณได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง อาจจะนัดกัน แล้วอีกฝ่ายผิดนัด ก็ไปรออยู่ 3 ชั่วโมง เป็นต้น จะใช้ have + กริยาช่องที่ 3

 

You have drunk coffee.
ยู แฮฟ ดรัง คอฟฟี่
คุณได้ดื่มกาแฟ
แต่ขณะที่พูดไม่ได้ดื่มแล้ว อาจจะดื่มไปเมื่อเช้า drunk เป็นคำกริยาช่อง 3 ของ drink แปลว่า ดื่ม

 

การใช้ you have + กริยาช่องที่ 3 จะใช้ในความหมายว่า ได้ทำสิ่งนั้นๆ ไปแล้ว ภายในวันนั้น และขณะที่พูด ก็ไม่ได้ทำอีกแล้ว ประโยคที่เราจะใช้บ่อยๆ เช่น การพูดว่า คุณได้ทำสิ่งนั้นไปแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ทำ คุณเคยไปที่นั่นแล้ว แต่ฉันยังไม่เคย

 

อาจจะเติม already มีความหมายว่า แล้ว เพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ขึ้น
You have eaten breakfast. But I have eaten only some fruit.
ยู แอฟ อีทเท่น เบรกฟัสทฺ. บัท ไอ แฮฟ อีทเท่น โอนลิ ซัม ฟรุต
คุณได้ทานอาหารเช้าแล้ว แต่ฉันกินผลไม้บ้างเท่านั้น (เลยไม่อยู่ท้อง ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว)

 

การใช้ you กับ have ในเรื่องที่เป็นอดีต ผ่านไปแล้ว

กรณีนี้จะใช้ในความหมายว่า คุณเคยมี เช่น
You had two dogs.
ยู แฮด ทู ด้อกซฺ
คุณเคยมีสุนัขสองตัว แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่ได้เลี้ยงอีกแล้ว

 

การใช้ในความหมายว่า คุณได้กระทำ หรือเคยกระทำ เรื่องใดๆ ในอดีต เช่น
You had deleted my phone number yesterday.
ยู แฮด ดีลีทเท็ด มาย โฟน นัมเบอร์ เยสเทอเดย์/ คุณได้ลบหมายเลขโทรศัพท์ของฉันเมื่อวานนี้

 

การใช้ you กับ Verb to Do คุณทำ...

ประโยคขึ้นด้วยด้วย คุณ /youกับคำกริยา Do /ดู หมายถึง คุณทำ หรือคุณเคยทำ.
การใช้youและ Do พูดถึงสิ่งที่เป็นปัจจุบัน วันนี้ เวลานี้ ขณะนี้
You do the homework.
ยู ดู เดอะ โฮมเวิร์ค
คุณทำงานบ้านนะ อยากบอกให้ใครทำอะไร ก็บอกไปเลยว่า You do ...

 

การใช้ you และ Do พูดถึงสิ่งที่เป็นอดีต เรื่องเมื่อวาน หรือวันที่ผ่านมา

You did the homework
ยู ดิด เดอะ โฮมเวิร์ค
คุณทำงานบ้าน อาจจะพูดถึงเรื่องที่เคยทำกันในอดีต คุณเคยทำงานบ้าน ส่วนฉันก็เคยทำอาหาร เป็นต้น

 

การใช้ Do เพื่อเน้นถึงความรู้สึก เช่น
You love her.
ยู เลิฟ เฮอ
คุณรักหล่อน หากรักใครสักคน เราอาจจะพูดแบบนี้ เป็นประโยคที่คนไทยรู้จักดีอย่างแน่นอน

 

You do love her.
ยู ดู เลิฟ เฮอ
คุณรักหล่อนจริงๆ
เป็นการเน้นว่า รักมาก ไม่ใช่แค่ คุณรักหล่อนเฉยๆ การพูดในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะพูดเพื่อจับผิดอีกฝ่ายว่า คุณรักเขาจริงๆ คุณรักเขา แน่ๆ ฉันดูออก หรือคำพูดที่ใกล้เคียงกัน

 

อะไรก็ตามที่รู้สึกว่า ชอบมาก หลงไหลมาก อยากจะพูดออกไป ให้ใช้ you do + v1 คุณ...มาก

 

การใช้ you กับ Can, Could คุณสามารถ...

การใช้ you กับ Can จะใช้ในความหมายว่า คุณสามารถกระทำอะไรได้บ้าง คุณสามารถ....
การใช้ you can จะใช้ในการพูดเรื่องที่เป็นปัจจุบัน
You can drive a car.
ยู แคน ไดรฟฺ อะ คาร์
คุณสามารถขับรถได้

 

อยากจะชมคู่สนทนาว่า คุณสามารถทำอย่างนั้นได้ ทำอย่างนี้ได้ โอ้! คุณเก่งมาก ก็สามารถแต่งประโยคง่ายๆ ด้วยการใช้ you can + คำกริยาช่องที่ 1

 

การใช้ you could คุณสามารถ.. ใช้เล่าเรื่องที่เป็นอดีต

You could drive when you were ten.
ยู คู้ด ไดรฟฺ เว้น ยู เวอ เทน
คุณสามารถขับรถได้ตั้งแต่คุณมีอายุสิบขวบ อาจจะเป็นการสนทนากันเรื่องการขับรถ แล้วอีกฝ่ายก็ชื่นชมว่า คุณสามารถขับรถได้ตั้งแต่ อายุสิบชวบ คุณทำได้อย่างไร เก่งมาก เป็นต้น

 

การใช้ You กับ Will, Would คุณจะ...

การใช้ you will... จะใช้ในความหมายว่า คุณจะ... เป็นการใช้ในความหมายถึง การจะทำอะไรในอนาคต

 

You will get a new car tomorrow.
ยู วิล เก็ด อะ นิว คาร์ ทูโมโรว์
คุณจะได้รับรถใหม่ในวันพรุ่งนี้

 

หากต้องการแต่งประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า คุณจะทำอะไรในอนาคต... ให้ใช้ you will + คำกริยา เช่น คุณจะไป..., คุณจะทำ..., คุณ จะ ฯลฯ

 

การใช้ You กับ Shall, Should คุณจะ และคุณควรจะ....

การแต่งประโยคที่ขึ้นต้นด้วย you shall จะใช้ในความหมายว่า คุณจะ... คล้าย You will
You shall be there tomorrow.
ยู ชอลล บี แดร์ ทูโมโร
วันพรุ่งนี้คุณจะอยู่ที่นั่น อาจจะเป็นการสนทนาในเรื่องการเดินทาง พรุ่งนี้คุณจะไปถึงตรงนั้น จะไปอยู่ตรงนั้น สถานที่นั้นๆ

 

การใช้ You should have + กริยาช่องที่ 3 ในพูดในสิ่งที่ควรจะทำ แต่ไม่ได้ทำ หากเปรียบเทียบกับภาษาไทยเราแล้ว จะเป็นการพูด ในลํกษณะการโทษตัวเองมากกว่า ว่าควรจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอย่างนั้นอย่างนี้ตามมา แต่ก็ไม่ได้ทำ
You should have told her the truth before she left.
ยู ชู้ด แฮฟ โทล เฮอ เดอะ ทรูธ บีฟอร์ ชี เลฟทฺ
คุณควรจะบอกความจริงกับเธอก่อนที่เธอจะจากไป คุณควรจะทำแต่ก็ไม่ได้ทำ จะใช้ประโยคในลักษณะนี้

 

การใช้ you กับ May, Might คุณอาจจะ...

การใช้ you may/ยู เมย์ หรือ you might /ยู ไม๊ธฺ ในความหมายว่า คุณอาจจะ

 

การใช้ you may /ยู เมย์
You may arrive at noon.
ยู เมย์ อะไรฟฺ แอท นูน
คุณอาจจะมาถึงตอนเที่ยง ก็ได้นะ (เพราะหลังเที่ยงเป็นต้นไป ฉันว่าง)

 

หากต้องการแต่งประโยคที่ขึ้นต้นด้วย คุณอาจจะ ก็ใช้ you may + คำกริยาช่อง 1 ได้เลย การใช้ may เป็นการคาดคะเนในสิ่งที่มี โอกาสเกิดขึ้น และแน่ใจว่าจะเกิดขึ้น

 

You might be wrong.
ยู ไมธฺ บี รอง
คุณอาจจะเป็นฝ่ายผิดก็ได้นะ

 

การใช้ might /ไมธฺ ใช้ในกรณีที่เป็นการคาดคะเนในเรื่องนั้นๆ แต่ไม่แน่ใจนักว่าจะเกิดขึ้นขึ้นหรือไม่ การพูดในสิ่งที่ไม่แน่ใจแบบนี้ เราก็พูดกันบ่อยๆ สำหรับประโยคภาษาไทยของเราเอง เช่น มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ ฝนอาจจะตกก็ได้ สิ่งที่คิดอาจจะถูกก็ได้ เป็นต้น

 

การใช้ You กับ Must, Have to คุณต้อง...

การใช้ you must จะใช้ในความหมายว่า คุณต้อง... คุณต้องการจะทำอะไร ก็ใช้ you must + คำกริยาช่องที่ 1

 

You must clean the toilet.
ยู มัสทฺ คลีน เดอะ ท้อยเหล็ด
คุณต้องทำความสะอาดห้องน้ำ
ประโยคในลักษณะนี้ เป็นการบอกให้ทำ หรือเป็นการสั่ง การแต่งประโยคแบบอื่น ก็ใช้ you must + คำกริยาที่ต้องการได้เลย

 

You have to clean the toilet.
ยู แฮพ ทู คลีน เดอะ ท้อยเหล็ด
คุณต้องทำความสะอาดห้องน้ำ
การใช้ have to/แฮฟ ทู จะมีความหมายว่า จะต้องทำ เป็นเรื่องสำคัญ เพราะห้องน้ำสกปรกมาก จะต้องทำความสะอาด เพราะวันนี้นัด เพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้าน ไม่ทำไม่ได้ หากต้องการพูดว่า จะต้องทำเรื่องใดจริงๆ หลีกเลี่ยงไม่กระทำไม่ได้ ให้ใช้ have to + คำกริยาช่องที่ 1

 

การใช้ You กับ Need คุณจำเป็นต้อง

การใช้ you need ใช้ในความหมายว่า คุณจำเป็นต้อง... หรือคุณต้องการ...

 

You need money to buy food.
ยู นี๊ด มันนี่ ทู บาย ฟู่ด
คุณต้องการเงินเพื่อซ์้ออาหาร
ต้องการอะไร ก็ใช้ You need + สิ่งที่ต้องการ (รถ, บ้าน, ที่ดิน, ฯลฯ ) การใช้ need เป็นความหมายว่า จำเป็นต้องมีสิ่งนั้น เพราะ สำคัญต่อการดำรงชีวิต

 

You need to eat breakfast.
ยู นี้ด ทู อีท เบรคฟัสทฺ
คุณจำเป็นต้องกินข้าวเช้านะ (เพราะสายแล้ว หิวแล้ว)
การใช้ need /นี้ด พูดถึงสิ่งที่จะต้องทำ จะใช้ you need to + คำกริยาช่องที่ 1 สิ่งที่จำเป็นต้องทำ (อาบน้ำ, แปรงฟัน, เข้านอนเร็ว, พักผ่อน ฯลฯ)

 

การใช้ You กับ Dare คุณกล้าที่จะ...

การใช้ You dare จะหมายถึง คุณกล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง ก็ระบุลงไป ถัดจาก you dare + คำกริยาช่องที่ 1 (เดินคนเดียว, ขับ รถคนเดียว,
จับสัตว์ แมลงมีพิษ กล้าบอกความจริง ฯลฯ)
You dare to tell her the truth.
ยู แดร์ ทู เทล เฮอ เดอะ ทรูธ
คุณกล้าที่จะบอกความจริงกับหล่อน

 

หากต้องการพูดประโยคภาษาอังกฤษว่า คุณกล้าทำอะไร ให้ใช้ you dare to + คำกริยาช่องที่ 1
You dare to catch the snake ยู แดร์ ทู แคช เดอะ สะเน้ก
คุณกล้าจับงู เก่งจริงๆ

 

การใช้ You กับ Ought to คุณควรจะ...

การใช้ You ought to .. / ยู ออธ ทู ใช้ในความหมายว่า คุณควรจะ โดยมีโครงสร้างประโยค you ought to + คำกริยาช่องที่ 1
You ought to travel by bus.
ยู ออธ ทู ทราเวิล บาย บัส
คุณควรจะเดินทางโดยรถประจำทาง เพราะสะดวกกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่น การแต่งประโยคแบบนี้ไม่ยาก โดยจะเป็นการแนะนำ ว่า คุณควรจะทำแบบนั้น แบบนี้

 

การใช้ You กับ Used to คุณเคยทำ... .ในอดีต

การใช้ you used to... จะหมายถึง คุณเคยทำอะไรบางอย่างในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว

 

You used to run in the morning.
ยู ยูส ทู รัน อิน เดอะ มอร์นิง
คุณเคยวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า (แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว เพราะต้องทำงานแต่เช้า ต้องเปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเย็น)

 

การใช้ You กับ Be used to คุณเคยชินกับการ...

การใช้ You กับ be used to จะใช้ในความหมายว่า ฉัยเคยชินกับการกระทำอะไรบางอย่าง โดยจะเปลี่ยนจาก be เป็น are เพื่อใช้ กับ You

 

You are used to run in the morning.
ยู อาร์ ยูส ทู รัน อิน เดอะ มอร์นิ่ง
คุณ เคยชินกับการวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า การใช้ประโยคในลักษณะนี้ อาจจะเป็นการสนทนาเรื่องการออกกำลังกาย เมื่อก่อนคุณเคย ชินกับการออกกำลังกายตอนเช้า แต่ทุกวันนี้ ไม่ได้ทำแล้ว เพราะเข้างานแต่เช้า เลยต้องเปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเย็นแทน ก็เลย ต้องปรับตัวยังไม่ชิน บลาๆๆ

 

การใช้ You กับ Get used to คุณเริ่มชินกับ

การใช้ You get used to... จะใช้ในความหมายว่า เริ่มชินกับสิ่งใหม่ที่ได้ทำ หรือหลังจากการเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง เพื่อจะทำ อะไรบางอย่าง

 

You get used to run in the evening.
ยู เก็ท ยูส ทู รัน อิน เดอะ อีฟนิ่ง
คุณเริ่มชินกับการวิ่งออกกำลังกายตอนเย็น จากเมื่อก่อนจะวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า แต่เพราะงานใหม่ต้องตื่นแต่เช้า จึงไม่มีเวลา หลัง จากได้เปลี่ยนมาออกกำลังกายตอนเย็น ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว เริ่มชินกับการทำอะไรใหม่ๆ ก็ใช้ You get used to + คำกริยาได้เลย

 

การใช้ You กับ indent to คุณตั้งใจจะ...

การใช้ You intend to... ในความหมายว่า คุณตั้งใจจะกระทำเรื่องอะไร ทำเรื่องนั้น เรื่องนี้ เป็นประโยคที่เรามักจะพูดอยู่บ่อยๆ ใน ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า you intend to ยู อินเทนดฺ ทู + กริยาช่องที่ 1

 

You intend to get up early.
ยู อินเทนดฺ ทู เก็ท อัพ เออลิ
คุณตั้งใจจะตื่นนอนแต่เช้า
อาจจะสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องการนอน หากคุณยังนอนดึก แต่ตั้งใจจะตื่นตอนแต่เช้า ก็คงเป็นเรื่องยาก

 

การใช้ You กับ Almost คุณเกือบจะ

การพูดว่า คุณเกือบ คุณแทบ หรือ you were almost /ยู เวอ ออลโมสทฺ... หรือ you almost / ยู ออโมสทฺ + กริยาช่องที่ 2 เป็นประโยคที่พูดบ่อยเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องในอดีต ตัวอย่างประโยคเช่น

 

You were almost the winner.
ยู เวอ ออลโมสท เดอะ วินเนอร์
คุณเกือบได้เป็นผู้ชนะ
อาจจะเป็นการเล่าเรื่องในอดีต ว่าคุณมีโอกาสเป็นผู้ชนะ แต่ไม่ชนะ ก็จะใช้ you were almost + คำนามหรือคุณศัพท์ เช่น อ้วน ผอม รวย ซวย โชคดี

 

You were almost bitten by dogs.
ยู เวอ ออลโมสทฺ บิทเท่น บาย ด้อกสฺ
คุณเกือบถูกสุนัขรุมกัด ใช้คำว่า you were almost + คำกริยาช่องที่ 3

 

You almost forgot.
ยู ออลโมสทฺ ฟอร์ก็อท
คุณเกือบลืม
คำกริยา ลืม/forgot/ฟอร์ก็อท เป็นกริยาช่องที่ 2 ของ forget /ฟอร์เก็ต แปลว่า ลืม หลัง almost ส่วนใหญ่จะเป็นคำกริยาช่อง 2 เพราะมักจะกล่าวถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และเกือบจะพลาด เกือบจะไม่ได้ทำสิ่งนั้น ยกเว้นเรื่องที่เกิดในวันเดียวกัน ใช้คำกริยาช่องที่ 1

 

หากต้องการพูดว่า คุณเกือบทำอะไรลงไป คุณเกือบไม่ได้ทำ คุณเกือบ... ให้ใช้ you almost + กริยาช่องที่ 2 ศึกษาได้จากคำกริยา 3 ช่อง

 

You almost missed the big match.
ยู ออลโมสทฺ มิสเสด เดอะ บิ๊ก แมชเช่อะ
คุณเกือบจะพลาดรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่

 

การใช้ You กับ Merely you are merely + คุณศัพท์

การพูดประโยคในความหมายว่า คุณแค่ หรือคุณเพียงแค่ จะใช้ you are merely + คำคุณศัพท์ หรือ you merely + คำกริยา

 

You are merely unlucky.
ยู อาร์ เมียหลิ อันลักกี้
คุณแค่ไม่มีโชคเท่านั้น
แต่งประโยคง่ายๆ ด้วย you are merely + คำคุณศัพท์ (lonely) ตัวอย่างคำคุณศัพท์เช่น สี ขนาด ลํกษณะภายนอก อ้วน ผอม สวย หล่อ สถานการณ์ คุณสมบัติ (ดี ชั่ว)

 

You merely feeled surprised
ยู เมียหลิ ฟิล เซอร์ไพร้
คุณเพียงแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น
แต่งประโยคไม่ยาก ใช้ you merely +คำกริยา+คำคุณศัพท์(surprised)

 

การใช้ You แต่งประโยค ขอให้ใครทำอะไร

การพูดว่า คูให้ใคร...ทำอะไร (Have+บุคคล+กริยาช่อง 1) หรือขอให้ใคร...ทำอะไร (Ask+บุคคล+to+กริยาช่อง 1) ในที่นี้ เหมาะสำหรับใช้เป็นประโยคคำถาม

 

You have Tom repair my bicycle?
ไอ แฮฟ ทอม รีแพร์ มาย ไบซิเคิ่ล. คำว่า เคิ่ล ให้ขึ้นเสียงสูงในลักษณะคำถาม
คุณ ให้ ทอม ซ่อม รถจักรยานของฉัน ใช่ไหม?
การใช้ประโยคในลักษณะนี้ จะนิยมใช้เป็นประโยคคำถามมากกว่า โดยขึ้นเสียงสูงที่คำสุดท้ายคือ ไบซิเคิ่ล. คือขึ้นเสียงสูง ซึ่งจะแปลว่า ใช่ไหม

 

You ask Tom to do my housework?
ไอ อาสคฺ ทอม ทู ดู มาย เฮาสะเวิร์ค?
ฉันขอร้องให้ทอมทำงานบ้านใช่ไหม

 

การใช้ you + Verb to Be ในความหมายว่าถูกกระทำ

การแต่งประโยคว่า คุณถูกระทำ... หรือ ถูกทำให้เสียหาย จะใช้ you were + คำกริยาช่องที่ 3 เช่น

 

You were bitten by dogs.
ยู เวอ บิทเท่น บาย ด้อกซฺ
คุณถูกสุนัขหลายตัวกัด

 

การใช้ you คุณ ใช้ในความหมายเป็นกรรม ....you

การใช้คุณหรือ you จะทำหน้าที่ทั้งเป็นประธานและกรรม โดยมีรูปเดียวกันคือ you
The dog bites you.
เดอะด็อกไบเซอะยู
สุนัขกัดคุณ
คุณ /you/ยู ทำหน้าที่เป็นกรรม bites /ไบเซอะ/กัด คุณ/you/

 

การใช้ your/ยัว หรือ ...ของคุณ your ...

การใช้ your จะใช้ในความหมายว่า ของคุณ ตามด้วยคำนามที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น your pen/ยัวเพ็น/ปากกาของคุณ Your pen is on a table.
ยัว เพ็น อีส ออน อะ เทเบิ้ล
ปากกาของคุณอยู่บนโต๊ะ
การใช้คำว่า Your pen ในประโยคนี้ จะทำหน้าที่เป็นประธาน

 

He stole your pen.
ฮี สโตล ยัว เพ็น
เขาขโมยปากกาของคุณ
คำว่า your pen ในที่นี้จะทำหน้าที่เป็น กรรม

 

การใช้ yours สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของคุณ

My pen is red. Yours is blue.
มาย เพ็น อีส เรด. ไมน์ อีส บลู.
ปากกาของฉันคือสีแดง ปากกาของคุณคือสีน้ำเงิน
การใช้ yours จะแทนความหมายว่า your pen /ยัว เพ็น เพื่อไม่ต้องกล่าวถึงซ้ำๆ yours จะใช้สั้นๆ แทนความหมายว่า your pen นั่นเอง

 

การใช้ yourselves กระทำบางอย่าง....ด้วยตัวเอง

การใช้ yourselves จะใช้ในลักษณะอธิบายหรือพูดถึงการกระทำที่ได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง เช่น
You must learn cooking by yourselves.
ยู มัสทฺ เลิน คุ้กกิ้ง บาย ยัวเซลสฺ
คุณต้องเรียนทำอาหารด้วยตัวเอง ต้องการบอกให้ใครทำอะไรด้วยตัวเองก็ต้องแต่งประโยคคล้ายกันแบบนี้ You must +คำกริยา+by +yourselves

 

บทความนี้ค่อนข้างยาวมากกกกก แต่หากใช้ความอดทนในการอ่านและทำความเข้าใจ ก็จะสามารถแต่งประโยคภาษาอังกฤษที่ขึ้น ต้นด้วยการใช้ สรรพนาม   คุณ หรือ You /ยู ในการสนทนากับชาวต่างชาตินั้น การพูดว่า ยู ทำอย่างนั้น ยู เป็นอย่างนี้ ฯลฯ ไม่ยาก